ผีตรอกโพธิ์
"นายเอ็ม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในซอยเปลี่ยว
คนเชื่อเรื่องผียืนยันว่า ผีหรือวิญญาณย่อมสิงสู่อยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นในทุ่งนาป่าเขา
ในทะเลหรือแม่น้ำลำคลองล้วนแต่คลาคล่ำด้วยผู้ไม่มีร่างกายทั้งนั้น เพราะมีคนตายซับตายซ้อนมานับสิบนับร้อยปีแล้ว
วิญญาณไปเกิดใหม่ก็มี ยังไม่เกิดก็มี
เป็นวิญญาณเร่ร่อนหาที่เกิดหรือที่อยู่แบบสัมภเวสี "ผีไม่มีศาล" ก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย
วิญญาณดีก็ดีไป ไม่ทำอันตรายใครให้เดือดร้อน แต่วิญญาณร้ายก็ชอบเกเรปรากฏกายหรือสุ้มเสียงหลอกหลอนผู้คนเล่นตามนิสัยพาลของตน
ส่วนมากน่ะไม่ได้เจตนาจะทำให้คนตกอกตกใจ แต่ต้องการขอส่วนบุญเท่านั้น
พูดก็พูดเถอะครับ ใครโดนผีหลอกซึ่งๆ หน้า
คงไม่มีทางตั้งสติอารมณ์ได้แน่ เพราะความตระหนกอกสั่น หวาดหวั่นจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นได้ง่ายๆ ส่วนมากมักเกิดอาการสติแตก เผ่นกระเจิงชนิดไม่รู้เหนือรู้ใต้ทั้งนั้นแหละครับ
ผมเองเคยเจอกับคืนอาถรรพณ์ โดนผีหลอกสาหัสมาแล้ว!
สมัยหนุ่มๆ ผมอยู่ในซอยเปลี่ยวใจแถวราชวัตร
ค่อนไปทางสถานีรถไฟสามเสน เข้าทางซอยมิตรอนันต์ก็ได้ หรือจะเข้าทางซอยแคบๆ ด้านถนนนครไชยศรีก็ได้...ทางด้านนี้เขาเรียกตรอกโพธิ์ครับ
สาเหตุก็คือตรงกลางซอยมีต้นโพธิ์ขนาดย่อม ต้นหนึ่ง ก่ออิฐโบกปูนตรงโคนต้นเป็นที่นั่งเล่นของคนใจถึง ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่
แต่อย่างว่า...ต่อให้ใจถึงแค่ไหนก็ไม่กล้านั่งเล่น
ตอนกลางคืนหรอกครับ ต้นโพธิ์ยืนทะมึน มืดครึ้ม ผ้าเหลืองๆ แดงๆ พันรอบโคนต้น รวมทั้งตุ๊กตาไม้และดินที่ผู้คนเอามาแก้บนเพราะถูกหวย รวมทั้งสมปรารถนาเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย
ซอยนั้นก็เหมือนซอยอื่นๆ ทั่วไป...นั่นคือ แม้ว่าจะอยู่กลางเมืองแต่ก็เปล่าเปลี่ยวน่าดู โดยเฉพาะตอนกลางคืน
ถ้าเข้าทางหน้าสถานีรถไฟก็ว่าเปลี่ยวแล้วนะครับ
ไม่งั้นเขาคงไม่เรียกกันว่า "ซอยเปลี่ยวใจ" หรอกน่า แต่ยังน้อยกว่าทางด้านถนนนครไชยศรี เพราะเป็นทางแคบที่เข้าได้แค่มอเตอร์ไซค์เท่านั้น มีกำแพงตึกแถวกับทาวน์เฮาส์ขนาบตั้งแต่ปากซอยเข้าไปเลย
ลองนึกภาพถึงคนเดินเข้าซอยตอนค่ำๆ มืดๆ เหมือนเข้าถ้ำที่มีกำแพงปูนขนาบข้าง สูงท่วมหัวดูซีครับ ระยะทางประมาณ 100 เมตร
จนกว่าจะไปถึงทางเลี้ยวซ้าย...
ถ้าตรงไปก็เจอต้นโพธิ์ เลี้ยวซ้ายขวาอีกทีก็จะถึงทางกว้างขวาง
แถวนั้นบ้านช่องเยอะน่าอบอุ่นครับ คุณป้าทองทิพย์ - ครูเก่าเป็นเจ้าของที่ดิน แบ่งขายมาหลายสิบปีแล้ว จนสร้างทาวน์เฮาส์โดดเด่นที่กลางซอยผู้คนคึกคักน่าดู
ผมเจอผีหลอกตั้งแต่ปากซอยด้านตรอกโพธิ์นี่เอง!
เมื่อสิบกว่าปีก่อน ร้านแหลมทองฝั่งตรงข้าม
ยังขายอาหารอีสานรสแซบ ไม่ใช่ขายก๋วยเตี๋ยวหมูกับอาหารตามสั่งเหมือนเดี๋ยวนี้ ผมอาศัยร้านนี้แหละ
เป็นที่สังสรรค์ต้อนรับเพื่อนๆ ที่มาจากศรีย่านสองคน ชื่อเจ้าหมาดกับเจ้าเป๋...ขาเมาทั้งนั้นเลย
พวกเราคุยกันสนุกเฮฮาตามประสาคนหนึ่ง
เรื่องเที่ยวเตร่กับเรื่องสาวๆ ไปยันเรื่องผี เจ้าสองคนนี่คบกันมาตั้งแต่วัยรุ่นแล้วครับ มึงมาพาโวยกันเต็มที่ แต่เราสนุกกันในโต๊ะเท่านั้น ปัญหาเรื่องการเขม่นกันในวงเหล้าจึงหายห่วงไปได้
ราวสี่ทุ่มเศษ ซัดแม่โขงราว 4-5 แบน ถือว่าไม่มากไม่น้อยเพื่อนๆ ก็ขอตัว...วันนั้นดูเหมือนจะเป็นวันอาทิตย์กลางเดือนธันวาคม
ผมส่งเพื่อนขึ้นรถสาย 14 แล้วก็เดินข้ามถนน
เหลือบไปทางรถเข็นขายลูกชิ้นปิงปองหน้าธนาคาร...อ้าว? ไม่อยู่ซะแล้ว
เพิ่งสังเกตว่ารถน้อย ผู้คนแทบไม่มี อากาศหนาวยะเยือกจนขนลุกซู่ซ่าขึ้นมาดื้อๆ อ้าว? ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเลี้ยวเข้าตรอกโพธิ์พอดี!
ไม่รู้ว่าเธอมาจากด้านซ้ายหรือขวา ตอนผมเห็นหลังไวๆ
กับผมยาวถึงกลางหลังเสื้อสีเหลือง กระโปรงสั้นดำ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรนอกจากเดินทอดน่องเลี้ยวเข้าซอย...เห็นเธอเดินนำหน้าผมช้าๆ ในซอยมีแต่เราแค่สองคนเท่านั้นเอง
ไม่มีเสียงฝีเท้าของเราทั้งคู่ สรรพสิ่งมีแต่ความเงียบ ไฟสลัว แสงดาว
วิบวับคล้ายเป็นเพื่อนราตรี อากาศเยือกเย็นลงทุกที
...สะกดความรู้สึกให้พร่ามึนอย่างประหลาด
ใครนะ? ผมอดคิดไม่ได้...พิษเหล้าดูเหมือนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
เดินไปได้ราว 50 เมตร จู่ๆ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจนผมเกือบสะดุ้ง...แต่เป็นเสียงเดินของผมคนเดียว ส่วนผู้หญิงที่เดินนำหน้าช่างเงียบเชียบ ราวกับว่าเท้าไม่ได้แตะพื้นถนน หรือไม่ก็ล่องลอยไปในอากาศได้เอง!
พอไปถึงทางแยกแคบๆ ซ้ายมือเธอก็เลี้ยวลับไป
คล้ายหุ่นยนต์ ผมเร่งฝีเท้าขึ้นจนถึงที่นั่น มองไปก็ไม่เห็นใครเลยนอกจากความอ้างว้างว่างเปล่า...คิดว่าบ้านเธอคงจะอยู่ใกล้ๆ นั่นละมั้ง?
ช่างเถอะ...ผมรีบกลับบ้านดีกว่า อากาศยามดึกยิ่งหนาวมากขึ้นทุกที!
ผีสาง! ผมชะงักกึกเมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินอยู่
ข้างหน้าตามเดิม ไปสู่ต้นโพธิ์ที่ยืนทะมึน...เล่นเอาผมสะบัดหน้า ปากคอแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ตรงนั้นเป็นทางเลี้ยวซ้ายสั้นๆ ก่อนจะเลี้ยวขวาไปสู่หมู่บ้าน...เธอทำท่าราวกับจะเลี้ยวแต่กลับหันมาทางผมเต็มตัว...คุณพระ!
หน้าตาเน่าเฟะไม่ผิดกับคืนฝันร้าย
ผมรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ ม่านตาลายพร่า แหกปากตะโกนลั่นออกมาสุดเสียง
พุ่งพรวดเข้าใส่อย่างคนสติแตก ร้องโหวกโหวย แก้วหูลั่นเปรี๊ยะแต่ยังได้ยินเสียงหมาเห่า เสียงผู้คนเอะอะก่อนจะสิ้นสติไป
ไม่รู้ว่าเป็นวิญญาณร้ายคนใด
หรือสัมภเวสีผีไม่มีศาลที่ไหนมาหลอกหลอนแต่ที่แน่ๆ คือผมไม่กล้าเดินเข้าตรอกโพธิ์ตอนดึกๆ ดื่นๆ อีกเลย...กลัวช็อกตายน่ะซีครับ!
แหล่งที่มา:
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!