ผีหน้าคุก
"ประสงค์ดี" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหน้าเรือนจำกรุงเทพฯ
ผมอยู่แถวงามวงศ์วานมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วละครับ พ่อแม่ไปซื้อบ้านจัดสรรไว้เมื่อ 20 กว่าปีก่อน
ตอนนั้นบ้านเรือนยังไม่คับคั่งขนาดนี้ รถราก็แล่นกันได้สบาย ไม่ถึงกับติดเป็นแพในตอนเช้าๆ เย็นๆ
ตอนผมไปอยู่ใหม่ๆ ได้ยินพวกผู้ใหญ่แถวบ้าน
ล้วนแต่รุ่นลุงรุ่นป้าไปถึงรุ่นตายายมักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สมัยก่อนที่นี่มีแต่ทุ่งนาทั้งนั้น
ผู้คนไม่ค่อยมีหรอกครับ เพราะไปอยู่ในไร่ในนากันหมด พอตกเย็นๆ เข้าหน่อยก็แสนจะเปล่าเปลี่ยวน่าดู
เรื่องผีดุตามท้องไร่ท้องนาน่ะ เยอะครับ
ตะละคนมีเรื่องขนหัวลุกมาเล่าสู่กันฟังทั้งนั้นแหละ เด็กๆ งี้มุงกันเกรียว
เมื่อมีถนนซูเปอร์ไฮเวย์ตัดผ่านไปทางดอนเมือง ถนนที่แยกมาทางงามวงศ์วาน แคราย
ก็ชักจะคึกคัก ตึกแถวเริ่มขึ้น ไร่นาใกล้ๆ ถนนก็กลายเป็นบ้านเล็กบ้านน้อย ในที่สุดก็กลายเป็นบ้านจัดสรรผุดเป็นดอกเห็ด
ยิ่งย้ายคุกคลองเปรมมาอยู่ในย่านนั้น
แถมมีเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ขึ้นมาอีก ห้างสรรพสินค้ามาตั้งตระหง่าน รถราแล่นคึ่กๆ
ผู้คนหลั่งไหลมาอยู่ตามความเจริญของบ้านเรือน....ขนาดตึกแถวแต่ละหลังยังมีซอยเล็กซอยน้อยแยกย้ายกันไปอีก ความเปล่าเปลี่ยวก็เป็นอันว่าหายไป
ว่าแต่ภูตผีปีศาจที่เขาว่าเคยมีอยู่อย่างชุกชุมนั้น
จะพลอยถูกความเจริญขับไล่ไปหมดสิ้นจริงๆ หรือ....
ผมได้ประสบกับเรื่องขนหัวลุกเมื่อตอนต้นปีนี้เอง!
บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ผมทำงานอยู่แถวเกษตร - นวมินทร์ แถวนั้นก็เริ่มคึกคักเหลือเชื่อเมื่อ 2-3 ปีมานี้เอง
มีร้านอาหารกว้างขวาง คาราโอเกะ
สปา บาร์ คลับ โรงนวดโรงนาบ แผนไทย แผนสมัยใหม่มีหมด บางแห่งมีพนักงานสาวๆ นานาชนิดตั้งร้อยกว่าคนก็มีครับ
ว่ากันว่า นักเที่ยวจะชอบสเป๊กไหน ยังไง รับรองว่าเข้าไปเที่ยวต้องเจอสาวตรงสเป๊กเข้าจนได้ละน่า!
เรื่องสาวๆ สวยๆ นุ่งน้อยห่มน้อย
ปิดบนนิด แปะล่างหน่อย ขึ้นมาตะลิดติ๊ดชึ่งคล้ายสาวอะโกโก้ แต่มาในนาม "โคโยตี้"
รูดเสาเต้นสะบัดช่อ บางทียังราดน้ำมันจุดไฟลุกพึ่บๆ บนเคาน์เตอร์ให้พวกหนุ่มๆ แหงนหน้ามองตาแทบถลนไปตามๆ กัน
โดยโยตี้สเปเชียลก็มีนะครับ จัดห้องหับพิเศษ
ให้ลูกค้าเข้าไปทัศนาความอวบอึ๋มของน้องหนูโดยไร้ขีดจำกัด ไม่มีอะไรมาปิดบัง เกะกะกีดขวางลูกตา...พวกหนุ่มๆ นักเที่ยวเฮกันตรึมทุกคืน
รุ่นพี่ผมชวนไปเที่ยวหลังเลิกงานน่ะซีครับ เขาเล่าว่าเหมือน "แฟชั่นโชว์" ในคาเฟ่ตอนดึกๆ สมัยก่อนแหละ...ล่อนจ้อนเป็นประจำ
โถ! คนหนุ่มๆ นะคุณ เรื่องการเที่ยวเตร่เสเพล
ก็ต้องมีมั่งเป็นธรรมดา...แต่เพราะการเที่ยวกลับบ้านดึกนั่นเอง ทำให้ผมต้องเจอะเจอกับประสบการณ์ขนลุกขนพองเข้าจังเบอร์!
คืนนั้น เมามายได้ที่ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน อ้อ...ยังไม่ถึงกับ "เมาปลิ้น" ตามสำนวนวัยรุ่นสมัยนี้ เขาว่าขยายความคำว่า "เมา" สมัยก่อนก็มี "เมาแอ๋" "เมาหัวราน้ำ" นะครับ ผมเคยได้ยินพวกผู้ใหญ่เขาพูดกัน
ผมขับรถกลับบ้านในอารมณ์ครึ้มๆ เพียงเดียวดาย...
สองข้างทางดูเงียบเชียบ เยือกเย็น หน้าหนาวอย่างนี้ผู้คนคงจะเข้านอนเร็วกว่าปกติ แสงไฟจากโคมถนนส่องลงมาเป็นสีเหลืองๆ
ชวนให้พร่ามึน วูบวาบเหมือนถูกสะกดยังไงพิกล...นึกถึงคำบอกเล่าสมัยเด็กๆ ว่าครั้งก่อนย่านนี้ยังเป็นทุ่งไร่ทุ่งนาทั้งนั้นเลย
ผ่านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พอดี!
ผู้ต้องขัง หรือนักโทษคงนอนหลับสุขารมณ์กันไปหมดแล้ว ถึงชีวิตตอนลืมตาตื่นจะลำบากลำบนแค่ไหน
แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ความหลับใหลแล้ว มนุษย์เราทุกคนก็เท่าเทียมกันหมด ไม่ว่าคนจนคนรวย คนนอกคุกในคุก จริงมั้ยครับ?
จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีลมเย็นๆ พัดวูบเข้ามาในรถ...เอ๊ะ!
ผมปิดกระจกเปิดแอร์แท้ๆ ดันมีลมพัดเข้ามาได้ยังไง?
คล้ายๆ กับได้ยินเสียงเบาะหลังด้านซ้ายยุบฮวบ...เหมือนมีคนร่างใหญ่ทิ้งตัวลงไปเต็มแรง กลิ่นอับๆ แปลกๆ
แผ่ซ่านไปทั้งรถ กลิ่นของน้ำมันเครื่อง สุรา ยาเส้น...อวลกรุ่นจนผมขนลุกซ่า เหลือบมองทางกระจกหลัง แต่ก็ไม่พบเห็นอะไรเลย
คุณพระคุณเจ้า! ความหวาดระแวง
หรือสัญชาตญาณบางอย่างสะกิดเตือนให้ผมรู้ว่า ขณะนี้ผมไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตอย่างเดียวที่อยู่ในรถ แต่มีอะไรอย่างหนึ่งมาอยู่ด้วย...
ผู้ไม่มีร่างกาย!!
รถเหินขึ้นสะพานข้ามคลองบางเขน พุ่งทะยานลงไปเหมือนม้าพยศ หัวใจผมเต้นอึกทึกครึกโครมคล้ายจะพังทลายออกมานอกอก
สองมือเค้นพวงมาลัยราวกับจะเกร็งเกาะ
เป็นสิ่งยึดเหนี่ยว...อากาศเย็นเฉียบลงทุกที แต่เหงื่อผมแตกซิกออกมาเต็มหน้าผากบัดดล
ฉับพลันทันใด เสียงประตูรถกระแทกปัง ลมหนาวกระโชกเข้ามา...สี่แยกไฟแดงข้างหน้าเหมือนพุ่งเข้ามาหา ผมแตะเบรกก่อนจะหักเลี้ยวที่ใต้สะพาน ยูเทิร์นกลับไปเพื่อเลี้ยวเข้าซอยบ้าน
ผู้ไม่มีร่างกายที่ติดรถผมมาแถวๆ หน้าเรือนจำ
ได้ผละจากไปแล้ว...ผมชะลอรถที่ปากซอย มือตีนเย็นเฉียบๆ หัวใจเต้นโครมๆ ปากคอแห้งผากสิ้นดี...
ต่อไปนี้ผมคงไม่ติดลมกับเพื่อนฝูงจนกลับบ้านดึกดื่นอีกแล้ว...ขนหัวลุกครับ! บรื๋ออออ
แหล่งที่มา:
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!