ป้าพริ้งกลับบ้าน


ป้าพริ้งกลับบ้าน

นายตี๋ เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากห้วยขวาง


ผมเป็นเด็กห้วยขวางมาแต่กำเนิด เมื่อเกือบ 30 ปีมาแล้วพ่อแม่มาซื้อบ้านจัดสรรในซอยสุดท้าย มีแต่หลุมบ่อและบึงกว้างน่าใจหาย แต่ก็สมราคาตารางวาละ 700 บาทดีหรอกครับ

เขาจัดสรรแปลงละ 50 ตารางวา พ่อผมซื้อไว้ 2 แปลง รวมเป็นเงิน 7 หมื่นบาท สมัยนั้นไม่ใช่น้อยนะครับ พ่อต้องผ่อนอยู่หลายปีกว่าจะหมด

ห้วยขวางเจริญขึ้นอย่างรวดเร็วเหลือเชื่อ ไม่กี่ปีก็ไม่เหลือความเปล่าเปลี่ยวอีกต่อไป บ้านเรือนและตึกรามขึ้นสะพรั่ง รถราคึ่กๆ ที่ดินขึ้นราคาสูงลิ่ว ในสมัยพลเอกชาติชายเป็นนายกฯ น่ะ ปาเข้าไปตั้งตารางวาละ 7-8 หมื่นบาทแน่ะครับ

ก่อนจะเกิด รสช.ในปี 2534 มีพวกคนจีนจากไต้หวันและฮ่องกงมาขอซื้อถึงตารางวาละ 8-9 หมื่นบาท ตกลงขายไปหลายราย แต่มีอยู่ 4-5 รายไม่ยอมขาย จะเอาตารางวาละ 1 แสนบาท เลยไม่ได้ตกลงกัน



พ่อผมตัดขายไป 1 แปลง ตั้งแต่ตอนตารางวาละ 5 หมื่นแล้วครับ


ฝากแบงก์กินดอกเบี้ยสบายแฮ คนที่ยังไม่ขายเยาะเย้ยใหญ่ว่าทิ้งเงินไปตั้งหลายล้าน ใจร้อนไปได้นี่นา!

เรื่องนี้พ่อไม่แยแส บอกว่าเราพอใจแค่ไหนก็แค่นั้น ได้ลาภแล้วอย่าโลภ...ขืนโลภมากมักลาภหาย! ปรากฏว่าพ่อผมคิดถูกครับ พอเกิดวิกฤตเศรษฐกิจมาถึงยุคฟองสบู่แตกคนที่เคยเกี่ยงจะเอาตารางวาละ 1 แสนบาทน่ะ แทบจะผูกคอตายไปตามๆ กัน เพราะแค่ 5 หมื่นบาทก็ไม่มีใครซื้อ

มาถึงตอนนี้ก็ยังตารางวาละ 4-5 หมื่นบาท ใครสนใจไปดูได้ เห็นมีประกาศขายหลายแปลง...แถวๆ สี่แยกเหม่งจ๋ายนี่เองครับ

อ้าว? ผมว่าจะเล่าเรื่องขนหัวลุกสู่กันฟังนะเนี่ย!



เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนราคาที่ดินพุ่งพรวดๆ เหมือนติดจรวดน่ะ


มีคนมาถามมาซื้อ มาต่อรองราคาขวักไขว่เหมือนกับซื้อของกินของใช้ พวกนายหน้าเดินกันให้ว่อน ไหนจะพวกประเมินราคาอีกล่ะ

สนุกครับตอนนั้น...ไม่มีใครคิดว่าเศรษฐกิจมันจะหักมุมชนิด 360 องศา ดิ่งลงเหวได้ในเวลาไม่ช้าไม่นาน...แถมเกิดเรื่องสยองขวัญอีกต่างหาก

ป้าพริ้งเป็นนายหน้าขายที่ดินคนหนึ่ง บ้านช่องก็อยู่ในซอยเดียวกับผม แกมาเช่าบ้านอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้ มีหลานสาวน่ารักคนหนึ่ง ตอนเช้าพ่อแม่ลูกก็พากันออกจากบ้าน ตกเย็นก็กลับ มีไอ้แบ๊ก-หมาดำปลอดคอยวิ่งส่งวิ่งรับเป็นประจำ

ตกสาย ป้าพริ้งก็แต่งตัวออกมั่ง แกอายุราว 50 แล้วแต่ยังมีเค้าสวย ผิวขาวแก้มอูม ดัดผมหยิกฟูแถมย้อมซะดำปี๋ ชอบนุ่งกระโปรงลายดอก สวมเสื้อสีสดใส หิ้วกระเป๋าสีดำใบใหญ่ไม่เคยขาด...ได้ข่าวว่าแกเป็นโรคหัวใจแต่ก็ยังดูแข็งแรงดีนะครับ




ไม่รู้ว่าป้าพริ้งไปไหน?


บางทีก็กลับบ้านตอนบ่ายๆ แต่บางวันก็ค่ำมืด กว่าจะเดินเข้าซอยมา...ไอ้แบ๊กดูเหมือนจะติดป้าพริ้งมากกว่าคนอื่น มันวิ่งมาคอยรับแกทุกวัน

"คุณป้าไปเที่ยวไหนครับ?" ผมเคยถาม ป้าพริ้งก็ยิ้มให้ ตอบสั้นๆ ว่าไปธุระ แล้วเดินฉับๆ ผ่านหน้าบ้านผมไป วันต่อมาผมเคยถามอีก แกก็ตอบว่า...ไม่ขายที่จ้ะพ่อตี๋ ไปกับป้าไหมล่ะ?

อดสงสัยไม่ได้ว่าป้าพริ้งไปขายที่อะไรทุกๆวัน ผมเลยไปถามแม่จนได้คำตอบว่า...แกเป็นนายหน้าขายที่ดิน! ตอนนั้นผมยังงงๆ จนแม่อธิบายว่า นายหน้าคือคนที่พาคนซื้อไปพบคนขาย ถ้าตกลงกันได้ตัวเองก็จะได้รับส่วนแบ่ง จะ 3 หรือ 5 เปอร์เซ็นต์ก็แล้วแต่จะตกลงกันไว้...ป้าพริ้งยึดอาชีพนายหน้าเลี้ยงลูกมาตั้งแต่ผัวตายแล้ว



ตอนเย็นๆ ผมกลับจากโรงเรียนมาถึงบ้าน แม่หาอะไรให้กิน


แล้วก็ออกมาวิ่งกับเพื่อนๆ แถวร้านกาแฟอาโกกับเจ๊เฮียงที่อยู่กลางซอย พอใกล้ค่ำก็มักจะเห็นป้าพริ้งเดินเข้ามา ผมถูกชะตากับแกก็เข้าไปทักทายเป็นประจำ

บางวันป้าพริ้งก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ควักขนมอร่อยๆ ให้ไปกินกับเพื่อน แต่บางวันแกก็หน้าบึ้งหน้างอ ผมทักทายแกยังแทบไม่มองหน้าซะด้วยซ้ำไป

แม่ไขข้อข้องใจให้ฟังตามเคย!

ป้าพริ้งไม่ได้วิ่งขายที่ทุกวันหรอกครับ ส่วนมากแกจะไปเข้าบ่อนไพ่ตองในซอยใกล้ๆ กัน วันไหนรวยมาก็อารมณ์ดี แต่ถ้าเสียไพ่ก็อารมณ์บูดเน่า...แม่เคยได้ยินทะเลาะกับลูกชายบ่อยๆ เรื่องเล่นไพ่

วันหนึ่ง ตอนปลายปี 2533 ผมไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ แถวร้านกาแฟตามเคย...จนกระทั่งใกล้ค่ำ ป้าพริ้งก็เดินเข้าซอยมากับชาวบ้านแถวนั้นอีกหลายคน



คุณพระช่วย! วันนั้นป้าพริ้งหน้าตาเหมือนยักษ์มารไม่มีผิด


ทั้งหงิกงอและบูดบึ้ง ตาโปนแทบถลนออกมานอกเบ้า ผมเร่เข้าไปจะทักทายแกตามเคย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นหน้า นัยน์ตาที่จ้องลงมาก็ขุ่นขวาง ดุดันจนน่าตกใจ

"เสียไพ่มาแน่ๆ เลย!" ผมนึก มองตามหลังแกไปด้วยความงุนงงราวกับถูกสะกด จนกระทั่งได้ยินเสียงไอ้แบ๊กเห่าขรมตามเคย...

อะไรกัน? มันหยุดเห่าแล้วโก่งคอหอนเสียงโหยหวน ยิ่งป้าพริ้งเดินใกล้เข้าไป ไอ้แบ๊กยิ่งถอยกรูดๆ แล้ววิ่งหนีไปในอาการลนลาน ผู้คนต่างหันมองสบตากันอย่างงุนงง...ผมถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเห็นแกเลือนรางจางหาย แต่เมื่อขยี้ตาอีกครั้งก็เห็นป้าพริ้งเดินเข้าประตูบ้านไป



ผมรีบเผ่นเข้าบ้าน ใจเต้นระทึก ขนลุกขนพองซะไม่มี



ไอ้แบ๊กเห่าหอนโหยหวนแทบทั้งคืน...รุ่งขึ้นถึงได้ข่าวว่าป้าพริ้งเป็นลมคาบ่อนไพ่ เขาพาแกส่งโรงพยาบาลไปสิ้นใจตอนใกล้ค่ำนั่นเอง...ขนหัวลุกจริงๆ ครับ บรื๋อส์!



แหล่งที่มา:


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์