ลูกเอย...ลูกรัก


ลูกเอย...ลูกรัก

"ครูนุช" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อวิญญาณกลับบ้าน



ดิฉันเป็นคนบางขุนเทียน กรุงเทพฯ นี่เองค่ะ ได้พบกับเรื่องน่าสยดสยองที่สุดในชีวิตมาแล้ว

แต่น่าแปลกตรงที่ในความน่าขนลุกขนพองนั้น มันทำให้รู้สึกสะท้อนถอนใจจนน้ำตารินไหลไปด้วยพร้อมๆ กัน



เพื่อมิให้เป็นการเสียเวลาของท่านผู้อ่าน



ดิฉันขอเล่าประสบการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นเสียเลยนะคะ

ดิฉันเป็นหมันค่ะ บอกตรงๆ เลย ไม่อยากอ้อมค้อมว่ามีลูกยาก เพราะแต่งงานมาตั้งแต่เรียนจบ ทำงานใหม่ๆ

จนเวลาผ่านไป 10 ปีแล้ว ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีลูกน้อยกลอยใจกับเขาสักคนเดียว



สามีกับดิฉันต่างโทษตัวเอง ปลอบใจกันและกันว่า ไม่เป็นไรหรอก



ญาติมิตรอีกมากมายที่อาภัพเหมือนเรา ล้วนแต่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสกันทั้งนั้น

นั่นคือ บอกตัวเองว่าไม่ต้องมีภาระเลี้ยงดูเด็กทารกจนเติบโตเป็นวัยรุ่น มีปัญหายุ่งยากสารพัด พ่อแม่ทุกคนคงจะยอมรับนะคะ

จากประสบการณ์ที่เราเคยพบก็คล้ายๆ กัน กว่าลูกจะโตเป็นหนุ่มเป็นสาว กว่าจะเรียนจบ พ่อแม่ต้องเหนื่อยทั้งกายและใจชนิดสุดๆ



หลายๆ คนก็มีปัญหาอยากได้ลูกชายแต่กลับได้ลูกสาว



หรือไม่ก็ตรงกันข้าม แต่มักจะมีอาการ "องุ่นเปรี้ยว" ไม่มากก็น้อย คนที่ไม่มีลูกบางรายชอบพูดว่าดีแล้ว ฉันไม่รักเด็กหรอก...ทั้งๆ ที่ไปทำกิ๊ฟต์มาจนอ่อนใจแล้ว

ดิฉันยอมรับค่ะว่ารักเด็ก ถึงหมดโอกาสเป็นแม่ แต่ก็ยังรักเด็กๆ มาก โดยเฉพาะเด็กทารกข้างบ้านคนหนึ่ง ชื่อน้องทราย...แกน่ารักเหมือนนางฟ้าน้อยๆ เชียวละ!



น้องทรายเป็นลูกสาวคนแรกของเพื่อนบ้านดิฉันเอง



สมภพกับออนเพิ่งแต่งงานกันได้ราวสองปีก็ตั้งท้อง ดิฉันสนิทกับออนมากเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ คอยเอาใจช่วยตลอด

พอรู้ข่าวก็ดีอกดีใจ เผลอไปแนะนำว่าคนท้องควรกินอาหารแบบไหน อย่างไร? ควรทำและไม่ควรทำอะไร? พอนึกได้ก็ออกตัวเก้อๆ แต่น้องออนรู้ว่าดิฉันหวังดีค่ะ



"ออนยกให้เป็นลูกพี่นุชนะคะ พูดจริงๆ ไม่ใช่ประชดหรือพูดเล่น



ออนจะเลี้ยงอย่างแม่...แต่ขอให้พี่นุชถือว่าเป็นลูกของพี่นุชด้วยแล้วกัน"

ดิฉันกอดเธออย่างซาบซึ้ง...รู้สึกสัมผัสกับทารกในท้องเธอด้วยจิตผูกพัน!

เด็กหญิงทรายคลอดออกมาด้วยน้ำหนักเกือบสามพันกรัม ขาวจั๊วะ จ้ำม่ำ ปากนิดจมูกหน่อย น่ารักเหลือเกินแล้ว...


ดิฉันไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลทั้งเช้าและเย็น



แม้จะกลับบ้านก็ยังวนเวียนไปหา ไปชื่นชม จนพ่อแม่ดิฉันประชดว่าไปอยู่กับเขาเสียเถอะ

หรือไม่ก็ขอมาเลี้ยง...ดิฉันเผลอพูดไปว่า ไม่ต้องขอหรอก แม่เขายกให้แล้ว!

ยอมรับว่าเข้าไปยุ่มย่ามจนเกือบจะเป็นจุ้นจ้าน แต่มันห้ามใจไม่อยู่จริงๆ ค่ะ ยังดีที่น้องออนเข้าใจ บอกว่าได้พี่นุชช่วยมากๆ สมเป็นแม่คนที่สองของทรายเลย



ดิฉันคอยบอกตั้งแต่เรื่องให้นม เปลี่ยนแพมเพอร์ส



อย่าลืมทำความสะอาดกับระวังเรื่องห่อตัวเด็กจะแน่นเกินไป จับนอนคว่ำให้เรอกับหัวกลมสวยต้องคอยดูแล

ดี๋ยวจะนอนคว่ำแล้วหายใจไม่ออก อย่าลืมไปฉีดวัคซีนตามกำหนด ฯลฯ

เวลาน้องทรายนอนดูดนมแม่ ดิฉันจะนั่งมองเหมือนแม่มองลูก...พอผละจากนมแม่แกก็จะหันมายิ้มให้ดิฉันเหมือนรู้เดียงสา...ต้องคว้ามากอดจูบให้สาสมใจ



น้องทรายอายุ 6-7 เดือน ส่งเสียงอ้อแอ้น่ารัก



กำลังสอนคืบสอนคลาน รอเวลาที่จะตั้งไข่ล้มต้มไข่กิน กับส่งเสียงเรียกแม่ๆ ดิฉันอุ้มขึ้นตักแกก็ช้อนมองตาแป๋ว แว่วเสียงเรียกแม่...

ทำให้หัวใจพองโตแทบคับอก นัยน์ตาแสบร้อนไปหมด...ลูกของแม่จริงๆ เพียงแต่ไปอาศัยท้องคนอื่นเกิดเท่านั้นเอง



ยังไม่ทันจะตั้งไข่ น้องทรายก็พลัดตกบันไดคอหักตาย!



ถ้าดิฉันตายไปด้วยคงไม่ต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความโศกเศร้า โลกทั้งโลกมืดมนเพราะคนเลี้ยงสะเพร่า ไม่ได้ปิดลูกกรงหัวบันไดให้แน่นหนา...

ดิฉันกำลังจะเข้าไปหาก็พอดีแวะคุยกับน้องออนที่ห้องรับแขก...ถามหาน้องทรายก็ได้ความว่าอยู่กับพี่เลี้ยงชั้นบน



ขาดคำก็ได้ยินเสียงสยองขวัญ เราหันไปเห็นร่างเล็กๆ



กลิ้งลงมาเหมือนภาพสโลว์โมชั่น...แน่นิ่งไปแล้วแต่นัยน์ตาลืมโพลงเหมือนยังมีชีวิตอยู่!

ทำไมเราไม่ตายไปด้วยนะ? ดิฉันถามตัวเองตั้งแต่กอดศพทารกผู้เปรียบดังดวงใจ! วันเผาร่างน้อย...จนถึงวันที่ไปเยี่ยมน้องออนผู้เศร้าสร้อย



เรากอดกันร้องไห้ด้วยความรู้สึกของแม่ผู้สูญเสียลูกรักไป



โดยไม่มีใครคิดจะเสแสร้งปลอบใจกันและกัน

น้องทรายตายไปครบหนึ่งเดือน วิญญาณเธอก็กลับมา!

วันนั้นดิฉันกลับจากทำงาน อาบน้ำแล้วก็แวะไปเยี่ยมน้องออนที่บ้านเงียบเหงา เธอยิ้มแย้มต้อนรับเหมือนจะทำใจได้แล้ว


บอกว่าจะไปทำน้ำมะนาวเย็นๆ มาให้...



ดิฉันเอื้อมมือไปหยิบอัลบั้มรูปน้องทรายตั้งแต่แรกเกิด ก็พอดีได้ยินเสียงหัวเราะคิกๆ ดังขึ้น

วางอัลบั้ม หันไปมอง เห็นร่างเล็กๆ หายไปข้างตู้เย็น ดิฉันเรียก...น้องทราย! จะเล่นซ่อนหาเหรอ...มาหาแม่มาลูก!



ขณะนั้นเหมือนโลกหยุดหมุน กาลเวลาหยุดนิ่งอยู่กับที่...



น้องทรายในชุดเสื้อกระโปรงสีชมพูคลานตั๊บๆ เข้ามาหา ดิฉันรีบก้มลงกางแขนโอบอุ้มร่างเล็กๆ น่ารักสุดใจเข้ามากอดจูบไปทั่วใบหน้า

ซอกคอและหน้าอกหอมกรุ่น จนมีเสียงหัวเราะกิ๊กกั๊กด้วยความจั๊กจี้เหมือนทุกครั้งที่ดิฉันจูบน้องทราย



เสียงหวีดร้องกับเสียงแก้วแตกเปรื่อง ดังมากระทบหูอื้ออึง



"หายไปไหนมา...ไม่รู้หรือว่าแม่คิดถึงแค่ไหน ต้องจูบให้เข็ด...นี่ๆ ๆ"

ดิฉันเงยหน้ามองเห็นน้องออนยืนกุมอก เบิกตาโพลง ทำท่าเหมือนจะเป็นลม...พี่นุชอุ้มน้องทราย!



ดิฉันสะบัดหน้างงๆ โลกหมุนต่อไปตามเดิม



ก้มลงมองดูสองแขนว่างเปล่าของตัวเอง...ขนลุกซ่าไปทั้งตัว แต่ไม่ใช่ความกลัวแน่ๆ เพราะน้ำตาเอ่อคลอจนแสบร้อน

ภาพต่างๆ พร่าเลือนไป...น้องทรายยังอยู่ค่ะ อยู่ในความทรงจำของเราไปตลอดกาล!




แหล่งที่มา:


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์