ทางสามแพร่ง
"หนูปิ่น" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกที่ทางสามแพร่งหน้าบ้าน
บ้านหนูอยู่ถนนสุขุมวิทใจกลางกรุงเทพฯ นี่เอง แต่อยู่หัวมุมตรงทางสามแพร่งพอดี หนูเคยได้ยินพวกผู้ใหญ่เขาพูดถึงทางสามแพร่งบ่อยๆ ว่าไม่ดีบ้าง เป็นอัปมงคลบ้าง หนูก็สงสัยซิคะว่ามีสาเหตุจากอะไร? พอเอาเรื่องนี้ไปถามคุณยาย ท่านก็บอกว่าเป็นคนเชื่อมาแต่ครั้งโบราณแล้ว ว่าสิ่งที่ไม่เป็นมงคลต่างๆ คือเคราะห์ร้ายและภูตผีล่องลอยมาตามหนทาง ไม่มีทางไปก็จะสิงสู่อยู่ที่ทางสามแพร่งนี่แหละ
หนูถามต่อว่าทำไมคนถึงเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาได้ล่ะคะ?
คุณยายก็อดหัวเราะไม่ได้ ตอบว่าผีไม่ใช่คน มันมาจากทางตรงแล้วไปไหนไม่ถูก ไม่เหมือนกับสี่แยกจะได้ผ่านเลยไปได้ คุณยายคงเห็นหนูทำท่าจะซักต่อ เลยตัดบทว่าไม่ต้องกลัวหรอกเพราะเขาหมายถึงบ้านที่ปลูกขวางทางสามแพร่งเท่านั้น บ้านเราอยู่ตรงหัวมุมก็ไม่เป็นไร บ้านที่ว่าปลูกขวางอยู่ตรงข้ามนี่เอง มีกำแพงอิฐบล็อกยาวและมีเสาไฟฟ้าต้นหนึ่งด้วย เมื่อต้นปีมีรถมอเตอร์ไซค์พุ่งเข้าชนรั้วตอนหัวค่ำ คนขับสวมหมวกกันน็อกเลยไม่เป็นไร คนไปดูอาการก็เห็นเขากำลังยืนมองซ้ายมองขวางงๆ เลยถามว่าเมามาหรือเปล่า? เขาตอบยังไงทราบไหมคะ...ผมไม่ได้กินเหล้าซักอึก แต่เห็นทางโล่งๆ อยู่ข้างหน้าเลยพุ่งไปชนอะไรตูม ลุกขึ้นมาถึงได้มองเห็นรั้วนี่เอง ซอยนี้แปลก เหมือนมีผีบังตางั้นแหละ เสียงใครพึมพำว่า...ทางสามแพร่งไง!
ต่อมาหนูสังเกตเห็นมีธูปปักอยู่ตรงโคนเสาไฟฟ้าบ้าง มีอาหารคาวหวานใส่กระทงใบตองมาวางไว้บ้าง
เห็นหมาแถวนั้นเข้าไปดมๆ แล้วเดินเลี่ยงไป ไม่กินหรอกค่ะ แต่บางทีก็เห็นกระทงเปล่าๆ หมาอาจจะกินหมดแล้วก็ได้ แต่หนูยังไม่เคยเห็นพวกมันกินอาหารในกระทงซักที เดือดร้อนต้องไปถามคุณยาย ท่านก็อมยิ้มแล้วเอื้อมมือมาขยี้ผมหนูเล่น...ช่างซักนัก เด็กคนนี้...เขาเอาของกินมาเซ่นผีน่ะ! เอาละซี! ทีนี้เลยเป็นเรื่องว่าเซ่นผีคืออะไร? เอาอาหารมาให้ผีกินหรือคะ? แล้วผีมากินตอนไหน? กลางวันหรือกลางคืน? เห็นผีกินหรือเปล่า? ไม่เห็นแล้วทำไมถึงรู้ว่าผีมันกินล่ะเจ้าคะ?
คุณยายต้องตัดบทว่าเป็นความเชื่อของคนเราที่พิสูจน์ไม่ได้ เหมือนเชื่อว่านรกสวรรค์มีจริงนั่นละ
ถ้าเราเชื่อถืออะไร หรือทำอะไรตามความเชื่อมั่นของเรา โดยไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนก็ถือว่าไม่ใช่ความผิด จนกระทั่งวันหนึ่ง หนูก็ได้พบเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้สงสัยว่าคุณยายคงจะเข้าใจผิดเสียแล้วค่ะ เย็นนั้นหนูเข้าไปเล่นกับเพื่อนบ้านติดๆ กันจนเกือบค่ำ ได้ยินคุณยายร้องเรียกให้มาอาบน้ำกินข้าว หนูก็ออกจากประตูรั้วมา เลี้ยวซ้ายจะเข้าบ้านตัวเอง บังเอิญมองเห็นอะไรบางอย่างที่โคนเสาไฟฟ้าริมรั้วนั่นเข้าพอดี
เด็กชายคนหนึ่งอายุราวสิบขวบ กำลังนั่งยองๆ ก้มหน้าก้มตาใช้มือหยิบอาหารในกระทงใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ
จนหนูหยุดจ้องมองเพราะเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก สรรพสิ่งเหมือนจะเงียบเชียบไปหมดสิ้น! ไม่มีรถราแล่นผ่าน ไม่มีคนเดินไปมา อากาศเย็นยะเยือกชอบกล แสงไฟเริ่มสว่างขึ้น ขณะที่เด็กชายผู้นั้นชะงักมือเหมือนจะรู้ตัวว่ามีคนจ้องมอง...เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองหนูเหมือนภาพสโลว์โมชั่น ใบหน้าขาวซีด มีรอยมอมแมมที่ข้างแก้ม แสงไฟเหนือหัวทำให้เกิดรูปเงาแปลกๆ ที่ใบหน้านั้น หนูเอียงคอมองอย่างสงสัย ก็พอดีได้ยินเสียงเบาๆ ค่อนข้างสั่นเครือดังขึ้นว่า...ฉันหิว! เข้าใจแล้ว! หนูรีบวิ่งตื๋อเข้าบ้าน ร้องเรียกคุณยายแจ้วๆ ท่านกำลังยกฝาชีครอบกับข้าวบนโต๊ะพอดี เพราะพ่อแม่หนูจวนจะกลับจากที่ทำงานมาถึงบ้านแล้ว รีบเล่าเรื่องเด็กชายน่าสงสารกำลังนั่งยองๆ กินอาหารในกระทงตรงทางสามแพร่งพอดี "ไม่ได้เซ่นผีหรอกค่ะ คุณยายขา คนนี่แหละมากิน! หนูเห็นกับตา...ขอข้าวขอแกงไปให้เขากินนะคะ ของในกระทงมีนิดเดียวเขาคงไม่อิ่มหรอกค่ะ"
คุณยายหาว่าหนูตาฝาด เลยต้องฉุดมือออกไปดูด้วยกัน
"นั่นไงคะ" หนูชี้มือไปที่โคนเสาไฟฟ้า "ทำไมมือคุณยายเย็นจัง? เอ๊ะ..." หนูร้องเมื่อเห็นบริเวณนั้นวางเปล่า มีแต่กระทงสอง-สามใบวางอยู่ตามเดิม แต่เด็กผู้ชายคนนั้นไม่ได้หายไปไหนหรอกค่ะ เพียงแต่แกกำลังเดินผละไปในแยกซ้ายมือ...ห่างออกไปทุกทีจนลับตา
"คุณยายเห็นไหมคะ เด็กคนนั้นแหละค่ะ เราเรียกเขามากินข้าวดีมั้ยคะ?"
หนูเขย่ามือเย็นเฉียบของท่าน แต่คุณยายตอบเสียงสั่นๆ ว่า เขากินอิ่มแล้วละ อย่าไปกวนใจเขาเลย...แล้วรีบจูงมือหนูเข้าบ้านทันที น่าสงสารเด็กคนนั้นจังค่ะ!
ขอขอบคุณเรื่องเล่าประสบการณ์ผีจาก
เว็บไซด์พลังจิตดอทคอม
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!