หลอนจิตหลุด
"มดยักษ์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกของคนที่มีประสาทที่หก
ผมเป็นคนที่เจอผีบ่อยมาตั้งแต่เด็กแล้วละครับ ไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมอะไรซีน่า บางคนพอรู้เข้าก็มองผมอย่างอิจฉา
เขาบอกว่าผมเท่ซะไม่มี! ก็เพราะผมมีซิกซ์เซนส์ หรือสัมผัสที่หกไงล่ะครับ เขาหาว่าผมมีอำนาจจิตพิเศษยิ่งกว่าคนอื่น
บางคนก็เรียกว่าผม "คนเห็นผี" โธ่...คุณ! มันสยองสิ้นดีเลยนะครับ
การเจอผีของผมนี่ไม่นับที่มาเข้าฝัน หรือ "ผีอำ" ที่เราอาจแย้งได้ว่าเป็นจิตใต้สำนึก หรือประสาทหลอน จริงๆ แล้วผมฝันถึงผีเป็นเรื่องเจ๋งๆ ทั้งนั้นเลย
ผีอำก็เคยครับ รับรองไม่ใช่นอนทับเส้นเด็ดขาด...แต่อย่างที่บอกไว้ละครับ ว่าผมไม่นับว่ามันเป็นประสบการณ์เรื่องผี เพราะมันมีเหตุผลทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์มาโต้แย้งได้
ผีที่ผมเจอ ชนิดที่นับว่าเป็นผีจริงๆ
อย่างเถียงไม่ออก ก็ต้องเป็นประเภทที่ผมเจอโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ยกตัวอย่างก็แล้วกันครับ...เอาเรื่องที่ผมประทับใจที่สุด
เมื่อตอนผมอายุ 10 ขวบ เป็นเด็กแสนซน ทุกเย็นเวลาเลิกเรียนแล้วผมชอบไปเล่นที่บ้านเพื่อนสักชั่วโมงสองชั่วโมงค่อยกลับบ้าน วันหนึ่งผมเล่นเพลินไปหน่อย เงยหน้าอีกที...อ้าว?
ฟ้ามืดตึ๊ดตื๋อ ตายละวา...รีบโทร.หาแม่ก่อนดีกว่า ป่านนี้เป็นห่วงแย่เลย
แม่ของเพื่อนอนุญาตให้ไปใช้โทรศัพท์ที่ชั้นบน เพราะเครื่องที่อยู่ข้างล่างมันเสีย ชั้นบนของบ้านเพื่อนในเย็นนั้นยังไม่มีใครขึ้นไป ทุกคนอยู่ชั้นล่างกันหมด ข้างบนเลยมืดๆ ผมขึ้นบันไดไปสู่ความมืดแล้วกดสวิตช์ไฟแก๊ก...
อุ๊ย! นั่นมีคุณตานุ่งกางเกงแพรสีเขียวหยก ใส่เสื้อป่านคอกลมสีขาวๆนั่งบนเก้าอี้โยก
ลองนึกภาพตามนะครับ...
พอขึ้นไปสุดบันไดก็จะเป็นที่โล่งกว้าง มีห้องนอนอยู่สองด้าน ตรงกลางเป็นลานที่เราสามารถเดินออกไปสู่ระเบียง...เป็นบ้านที่สบายเชียวแหละ
คุณตานั่งเก้าอี้โยกตรงสุดทางด้านโน้น คือใกล้ประตูที่จะออกระเบียง ท่านโยกเก้าอี้ดังออดแอดๆ แล้วมองผมเขม็ง...ผมยกมือไหว้ ท่านยกมือขึ้นข้างหนึ่ง พยักหน้า...และมีสีหน้าอ่อนโยนลง
โทรศัพท์เครื่องที่ผมจะไปใช้
อยู่ตรงกลางระหว่างบันไดกับคุณตาท่านนั้น ผมเอ่ยอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้ว่าขออนุญาตโทรศัพท์ ท่านผายมือไปทางนั้นแล้วยิ้มให้ ผมค่อยโล่งใจแล้วย่องๆ ไปยืนโทรศัพท์ตัวลีบเชียว
พอบอกแม่เสร็จก็วางโทรศัพท์เรียบร้อย แล้วหันไปไหว้คุณตา คราวนี้ท่านยกมือรับไหว้
อ้าว...ท่านรับไหว้พร้อมๆ กับสลายไปกลางอากาศซะงั้น!
ผมแหกปากลั่น ไม่รู้โจนลงบันไดมาได้อีท่าไหน ผู้คนแตกตื่นกันทั้งบ้าน
ปรากฏว่าชายชราท่านนั้นเป็นคุณตาของเพื่อนผมจริงๆ แหละ ท่านตายไปตั้ง 3 ปีแล้ว ผมว่าคืนนั้นคนบ้านเพื่อนคงไม่เป็นอันหลับอันนอนกันละ...
แต่อย่าคิดว่าผีจะมาเป็นอุปสรรคขัดขวาง ไม่ให้ผมไปบ้านนั้นนะครับ ผมยังไปเล่นกับเพื่อนเหมือนเดิม แต่ไม่ยอมอยู่จนมืดค่ำอีกเลย
พอโพล้เพล้ละก็ตัวใครตัวมัน ผมรีบกลับบ้าน
ก่อนมืด แม่ก็สบายใจ แม่ยังบอกว่าแม่ขอบพระคุณคุณตาที่ช่วยให้ผมกลับบ้านแต่วัน
อีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นตอนผมอายุ 28 แล้วละครับ...ไปเที่ยวบ้านเพื่อนอีกคนที่อยู่เชียงใหม่...บ้านเพื่อนคนนี้อยู่นอกตัวเมืองไปราว 10 กิโลเมตร แต่ก็ยังเจริญ ไม่เป็นบ้านนอกแต่อย่างใด คือยังมีตรอกซอกซอย หมู่บ้าน ร้านค้า ฯลฯ
คืนนั้นเพื่อนๆ ดื่มเหล้าดื่มเบียร์ ทำกับแกล้มกันสนุกสนาน
เบียร์ที่ผมชอบเกิดหมดตอน 3 ทุ่ม...อ๊ะ! ไม่เป็นไร ผมไปซื้อที่ปากซอยได้ เพื่อนบอกให้ผมเอาจักรยานไปแต่ผมอยากเดิน มันไม่ไกลนี่ครับ ราว 300 เมตรเท่านั้นเอง
แหม! เปลี่ยวก็ไม่เปลี่ยวด้วย บ้านคนทั้งนั้น
ผมคิดผิดครับ!!
จริงอยู่ที่ตลอดซอยเป็นบ้านคนสะพรั่งไปหมด แต่ 3 ทุ่มเนี่ยชาวบ้านชาวช่องเขาเข้าบ้านเงียบกันหมดแล้ว...มันก็เหมือนผมเดินเดียวดายอยู่ปลายโลกร้างยังไงยังงั้น!
ระหว่างบ้านเพื่อนกับกลางซอยมีต้นมะขามสูงใหญ่ อายุคงจะหลายสิบปี เผลอๆ อาจจะถึงร้อยก็ได้ กิ่งก้านสาขาดูมันแข็งแกร่ง ใบดกหนา ร่มครึ้มมากๆ เลย
ขาไป ผมเดินผ่านต้นมะขามได้ยินเสียงเหมือนผู้หญิงร้องไห้
ผมคิดว่าเป็นเสียงวิทยุหรือทีวีแว่วมา ก็ไม่ได้คิดอะไร แม้ว่าอาการในฤดูหนาวช่วงปลายปีค่อนข้างเยือกเย็นจนขนลุกซู่ก็เถอะครับ
ขากลับ พอเดินผ่านมะขามต้นนั้น ผมคิดว่าหางตาเห็นอะไรสีขาวๆแวบๆ ผมพยายามไม่คิดว่ามันเหมือนคนนั่งบนกิ่งมะขาม และห้อยขาลงมา...
เมื่อไม่คิดผมก็ก้มหน้าซะ ไม่สนใจมอง
แต่พอเดินคล้อยหลังไม่กี่ก้าว ก็มีเสียงอะไรหนักๆ ตกจากต้นมะขามดังตุ้บ!
ผมหันขวับไปดูโดยสัญชาตญาณ ปรากฏว่าเป็นร่างผู้หญิง ผมยาว แต่งชุดนอนขาวๆ โอ้โฮ! ผมโกยแน่บไม่คิดชีวิต ต่อมอะดรีนารีนขับพลังเหนือมนุษย์ ทำให้ผมวิ่งได้ราว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็มาหอบแฮกๆ ที่บ้านเพื่อน
ครับ...ต้นมะขามนั้นเคยมีผู้หญิงอกหักมาผูกคอตายจริงๆ
ประสบการณ์เรื่องผมเจอผียังมีอีกเยอะ แต่อยากจะอ่านเรื่องขนหัวลุกของเพื่อนๆ น่ะซี คิดว่าคงจะหลอนจิตหลุดน่าดู...จริงมั้ยครับ?
แหล่งที่มา:
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!