วิญญาณยังอยู่
"นายโจ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหน้าต่างข้างบ้าน
ผมเป็นคนนอนดึกมากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันที่ไม่ได้ไปเรียนหนังสือตอนกลางคืนนี่มันเงียบดีจริงๆ
ผมชอบดูทีวี เล่นเกม บางทีก็คุยโทรศัพท์กับเพื่อน กว่าจะนอนก็ตีสี่ตีห้า บางทีดูข่าวภาคเช้าแล้วค่อยเข้านอนก็มี
แม่บอกว่าเด็กสมัยนี้เป็นแบบนี้ทุกบ้านเลย!
ดูอย่างข้างบ้านซิ แต่เขาเป็นผู้หญิงนะครับ สวยด้วย สงสัยจะขึ้นปีสองแล้วละ ท่าทางจะแก่กว่าผมสักสอง-สามปีเห็นจะได้
ตอนแรกผมไม่รู้หรอกว่าเธอชื่ออะไร ไม่เคยคุยกันด้วยซ้ำทั้งที่รั้วเดียวกันแท้ๆ แต่ป้าจุก-คนรับใช้บ้านผมซิ รู้จักดีเลย
ป้าจุกรู้เรื่องราวของคนข้างบ้านเพราะคนรับใช้ด้วยกันเอามาเม้าธ์น่ะครับ
ป้าจุกบอกว่า "คุณแตน" เรียนเก่งมาก อ้อ! เธอชื่อคุณแตน....เรียนเก่งซะด้วย! จริงสินะ เธออยู่ดึกๆ ดื่นๆ ก็จริง
แต่ถ้ามองจากหน้าต่างห้องนอนผมไปที่หน้าต่างห้องนอนเธอ ก็จะเห็นว่าพี่แตนหน้าดำคร่ำเครียดอยู่กับคอมพ์
เฮ้อ...ไม่รู้จะขยันไปทำไมกันนักหนา?
ผมไม่เคยเห็นพี่แตนมีเพื่อนฝูงมาบ้าน หรือออกไปไหนต่อไหนเลย ถ้าไม่แต่งตัวไปมหาวิทยาลัยก็จะขลุกอยู่แต่ในห้อง ตัวผอม หน้าซีดๆ ผมเคยเจอเธอตอนกลางวันหนหนึ่งครับ
ตอนนั้นผมขี่จักรยานไปซื้อก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอย ขากลับเห็นเธอเปิดประตูออกมา นุ่งขาสั้น เสื้อยืดหลวมๆ
ผมมัดไว้ข้างหลังง่ายๆ ความจริงเธอก็สวยดี
หุ่นนางแบบเชียว คือผอมสูง หน้าไม่แต่ง เธอยิ้มให้ผมนิดนึง...ก็แค่นั้นแหละครับที่เราได้ทักทายกันน่ะ
ผมไม่เคยคุยกับพี่แตนแม้แต่คำเดียว แต่รู้เรื่องว่าพี่แตนไปโรงพยาบาลบ่อยๆ จากคำบอกเล่าของป้าจุก
....สาเหตุคือพี่แตนเครียดเรื่องเรียนมาก เดี๋ยวปวดท้อง เดี๋ยวปวดหัว!
ที่เครียดเพราะเธอกลัวโดนรีไทร์ครับ แปล๊กแปลก...คะแนนก็ดี ไม่รู้กลัวอะไร แบบนี้ผมว่าเธอประสาทรับประทานแล้วแหงๆ
น่าสงสารนะครับ เธอน่าจะมาคุยกับเด็กเรียนไม่เก่งอย่างผมดูบ้างจะได้หายเครียด!
โธ่...โลกนี้ยังมีอะไรสนุกๆ อีกตั้งมากมาย
ผมเริ่มหาโอกาสสบตากับเธอ กลัวเธอหาว่าทะลึ่งไปจีบข้ามรุ่นเหมือนกัน แต่ถือซะว่าเราบริสุทธิ์ใจ คงไม่เป็นไรหรอกน่า...แหม! ผมเองก็ลูกคนเดียว พี่แตนก็เช่นกัน
ถือว่าเราเป็นพี่เป็นน้อง ดีเสียอีก...เราต่างฝ่ายต่างจะได้มีที่ปรึกษา
ยังไม่ทันไร ป้าจุกก็มาบอกว่าพี่แตนเข้าโรงพยาบาลอีกแล้ว คราวนี้เครียดมาก เอามีดโกนกรีดข้อมือตัวเองเหวอะหวะ!
ได้ยินแล้วผมตกใจน่าดู ยิ่งตอนกลางคืน
พอมองข้ามต้นมะม่วงไปที่หน้าต่างห้องนอนเธอก็ยิ่งใจหาย หน้าต่างนั้นมืดสนิท เหงาหงอยและดูแปลกๆ พิกล...ผมพยายามนึกว่ามันแปลกตรงไหน ก็เลยยืนจ้องหน้าต่างนั้น
พี่แตนครับ! พี่แตนนั่งเป็นเงาตะคุ่มๆ อยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ของเธอ...ผมดูแล้วไม่ผิดหรอก เพ่งแล้วเพ่งอีก
เฮ้อ...โล่งอกซะที ถึงพี่แกจะดูเศร้าๆ แต่อย่างไรก็ตาม...เธอกลับมาแล้ว!
ดูเหมือนเธอจะหันมาทางผมนิดหนึ่ง แล้วหันกลับไปตามเดิม...คืนนั้นผมนอนหลับสบายใจ
แต่ก็ยังวนเวียนคิดสงสารพี่แตน เอาไว้พรุ่งนี้จะไปเยี่ยม...เอ๊ะ! ผมทะลึ่งเกินไปรึเปล่าเนี่ย?
รุ่งเช้า ผมรีบตื่นแล้วขี่จักรยานไปตลาด ซื้อส้มมาโลนึง
พอกลับบ้านป้าจุกก็แซวว่า "วันนี้คุณโจอยากกินส้มถึงขนาดไปซื้อเองเชียว" ผมบอกว่าไม่ใช่หรอก ส้มนี่น่ะ ผมจะเอาไปเยี่ยมพี่แตน ป้าจุกช่วยพาไปหน่อยนะ ไปคนเดียวผมเขิน...
ป้าจุกได้ยินก็ผงะ ร้องลั่นว่า ผมไม่รู้หรอกว่าพี่แตนตายแล้ว?!
อ้าว...พี่แตนตายตั้งแต่เมื่อเย็นวาน!
พ่อแม่เธอเสียใจอย่างหนักจนกลับเข้ามาในบ้านหลังนี้ไม่ได้ ต้องไปนอนบ้านญาติ...คงอีกนานเลยละกว่าจะกลับมาได้
แล้วเมื่อคืนผมเห็นอะไรล่ะ?
พอเล่าให้ป้าจุกฟัง แกขนลุกซู่เห็นเป็นตุ่มๆ พราวไปทั้งตัว...แกบอกว่าเด็กคนใช้สองคนของบ้านพี่แตนก็ขอมานอนกับป้าจุก
เพราะได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมาอยู่ชั้นบน
ประตูห้องน้ำเปิดปิดเหมือนครั้งพี่แตนยังมีชีวิตอยู่...สยองจนขนหัวลุกไปตามๆ กัน
ทุกคนเชื่อว่าวิญญาณพี่แตนกลับมาอยู่บ้านแน่ๆ
ผมเองก็คิดอย่างนั้น!
คนฆ่าตัวตายน่ะ จะต้องวนเวียนอยู่ที่เดิมเพราะแก้ปัญหาไม่ตก ความตายยิ่งทำให้มีปัญหามากขึ้นไปอีก...
ทางพระท่านสอนว่า การฆ่าตัวตายบาปหนักกว่าฆ่าผู้อื่นด้วยซ้ำ
บอกตรงๆ ว่าผมกลัวจนไม่กล้าเปิดหน้าต่างฝั่งตรงข้ามกับห้องพี่แตนอีกเลย แต่ตอนกลางวันผมมองไปที่หน้าต่างนั้น แล้วนึกในใจคุยกับพี่แตน...ขอให้เธอปล่อยวางจากโลกนี้ แล้วไปสู่สุคติ
ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า?
แต่อย่างน้อยผมก็ขอให้เธอมีกำลังใจที่เข้มแข็ง
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเธอมันหนักมาก เราเรียกเวลากลับมาไม่ได้ ชีวิตเธอก็เช่นกัน!
แต่ด้วยความปรารถนาดี ผมคิดว่าอาจช่วยวิญญาณที่น่าสงสารของเธอได้บ้าง...ไม่มากก็น้อยนะครับ!
แหล่งที่มา:
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!