วิญญาณที่รอคอย


วิญญาณที่รอคอย

"กรแก้ว" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากรีสอร์ตที่ปราณบุรี



เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วในช่วงวันหยุดปีใหม่ ดิฉันไปเที่ยวปราณฯ กับสามี

ตอนนั้นเราเพิ่งแต่งงาน ยังไม่มีลูกค่ะ และเราทำธุรกิจส่วนตัวด้วย เลยค่อนข้างมีอิสระในการไปเที่ยวไหนต่อไหน จึงได้เปรียบกว่าคนอื่น



คือเราไปก่อนสิ้นวันปีใหม่ราวอาทิตย์หนึ่ง รีสอร์ตที่จองไว้มีคนไม่มากนัก



ดิฉันเป็นคนตื่นเช้ามาก ติดนิสัยมาแต่เด็กแล้วค่ะ ตีห้าเป็นต้องตื่นแล้ว ไม่นอนต่อนะคะ ส่วนสามีนั้นตรงข้ามเลยค่ะ

เขาตื่นสายเป็นประจำ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก นอนดึกนี่คะ ดิฉันนอนราวสี่ทุ่ม ส่วนเขาจะนอนราวตีหนึ่งตีสอง



เช้าแรกที่นั่น ดิฉันลุกมาเข้าห้องน้ำ ทำกิจวัตรประจำวัน



ฟ้ายังมืดสนิท อากาศก็เย็นสบาย เลยคิดว่าออกไปเดินเล่นหน้าห้องดีกว่า

รีสอร์ตเป็นบังกะโลหลังเล็กๆ ปลูกเรียงกัน อยู่ริมทะเลที่ทั้งสะอาดและสงบ เจ้าของรีสอร์ตทำอาหารเองด้วยค่ะ อยากกินอะไรก็บอกได้ เป็นกันเองดีมาก

ดิฉันเดินอยู่ที่ระเบียงหน้าห้อง เห็นเจ้าของรีสอร์ตซึ่งเป็นคุณป้าใจดี เตรียมอาหารอยู่ในส่วนที่เป็นเรือนกระจก



..เรือนนี้ทำเป็นที่รับรองลงทะเบียนมาพัก กับเป็นห้องอาหารไปในตัว



...แสงไฟที่ลอดออกมากับภาพคุณป้าและลูกน้อง 2 - 3 คนกำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียม ดิฉันนึกสนุกอยากไปช่วยเขาบ้าง

ระหว่างที่เดินไปก็ผ่านบังกะโลหลังอยู่ถัดจากดิฉัน มันปิดไฟมืด แต่ประตูเปิดแง้มอยู่นิดๆ และแปลกมากที่มีเสียงเด็กผู้หญิงร้องไห้กระซิกๆ ออกมา


ดิฉันอดไม่ได้ที่จะแอบมองเข้าไป เสียงร้องไห้นั่นคร่ำครวญน่าสงสารจริงๆ



แต่เอ...เมื่อคืนบังกะโลหลังนี้ยังว่าง ไม่มีใครเข้าพักนี่นา พวกเขามากันตอนไหนนะ?

ดิฉันคิดเอาเองว่า คนที่มาพักอาศัยคงจะเป็นครอบครัวเล็กๆ มีพ่อ แม่ ลูก ขณะนี้พ่อแม่คงยังหลับอยู่ก็ได้...แต่เด็กคนนี้ร้องไห้ทำไม?



ทันใดนั้น เด็กหญิงเล็กๆ ราว 6-7 ขวบก็ปรากฏตัวที่ประตู



แกนุ่งขาสั้น สวมเสื้อยืดสีขาวๆ ดิฉันเห็นเพราะแสงไฟจากริมหาดส่องมาสลัวๆ

"เป็นอะไรคะ?" ดิฉันถามเบาๆ เด็กหญิงถักผมเปีย ตาโต ใบหน้าเล็กๆ นั่นขาวเผือดเห็นได้ชัดทีเดียว "ทำไมเปียกอย่างนั้น คุณแม่อยู่ไหน? ยังนอนอยู่เหรอ...."

แกไม่ตอบ แต่ยืนแอบเกาะขอบประตูอยู่เฉยๆ พลางเงยหน้ามองอย่างน่าสงสาร ดิฉันมองเข้าไปในห้อง มันดูเหมือนไม่มีคน เตียงนอนยังมีผ้าคลุมเรียบร้อย



"หนูมายังไงคะนี่?" ชักสงสัยแล้วซิ เด็กเล็กๆ



ขนาดนี้มาทำอะไรอยู่ที่นี่ตามลำพัง หรือว่าแอบหนีใครมา?

"มากับแม่..." แกตอบเบาๆ ปากเกือบไม่ขยับ เสียงแกเหมือนวิทยุที่เราเปิดไว้หรี่ๆ "หนูหนาว...หิวด้วย..."

ดิฉันส่งมือให้แกทันที "มานี่มา ไปกับป้ามั้ยคะ จะได้เช็ดตัวให้แห้ง ดูซิ! มือเย็นเฉียบเลยเชียว...เดี๋ยวเป็นหวัดหรอก"



แกเดินมาตามแรงจูงของดิฉัน ตัวแกเบาราวกับไม่มีตัวตน



แต่สัมผัสของมือทำให้ดิฉันรู้สึกคล้ายกำตุ๊กตาผ้า...แกเงยหน้ามองดิฉัน ดวงตานั้นโตและดำมาก

จนดิฉันชักจะขนลุกแล้วซิ...ใจนึกอยากจะปล่อยมือจากเด็กคนนี้ แต่เหมือนอ่านใจได้ แกจับมือดิฉันแน่นขึ้น



...มันไม่ใช่มือละมุนละไม แต่สากๆ เย็นๆ หนืดๆ พิลึก!



ด้วยความเสียววูบอย่างประหลาด ดิฉันรีบเดินไปที่เรือนกระจกที่คุณป้ากับลูกน้องกำลังก้มหน้าวุ่นวายกับการปัดกวาด

ขาก็ก้าวไป แต่แรงฉุดอันมหัศจรรย์ทำให้ดิฉันถึงกับเซ เกือบเสียหลักแน่ะ

เด็กคนนั้นไม่ยอมเดินค่ะ แกกำมือดิฉันไว้อย่างมั่นคง และยืนนิ่งๆ ทื่อๆ ปักหลักเหมือนเป็นเสาหินยังไงยังงั้น!



ดิฉันหันขวับลงมอง แกยิ้มค่ะ...คุณพระช่วย!



เป็นยิ้มที่น่าเกลียดน่ากลัว น่าสยดสยองที่สุดในชีวิต ปากและฟันแกเป็นสีดำ พอๆ กับนัยน์ตาที่ขยายกว้าง

ดำมืดไม่มีสิ้นสุด และมีน้ำใสๆ ไหลรินออกจากมุมปากข้างหนึ่ง...โลกทั้งโลกเหมือนกำลังแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ในบัดดล



ดิฉันร้องหวีด แล้วก็หมดสติไปเลย!



มารู้สึกตัวอีกที ทั้งสามีและคุณป้า กับคนงานอีก 2 - 3 คนกำลังตกใจ รุมล้อมดิฉันอยู่...

ฟ้าเริ่มสางแล้ว ดิฉันตัวสั่นไปหมด แล้วบอกเสียงแหบแห้งว่า...มีเด็กผู้หญิงจากรีสอร์ตหลังนั้นมาฉุดมือเอาไว้!



คนงานของคุณป้าซึ่งเป็นคนท้องถิ่น บอกว่านั่นอาจเป็นวิญญาณของลูกสาว



ชาวประมงก็ได้...เคยมีครอบครัวชาวประมงครอบครัวหนึ่ง อาศัยอยู่ในที่ดินนี้ก่อนที่จะสร้างรีสอร์ต

ลูกสาวเขาตกเรือจมทะเลหายสาบสูญไป พ่อแม่เสียใจมากและย้ายไปอยู่ที่อื่น

ไม่มีใครคิดเลยว่าวิญญาณเด็กยังอยู่ เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสามปีมาแล้ว ดิฉันเป็นคนแรกที่เจอผีของแก



เราพักที่รีสอร์ตนั้นต่อ ไม่เจอผีอีก



มีคนล้อว่าแกอาจอยากเกิดเป็นลูกดิฉัน...แต่บอกตรงๆ ว่ากลัวมากค่ะ อย่ามาเลย...ขอเวลาทำใจก่อน! ถึงตอนนี้ดิฉันก็ยังไม่มีลูกหรอกค่ะ




แหล่งที่มา:


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์