ปริศนาน้ำตาหมาดำ
ทุกๆคนเชื่อไหมว่าสิ่งเร้นลับนั้นมีจริง พูดอย่างงี้ก็คงไม่มีใครอยากจะวางใจเชื่อ
และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับคนที่ไม่เชื่อในสิ่งเหล่านี้แล้วอยากจะพิสูจน์ โบราณว่าน้ำตาหมาดำเพียงหยดเดียวมาลูบที่เปลือกตาทั้งสองข้างก็จะสามารถทำให้ตาธรรมาดาๆของเรานั้นมองเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เพื่อนของผมทุกๆคนไม่มีใครเชื่ออย่างนั้นเลยแต่ก็ไม่มีใครสักคนที่ต้องการจะพิสูจน์ ยกเว้นแต่เพื่อนจอมหยิ่งคนหนึ่ง(ผมขอไม่เอ่ยชื่อ) มันเป็นคนที่มั่นใจในความหยิ่งของมันมาก และไม่ยอมรับว่าตัวเองนั้นกลัวผี มันจึงกล้าท้าผมให้ไปหาน้ำตาหมาดำมาแล้วมันจะลองทำวิธีพิศดารนั้ดู แต่มันก็พูดกับผมไว้เชิงเยอะเย้ยว่า .น้ำตาหมาน่ะไม่ได้หากันง่ายๆนะเฟ้ย คนที่จะทำให้หมาร้องให้เนี่ยมีด้วยเหรอ. ผมได้ฟังมันพูดอย่างนี้ก็รู้สึกฉุนขึ้นมาทันใด จึงรีบไปหาน้ำตาหมามาทันที ก็อย่างที่มันว่าแหละ น้ำตาหมาหาง่ายๆซะที่ไหน บ้านผมก็มีหมาดำอยู่หลายตัวแต่ก็ไม่เห็นพวกคุณๆเหล่านั้นจะร้องไห้ออกมาซักแอะซะที ผมเลยคิดตัดใจเรื่องไร้สาระนี้ไป
แต่แล้วเจ้าเฉาก็วยหมาสุดห่วงของผมมันก็ทำให้ผมได้ดั่งใจจริงๆ
บังเอิญมันหาวปากกว้างเหมือนอดหลับอดนอน แล้วทันใดนันน้ำตามันก็เริ่มไหลซึมออกมาเล็กน้อย (เวลาหมาหรือคนหาวเนี่ย บางคนคนจะมีน้ำตาไหลมาเล้กน้อย) ผมเลยรีบปาดน้ำตามันใส่หลอดชานมที่พกติดตัวไว้(หลอดชานมใหญ่ๆที่เอาไว้ดูดเม็ดไข่มุก) ได้สักประมาณ 2 หยด เพื่อไม่ให้หยดผมเลยเอานิ้วอุดปากหลอด 2 ข้าไว้ พอได้แล้วผมก็รีบออกไปหากลุ่มเพื่อนที่นั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ ผมเข้าไปบอกเรื่องทั้งหมดที่ผมได้น้ำตาหมามา เพื่อนต่างกฅ็ไม่เชื่อพากันหัวเราะ บ้างก็ว่าเป็นน้ำลายของผม(แม่งคิดได้สกปรกจริงๆ) แต่ไอ้เจ้าเพื่อนที่มันท้าผมกลับทำตามคำท้าอย่างไม่ลังเล มันรีบเอาหยดน้ำตาที่อยู่ในหอดนั้นหยดใส่นิ้วแล้วลูบเปลือกตาทั้งสองข้างทันที ผมและเพื่อนๆเงีบยไปได้ชั่วขระรอดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ผมขายหน้ามากที่ทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ออกไป อุตส่าเฝ้าหามาให้ด้วยความยากลำบาก แล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้านเพราะเย็นมากแล้วเสียเวลาที่ต้องมานั่งคอยผม พอเพื่อนผมแยกย้ายกันกลับ ผมถามเพื่อนคนที่เอาน้ำตาหมาทาเปลือกตาว่า .เอ็ย...เองว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆเหรอ. มันก็ตอบกลับมาอย่างขำๆว่า . เองเลิกคิดถึงเรื่องไร้สาระนี้ได้แล้ว กลับบ้านไปนอนซะ พรุ่งนี้เองจะได้มาปลุกข้าแต่เช้าไปโรงเรียนพร้อมกัน
วันรุ่งขึ้นผมตื่นแต่เช้า พอทำธุระส่วนตัวเสร็จผมก็รีบไปหาเพื่อนคนเมื่อวานที่คุยกันไว้
ผมไปถึงบ้านมันแล้วก็เคาะประตู แต่คนที่เปิดออกมาก็คือแม่ของมันเอง แม่มันบอกกับผมว่าวันนี้มันไม่ค่อยสบายเมื่อเช้าไปปลุกที่ห้องก็เห็นมันนอนคลุมโปรงตัวสั่นอยู่ สงสัยมันคงไปโรงเรียนไม่ได้ ในขณะที่ผมกำลังกราบลาแม่มันไปโรงเรียน มันก็เดินลงมาจากบันไดแต่งชุดนักเรียนเรียบร้อย แม่เขาเลยแปลกใจถามมันว่า .หายดีแล้วเหรอลูก... มันก็ไม่ตอบรีบวิ่งลงมาไปโรงเรียนพร้อมผม ผมดีใจที่มันไม่เป็นอะไรไปเรียนด้วยกันได้ แต่ในขณะที่เรา 2 คนกำลังเดินไปด้วยกัน มันก็ไม่พูดจาอะไรเหมือนที่เคยๆ ผมถามมันว่าเองเป็นอะไรไหม มันก็ไม่ตอบ ผมงุนงงในความพิลึกของมัน ซักพักมันก็ถามผมว่า .เฮ้ยเอง...ไอ้เรื่องน้ำตาหมาดำนั่นเองไปรู้ไปฟังมาจากไหน... (อ๋อ มันติดใจเรื่องนี้นี่เอง) แล้วมันก็พูดต่ออย่างน่ากลัวว่า .เมื่อคืนตอนที่ข้านอนอยู่ที่เตียงข้าได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากนอกหน้าต่าง มันดังเหมือนมีใครเอามือมาลูบกระจกหน้าต่างดัง เอียด เอียด... ข้าเลยตัดสินใจไปเปิดผ้าม่านดู แล้ว....ข้าก็เห็น เห็นผู้หญิงผมยาวปิดหน้าปิดตาใส่ชุดคลุมสีขาวยืนอยู่นอกหน้าต่าง ทั้งๆที่มันเป็นชั้น 2 และนอกหน้าต่างไม่มีระเบียง!!! มันน่ากลัวมาก ผมได้ฟังแล้วยืนอึ้งไปชั่วขณะ เชื่อที่มันพูดจนไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้
ระหว่างที่เดินไปโรงเรียนกำลังจะข้ามถนน มันเป็นถนน4แยก มี 2 เลน
เรา2 คนกำลังข้ามไปเดินข้ามไปอยู่ มันก็ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจแล้วกระโดดเกาะผม มันพยายามจะบอกผมว่ามันเจออะไรที่น่ากลัวน่าสยดสยองมาก และยืนอึ้งอยู่กลางถนน พอดีไฟเขียวแล้วรถวิ่งมา ผมจึงรีบฉุดตัวมันข้ามถนนมาเร็วไว พอเราถึงฝั่งฟุตบาทผมก็ถามมันว่าเมื่อกี้เองเป็นอะไร ทำท่าทำทาง...(ทำเอาเราเหวอไปด้วย) มันก็บอกผมว่ามันเห็น...คนเนื่อตัวเต็มไปด้วยเลือดและหน้าตาที่สยดสยอง สมองไหลเห็นเป็นสีเหลืองๆและลูกตาถลนปลิ้นออกมา ส่วนท่อนล่างของตัวไม่มีเหมือนโดนล้อรถเหยียบขาดไป!!! ผมตกใจแทบบบ้าไปเลย จึงรีบพมมันมาโรงเรียนโดยเร็วที่สุดกลัววว่ามันจะเห้นอะไรที่น่ากลัวอีก พอถึงหน้าประตูโรงเรียนมันก็ยืนนะจังงังอยู่อย่างนั้นไม่กล้าเข้าใกล้ประตูเลย ผมเลยตัวสั่นๆรู้ทันทีว่ามันเห็นอะไรอีก แล้วทันใดมันก็ชี้นิ้วไปที่ประตูตรงนั้น มันพูดออกมาว่ามันเห็นเด็กนักเรียนหญิงห้องข้างๆที่ตายและเพิ่งเผาไปเมื่อ 7 วันก่อน ยืนจ้องมองมันอยู่เหมือนจะรู้ว่ามีมันคนเดียวที่เห็นเขา ผมกลัวมากจนฉี่แทบราดกลั้นใจพามันวิ่งขึ้นห้องเรียนไป ในชั่วโมงสอนระหว่างที่ครูกำลังอธิบาย เราทั้งสองต่างก็ไม่มีกระจิตกระใจเรียนเฝ้าคิดแต่เรื่องที่เจอมา มันถามผมบ่อยครั้ง .มีวิธีที่จะทำให้เป็นเหมือนเดิมไหม มันกลัวจนไม่เป็นอันกินอันนอนแล้ว...แกเป็นคนทำ แกต้องหาวิธีแก้ให้กับข้าด้วย...(ก็ใครล่ะที่ท้าเรา)
ผมจึงคิดหาวิธีที่จะแก้อาถรรรพ์นี้อยู่ตลอดเวลา จึงตกลงกันว่าตอนเลิกเรียนจะพามันไปทำพิธีปัดรังควานที่วัดใกล้ๆโรงเรียน
และในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกเรียน เราทั้งสองได้ชวนกลุ่มเพื่อนๆที่สนิทกันไปวัดด้วยแล้วมันก็ตกลง สรุปเราได้ผู้ร่วมชะตากรรม! เอ้ย...ผู้ร่วมเดินทางมา 6 คน จึงรีบเดินทางไปวัดระหว่างที่เราต้องผ่านซอยที่เป็นคล้ายๆสะลำเล็กๆ ทางเดินแคบมากแต่ก็เป็นหนทางเดียวที่จะพาเราไปถึงวัดโดยเร็วที่สุดดีกว่าเดินไปทางริมถนนที่ไม่รู้ว่าจะเจอกับพวกผีวิญญาณสัมภเวสีไม่รู้อีกกี่แบบ ขณะที่เดินไปอยู่ เราก็ผ่านศาลเจ้าใหญ่ๆศาลหนึ่ง เป็นศาลแบบทรงไทยและเก่าคร่ำคร่าดูน่ากลัว ในศาลนั้นมีเสาแท่งๆตั้งอยู่(ไม่รู้เสาอะไร) แล้วเพื่อนผมมันก็เกิดอาการอีกแล้ว มันเริ่มตัวสั่นเรือๆ แล้วหลับตาปี๋แล้วซุกหลังผม ผมตกใจกลัวมาก มันพูดได้แค่ว่า...ผู้หญิงชุดไทย...ผู้หญิงชุดไทย...เพื่อนที่พากันมาต่างก็กลัวพากันร้องเสียงหลงเกาะกลุ่มกันเป็นกระจุก(ได้ยินเสียงคนหนึ่งพูดว่า กูไม่น่ามากะมันเลย) - -* แล้วเราก็รีบพากันวิ่งออกมาจากซอยนั้น แล้วก็ถึงหน้าประตูวัดทันใด
เฮ้อ...ถึงซะที พอดีช่วงนั้นเป็นเวลาเย็นมากแล้วท้องฟ้าก็ดูสลัวๆ
เราเดินผ่านประตูวัดมาอย่างกังวลใจว่าจะเจออะไรอีก แต่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราทุกคนเห็นกุฏิท่าเจ้าอาวาสอยู่ทางด้านฝั่งของสระน้ำ จึงพากันเดินเลาะสระน้ำไป สระนั้นเป็นสระใหญ่มากและดูท่าทางสักดิ์สิทธิ์มากด้วย ผมเห็นศาลเจ้าเล็กๆตั้งอยู่ริมขอบสระของอีกฝั่งหนึ่ง ข้างศาลนั้นมีต้นโพธิ์ใหญ่อายุหลายร้อยปีตั้งอยู่ ทันใดนั้นเองไอ้เจ้าเพื่อนผมมันก็เกิดล้มฟุบลงไปตัวสั่นร้อนรนดูท่าทางทรมาน มันก็ชี้ให้ผมดูที่ศาลเล็กๆนั่น แล้วมันก็พูดว่า...มันเห็นงูเหลือมสีเผือกทองตัวใหญ่เกินไปที่จะเป็นงูธรรมดากำลังพันอยู่ที่ต้นโพธิ์ หันหน้าชูคอมาทางมันแล้วเลื้อยลงจากต้นโพธิ์ลงสระน้ำมุ่งหน้ามาทางมัน
ขณะที่พวกเราทุกคนไม่เห็นและพากันกอดกลุ่มกันไว้แน่น
ทันใดนั้นเองอาการมันก็หายเป็นปลิดทิ้ง พอดีจังหวะกับเจ้าอาวาสเดินออกมาจากกุฏิ (คงเป็นเพราะเสียงโหวกเหวกของพวกเรา) ท่านเจ้าอาวาสถามพวกเราว่ามีธุระอะไร ผมจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดตลอดจนเรื่องที่เจอๆมาให้ท่านเจ้าอาวาสฟัง ว่าแล้วท่านก็พาพวกเราเข้าไปที่กุฏิ ท่านเจ้าอาวาสถามเพื่อนเจ้ากรรมของผมว่า .เมื่อกี้เห็นด้วยใช่ไหม เขาเป็นเจ้าที่เจ้าทางที่คอยดูแลรักษาสระน้ำนี้ไม่ให้พวกโจรหรือขโมยมาจับปลาวัดไปกิน ที่เอ็งเจ็บปวดทรมานก็เพราะว่าเขากำจัดสิ่งอัปมงคลในตัวเอ็งทิ้งไปเพื่อชำระให้บริสุทธิ์จึงจะขึ้นกุฏิข้าได้... ท่านเจ้าอาวาสคงจะหมายถึงงูอะไรนั่น และแล้วการทำพิธีล้างอาถรรพ์ก็เริ่มขึ้น ท่านสวดบทอะไรก็ไม่รู้แปลไม่ออกที่แน่ๆมันไม่ใช่ภาษาเราแล้วกัน แล้วท่านก็นำกระปุกที่น่าจะเป็นขี้ผึ้งปลุกเสกมาทาเปลือกตาทั้งสองข้างของมัน แล้วบอกให้มันไปล้างตาในอ่างน้ำมนต์ และแล้วอาการผิดปกติของมันก็หายเป็นปลิดทิ้ง
เราทั้งหมดจึงกราบลาท่านเจ้าอาวาสแล้วพากันกลับ ผมโล่งใจที่เรื่องนี้ผ่านไปได้ด้วยดี และก็เป็นอุทาหรณ์ว่า ( คนที่ไม่เชื่อในสิ่งเร้นลับ ก็ไม่ควรลบหลู่หรือหาวิธีต่างๆในการพิสูจน์ ควรทำใจเฉยๆไว้ แล้วทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี)....
ขอขอบคุณประสบการณ์ลี้ลับจาก
เว็บไซด์พลังจิตดอทคอม
และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับคนที่ไม่เชื่อในสิ่งเหล่านี้แล้วอยากจะพิสูจน์ โบราณว่าน้ำตาหมาดำเพียงหยดเดียวมาลูบที่เปลือกตาทั้งสองข้างก็จะสามารถทำให้ตาธรรมาดาๆของเรานั้นมองเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เพื่อนของผมทุกๆคนไม่มีใครเชื่ออย่างนั้นเลยแต่ก็ไม่มีใครสักคนที่ต้องการจะพิสูจน์ ยกเว้นแต่เพื่อนจอมหยิ่งคนหนึ่ง(ผมขอไม่เอ่ยชื่อ) มันเป็นคนที่มั่นใจในความหยิ่งของมันมาก และไม่ยอมรับว่าตัวเองนั้นกลัวผี มันจึงกล้าท้าผมให้ไปหาน้ำตาหมาดำมาแล้วมันจะลองทำวิธีพิศดารนั้ดู แต่มันก็พูดกับผมไว้เชิงเยอะเย้ยว่า .น้ำตาหมาน่ะไม่ได้หากันง่ายๆนะเฟ้ย คนที่จะทำให้หมาร้องให้เนี่ยมีด้วยเหรอ. ผมได้ฟังมันพูดอย่างนี้ก็รู้สึกฉุนขึ้นมาทันใด จึงรีบไปหาน้ำตาหมามาทันที ก็อย่างที่มันว่าแหละ น้ำตาหมาหาง่ายๆซะที่ไหน บ้านผมก็มีหมาดำอยู่หลายตัวแต่ก็ไม่เห็นพวกคุณๆเหล่านั้นจะร้องไห้ออกมาซักแอะซะที ผมเลยคิดตัดใจเรื่องไร้สาระนี้ไป
แต่แล้วเจ้าเฉาก็วยหมาสุดห่วงของผมมันก็ทำให้ผมได้ดั่งใจจริงๆ
บังเอิญมันหาวปากกว้างเหมือนอดหลับอดนอน แล้วทันใดนันน้ำตามันก็เริ่มไหลซึมออกมาเล็กน้อย (เวลาหมาหรือคนหาวเนี่ย บางคนคนจะมีน้ำตาไหลมาเล้กน้อย) ผมเลยรีบปาดน้ำตามันใส่หลอดชานมที่พกติดตัวไว้(หลอดชานมใหญ่ๆที่เอาไว้ดูดเม็ดไข่มุก) ได้สักประมาณ 2 หยด เพื่อไม่ให้หยดผมเลยเอานิ้วอุดปากหลอด 2 ข้าไว้ พอได้แล้วผมก็รีบออกไปหากลุ่มเพื่อนที่นั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ ผมเข้าไปบอกเรื่องทั้งหมดที่ผมได้น้ำตาหมามา เพื่อนต่างกฅ็ไม่เชื่อพากันหัวเราะ บ้างก็ว่าเป็นน้ำลายของผม(แม่งคิดได้สกปรกจริงๆ) แต่ไอ้เจ้าเพื่อนที่มันท้าผมกลับทำตามคำท้าอย่างไม่ลังเล มันรีบเอาหยดน้ำตาที่อยู่ในหอดนั้นหยดใส่นิ้วแล้วลูบเปลือกตาทั้งสองข้างทันที ผมและเพื่อนๆเงีบยไปได้ชั่วขระรอดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ผมขายหน้ามากที่ทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ออกไป อุตส่าเฝ้าหามาให้ด้วยความยากลำบาก แล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้านเพราะเย็นมากแล้วเสียเวลาที่ต้องมานั่งคอยผม พอเพื่อนผมแยกย้ายกันกลับ ผมถามเพื่อนคนที่เอาน้ำตาหมาทาเปลือกตาว่า .เอ็ย...เองว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆเหรอ. มันก็ตอบกลับมาอย่างขำๆว่า . เองเลิกคิดถึงเรื่องไร้สาระนี้ได้แล้ว กลับบ้านไปนอนซะ พรุ่งนี้เองจะได้มาปลุกข้าแต่เช้าไปโรงเรียนพร้อมกัน
วันรุ่งขึ้นผมตื่นแต่เช้า พอทำธุระส่วนตัวเสร็จผมก็รีบไปหาเพื่อนคนเมื่อวานที่คุยกันไว้
ผมไปถึงบ้านมันแล้วก็เคาะประตู แต่คนที่เปิดออกมาก็คือแม่ของมันเอง แม่มันบอกกับผมว่าวันนี้มันไม่ค่อยสบายเมื่อเช้าไปปลุกที่ห้องก็เห็นมันนอนคลุมโปรงตัวสั่นอยู่ สงสัยมันคงไปโรงเรียนไม่ได้ ในขณะที่ผมกำลังกราบลาแม่มันไปโรงเรียน มันก็เดินลงมาจากบันไดแต่งชุดนักเรียนเรียบร้อย แม่เขาเลยแปลกใจถามมันว่า .หายดีแล้วเหรอลูก... มันก็ไม่ตอบรีบวิ่งลงมาไปโรงเรียนพร้อมผม ผมดีใจที่มันไม่เป็นอะไรไปเรียนด้วยกันได้ แต่ในขณะที่เรา 2 คนกำลังเดินไปด้วยกัน มันก็ไม่พูดจาอะไรเหมือนที่เคยๆ ผมถามมันว่าเองเป็นอะไรไหม มันก็ไม่ตอบ ผมงุนงงในความพิลึกของมัน ซักพักมันก็ถามผมว่า .เฮ้ยเอง...ไอ้เรื่องน้ำตาหมาดำนั่นเองไปรู้ไปฟังมาจากไหน... (อ๋อ มันติดใจเรื่องนี้นี่เอง) แล้วมันก็พูดต่ออย่างน่ากลัวว่า .เมื่อคืนตอนที่ข้านอนอยู่ที่เตียงข้าได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากนอกหน้าต่าง มันดังเหมือนมีใครเอามือมาลูบกระจกหน้าต่างดัง เอียด เอียด... ข้าเลยตัดสินใจไปเปิดผ้าม่านดู แล้ว....ข้าก็เห็น เห็นผู้หญิงผมยาวปิดหน้าปิดตาใส่ชุดคลุมสีขาวยืนอยู่นอกหน้าต่าง ทั้งๆที่มันเป็นชั้น 2 และนอกหน้าต่างไม่มีระเบียง!!! มันน่ากลัวมาก ผมได้ฟังแล้วยืนอึ้งไปชั่วขณะ เชื่อที่มันพูดจนไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้
ระหว่างที่เดินไปโรงเรียนกำลังจะข้ามถนน มันเป็นถนน4แยก มี 2 เลน
เรา2 คนกำลังข้ามไปเดินข้ามไปอยู่ มันก็ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจแล้วกระโดดเกาะผม มันพยายามจะบอกผมว่ามันเจออะไรที่น่ากลัวน่าสยดสยองมาก และยืนอึ้งอยู่กลางถนน พอดีไฟเขียวแล้วรถวิ่งมา ผมจึงรีบฉุดตัวมันข้ามถนนมาเร็วไว พอเราถึงฝั่งฟุตบาทผมก็ถามมันว่าเมื่อกี้เองเป็นอะไร ทำท่าทำทาง...(ทำเอาเราเหวอไปด้วย) มันก็บอกผมว่ามันเห็น...คนเนื่อตัวเต็มไปด้วยเลือดและหน้าตาที่สยดสยอง สมองไหลเห็นเป็นสีเหลืองๆและลูกตาถลนปลิ้นออกมา ส่วนท่อนล่างของตัวไม่มีเหมือนโดนล้อรถเหยียบขาดไป!!! ผมตกใจแทบบบ้าไปเลย จึงรีบพมมันมาโรงเรียนโดยเร็วที่สุดกลัววว่ามันจะเห้นอะไรที่น่ากลัวอีก พอถึงหน้าประตูโรงเรียนมันก็ยืนนะจังงังอยู่อย่างนั้นไม่กล้าเข้าใกล้ประตูเลย ผมเลยตัวสั่นๆรู้ทันทีว่ามันเห็นอะไรอีก แล้วทันใดมันก็ชี้นิ้วไปที่ประตูตรงนั้น มันพูดออกมาว่ามันเห็นเด็กนักเรียนหญิงห้องข้างๆที่ตายและเพิ่งเผาไปเมื่อ 7 วันก่อน ยืนจ้องมองมันอยู่เหมือนจะรู้ว่ามีมันคนเดียวที่เห็นเขา ผมกลัวมากจนฉี่แทบราดกลั้นใจพามันวิ่งขึ้นห้องเรียนไป ในชั่วโมงสอนระหว่างที่ครูกำลังอธิบาย เราทั้งสองต่างก็ไม่มีกระจิตกระใจเรียนเฝ้าคิดแต่เรื่องที่เจอมา มันถามผมบ่อยครั้ง .มีวิธีที่จะทำให้เป็นเหมือนเดิมไหม มันกลัวจนไม่เป็นอันกินอันนอนแล้ว...แกเป็นคนทำ แกต้องหาวิธีแก้ให้กับข้าด้วย...(ก็ใครล่ะที่ท้าเรา)
ผมจึงคิดหาวิธีที่จะแก้อาถรรรพ์นี้อยู่ตลอดเวลา จึงตกลงกันว่าตอนเลิกเรียนจะพามันไปทำพิธีปัดรังควานที่วัดใกล้ๆโรงเรียน
และในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกเรียน เราทั้งสองได้ชวนกลุ่มเพื่อนๆที่สนิทกันไปวัดด้วยแล้วมันก็ตกลง สรุปเราได้ผู้ร่วมชะตากรรม! เอ้ย...ผู้ร่วมเดินทางมา 6 คน จึงรีบเดินทางไปวัดระหว่างที่เราต้องผ่านซอยที่เป็นคล้ายๆสะลำเล็กๆ ทางเดินแคบมากแต่ก็เป็นหนทางเดียวที่จะพาเราไปถึงวัดโดยเร็วที่สุดดีกว่าเดินไปทางริมถนนที่ไม่รู้ว่าจะเจอกับพวกผีวิญญาณสัมภเวสีไม่รู้อีกกี่แบบ ขณะที่เดินไปอยู่ เราก็ผ่านศาลเจ้าใหญ่ๆศาลหนึ่ง เป็นศาลแบบทรงไทยและเก่าคร่ำคร่าดูน่ากลัว ในศาลนั้นมีเสาแท่งๆตั้งอยู่(ไม่รู้เสาอะไร) แล้วเพื่อนผมมันก็เกิดอาการอีกแล้ว มันเริ่มตัวสั่นเรือๆ แล้วหลับตาปี๋แล้วซุกหลังผม ผมตกใจกลัวมาก มันพูดได้แค่ว่า...ผู้หญิงชุดไทย...ผู้หญิงชุดไทย...เพื่อนที่พากันมาต่างก็กลัวพากันร้องเสียงหลงเกาะกลุ่มกันเป็นกระจุก(ได้ยินเสียงคนหนึ่งพูดว่า กูไม่น่ามากะมันเลย) - -* แล้วเราก็รีบพากันวิ่งออกมาจากซอยนั้น แล้วก็ถึงหน้าประตูวัดทันใด
เฮ้อ...ถึงซะที พอดีช่วงนั้นเป็นเวลาเย็นมากแล้วท้องฟ้าก็ดูสลัวๆ
เราเดินผ่านประตูวัดมาอย่างกังวลใจว่าจะเจออะไรอีก แต่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราทุกคนเห็นกุฏิท่าเจ้าอาวาสอยู่ทางด้านฝั่งของสระน้ำ จึงพากันเดินเลาะสระน้ำไป สระนั้นเป็นสระใหญ่มากและดูท่าทางสักดิ์สิทธิ์มากด้วย ผมเห็นศาลเจ้าเล็กๆตั้งอยู่ริมขอบสระของอีกฝั่งหนึ่ง ข้างศาลนั้นมีต้นโพธิ์ใหญ่อายุหลายร้อยปีตั้งอยู่ ทันใดนั้นเองไอ้เจ้าเพื่อนผมมันก็เกิดล้มฟุบลงไปตัวสั่นร้อนรนดูท่าทางทรมาน มันก็ชี้ให้ผมดูที่ศาลเล็กๆนั่น แล้วมันก็พูดว่า...มันเห็นงูเหลือมสีเผือกทองตัวใหญ่เกินไปที่จะเป็นงูธรรมดากำลังพันอยู่ที่ต้นโพธิ์ หันหน้าชูคอมาทางมันแล้วเลื้อยลงจากต้นโพธิ์ลงสระน้ำมุ่งหน้ามาทางมัน
ขณะที่พวกเราทุกคนไม่เห็นและพากันกอดกลุ่มกันไว้แน่น
ทันใดนั้นเองอาการมันก็หายเป็นปลิดทิ้ง พอดีจังหวะกับเจ้าอาวาสเดินออกมาจากกุฏิ (คงเป็นเพราะเสียงโหวกเหวกของพวกเรา) ท่านเจ้าอาวาสถามพวกเราว่ามีธุระอะไร ผมจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดตลอดจนเรื่องที่เจอๆมาให้ท่านเจ้าอาวาสฟัง ว่าแล้วท่านก็พาพวกเราเข้าไปที่กุฏิ ท่านเจ้าอาวาสถามเพื่อนเจ้ากรรมของผมว่า .เมื่อกี้เห็นด้วยใช่ไหม เขาเป็นเจ้าที่เจ้าทางที่คอยดูแลรักษาสระน้ำนี้ไม่ให้พวกโจรหรือขโมยมาจับปลาวัดไปกิน ที่เอ็งเจ็บปวดทรมานก็เพราะว่าเขากำจัดสิ่งอัปมงคลในตัวเอ็งทิ้งไปเพื่อชำระให้บริสุทธิ์จึงจะขึ้นกุฏิข้าได้... ท่านเจ้าอาวาสคงจะหมายถึงงูอะไรนั่น และแล้วการทำพิธีล้างอาถรรพ์ก็เริ่มขึ้น ท่านสวดบทอะไรก็ไม่รู้แปลไม่ออกที่แน่ๆมันไม่ใช่ภาษาเราแล้วกัน แล้วท่านก็นำกระปุกที่น่าจะเป็นขี้ผึ้งปลุกเสกมาทาเปลือกตาทั้งสองข้างของมัน แล้วบอกให้มันไปล้างตาในอ่างน้ำมนต์ และแล้วอาการผิดปกติของมันก็หายเป็นปลิดทิ้ง
เราทั้งหมดจึงกราบลาท่านเจ้าอาวาสแล้วพากันกลับ ผมโล่งใจที่เรื่องนี้ผ่านไปได้ด้วยดี และก็เป็นอุทาหรณ์ว่า ( คนที่ไม่เชื่อในสิ่งเร้นลับ ก็ไม่ควรลบหลู่หรือหาวิธีต่างๆในการพิสูจน์ ควรทำใจเฉยๆไว้ แล้วทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี)....
ขอขอบคุณประสบการณ์ลี้ลับจาก
เว็บไซด์พลังจิตดอทคอม
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!