บอกแล้วไง อย่าไปทัก!
เรามีเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรงของตัวเองเลยค่ะ
จริงๆแล้วเราไม่ใช่คนเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้ง่ายๆและเวลาเจออะไรแปลกๆก็จะพยายามหาเหตุผลมาอ้างอิงตลอดแต่ พอเจอแบบนี้แล้วเชื่อเลยล่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อราวๆ1ปีมาแล้วเราอยู่ปี 2 กำลังเห่อทำกิจกรรมอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วกิจกรรมที่เราทำนี้ก็เลิกดึกนะประมาณ 2-3 ทุ่มเวลาจะกลับบ้านก็โทรให้พี่ชายมารับ แล้ววันนั้นเราก็ทำกิจกรรมอีกวันนั้นกว่าจะเลิก ก็ประมาณ 2 ทุ่มกว่าพี่ชายเอารถยนตร์มารับ ก็นั้งมาด้วยกันคุยกันสนุกสนานเราก็คุยกันไปเรื่อยๆ
พอถึงทางแยกติดไฟแดง เราเห็นใครแว่บๆวิ่งตัดหน้ารถไป
เราก็ปากไวทักไปว่า" นี่ตัว (คำเรียกพี่ชาย) เมื่อกี้ใครไม่รู้วิ่งผ่านหน้ารถลงไปข้างทางนั่นมันคลองนะใช่ คนบ้ารึเปล่าไม่รู้ " พอพูดจบเท่านั้นมีอะไรสักอย่างมากระแทกปัง! ด้านข้างจนรถสะเทือน เรากับพี่ก็นิ่งเงียบ... สักพักนึง พอรถเคลื่อนออกไป มีเสียงกรี๊ดดดดด! ดังโหยหวนทางด้านหลังรถ (รถของเราเป็นรถแวน)แรกๆเราคิดว่าเทปเสียไง ก็เอื้อมมือไปปิดเทป แต่เสียงนั้นยังดังอยู่มันเป็นเสียงที่บรรยายไม่ถูกแต่มันเป็นเสียงแหลมเล็กกรีดร้องโหยหวนดัวเข้าไปถึงขั้วหัวใจเลย
วินาทีนั้นคือเรานั้งอึ้งนิ่งคือกำลังช็อกอยู่ แต่พี่เราที่ขับรถอยู่รีบเอื้อมมือไปปรับกระจกมองด้านหลังให้หันไปทางอื่นทันที
เสียงนั้นดังอยู่พักใหญ่ ก็ค่อยๆหายไป กว่าเราจะตั้งสติได้ก็ถึงบ้าน ไอ้ตอนที่เราเดินเข้าไปในบ้าน แม่ก็ทักว่าเป็นอะไรกันทำไมทำหน้าอย่างงั้น แม่เห็นได้ทันทีว่ามีอะไรผิดปรกติ เราถึงค่อยๆเล่าให้แม่ฟังตอนนั้นคือหายกลัวบ้างแล้ว พอเล่าจบแม่ก็ตำหนิเราเนอะบอกว่าเห็นอะไรอย่าไปทักนี่คงเป็นวิญญาณผีตายโหงแถวนั้น เราก็ถึงได้คิดได้ว่าตรงที่เราทักนั้นมันเคยมีคนฆ่ากันตาย คือเด็กอายุเท่าไหร่ไม่รู้ฆ่าเด็กอายุ 5 ขวบ เอามีดฟันๆเรียกได้ว่าเด็กนั่นตายอย่างทรมาน เป็นข่าวใหญโตลงหนังสือพิมพ์เลยล่ะ ตอนที่เล่าเราก็ได้ถามพี่เราว่าทำไมต้องปรับกระจกหลังขึ้นตอนอยู่ในรถ พี่เราบอกว่ารู้อยู่แล้วว่าถ้าหากมองกระจกหลังเมื่อไหร่ต้องเห็นอะไรแน่ๆ
จบแล้วล่ะเรื่องเล่าของเรา อืม ลืมบอกไปว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ลำปาง สวัสดีค่ะ.
ขอขอบคุณประสบการณ์ขนหัวลุกจาก
เว็บไซด์ช๊อคเอฟเอ็มออนไลน์ดอทคอม
จริงๆแล้วเราไม่ใช่คนเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้ง่ายๆและเวลาเจออะไรแปลกๆก็จะพยายามหาเหตุผลมาอ้างอิงตลอดแต่ พอเจอแบบนี้แล้วเชื่อเลยล่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อราวๆ1ปีมาแล้วเราอยู่ปี 2 กำลังเห่อทำกิจกรรมอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วกิจกรรมที่เราทำนี้ก็เลิกดึกนะประมาณ 2-3 ทุ่มเวลาจะกลับบ้านก็โทรให้พี่ชายมารับ แล้ววันนั้นเราก็ทำกิจกรรมอีกวันนั้นกว่าจะเลิก ก็ประมาณ 2 ทุ่มกว่าพี่ชายเอารถยนตร์มารับ ก็นั้งมาด้วยกันคุยกันสนุกสนานเราก็คุยกันไปเรื่อยๆ
พอถึงทางแยกติดไฟแดง เราเห็นใครแว่บๆวิ่งตัดหน้ารถไป
เราก็ปากไวทักไปว่า" นี่ตัว (คำเรียกพี่ชาย) เมื่อกี้ใครไม่รู้วิ่งผ่านหน้ารถลงไปข้างทางนั่นมันคลองนะใช่ คนบ้ารึเปล่าไม่รู้ " พอพูดจบเท่านั้นมีอะไรสักอย่างมากระแทกปัง! ด้านข้างจนรถสะเทือน เรากับพี่ก็นิ่งเงียบ... สักพักนึง พอรถเคลื่อนออกไป มีเสียงกรี๊ดดดดด! ดังโหยหวนทางด้านหลังรถ (รถของเราเป็นรถแวน)แรกๆเราคิดว่าเทปเสียไง ก็เอื้อมมือไปปิดเทป แต่เสียงนั้นยังดังอยู่มันเป็นเสียงที่บรรยายไม่ถูกแต่มันเป็นเสียงแหลมเล็กกรีดร้องโหยหวนดัวเข้าไปถึงขั้วหัวใจเลย
วินาทีนั้นคือเรานั้งอึ้งนิ่งคือกำลังช็อกอยู่ แต่พี่เราที่ขับรถอยู่รีบเอื้อมมือไปปรับกระจกมองด้านหลังให้หันไปทางอื่นทันที
เสียงนั้นดังอยู่พักใหญ่ ก็ค่อยๆหายไป กว่าเราจะตั้งสติได้ก็ถึงบ้าน ไอ้ตอนที่เราเดินเข้าไปในบ้าน แม่ก็ทักว่าเป็นอะไรกันทำไมทำหน้าอย่างงั้น แม่เห็นได้ทันทีว่ามีอะไรผิดปรกติ เราถึงค่อยๆเล่าให้แม่ฟังตอนนั้นคือหายกลัวบ้างแล้ว พอเล่าจบแม่ก็ตำหนิเราเนอะบอกว่าเห็นอะไรอย่าไปทักนี่คงเป็นวิญญาณผีตายโหงแถวนั้น เราก็ถึงได้คิดได้ว่าตรงที่เราทักนั้นมันเคยมีคนฆ่ากันตาย คือเด็กอายุเท่าไหร่ไม่รู้ฆ่าเด็กอายุ 5 ขวบ เอามีดฟันๆเรียกได้ว่าเด็กนั่นตายอย่างทรมาน เป็นข่าวใหญโตลงหนังสือพิมพ์เลยล่ะ ตอนที่เล่าเราก็ได้ถามพี่เราว่าทำไมต้องปรับกระจกหลังขึ้นตอนอยู่ในรถ พี่เราบอกว่ารู้อยู่แล้วว่าถ้าหากมองกระจกหลังเมื่อไหร่ต้องเห็นอะไรแน่ๆ
จบแล้วล่ะเรื่องเล่าของเรา อืม ลืมบอกไปว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ลำปาง สวัสดีค่ะ.
ขอขอบคุณประสบการณ์ขนหัวลุกจาก
เว็บไซด์ช๊อคเอฟเอ็มออนไลน์ดอทคอม
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!