ขยะรับวิญญาณ
"จารวี" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากกองขยะในบ้าน
ตั้งแต่จำความได้จนอายุเกือบมีเลขสามนำหน้า เคยเห็นคนสะสมข้าวของเงินทองต่างๆ นานามาก็นับไม่ถ้วน ทั้งสะสมพระเครื่อง, นาฬิกา, ปากกา, ไฟแช็ก, แสตมป์, ธนบัตรและเหรียญเก่าๆ หนังสือ, ปฏิทิน, ลอตเตอรี่และตั๋วรถเมล์, ต้นไม้, รูปภาพดารา, ตุ๊กตารูปสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะปีเกิด...โอ๊ย! จาระไนไม่หวาดไม่ไหว
แต่มีนักสะสมแปลกประหลาดที่สุดอยู่ใกล้บ้าน คือเป็นนักสะสมขยะค่ะ!
...ไม่ใช่พวกซาเล้ง หรือยังชีพด้วยการเก็บของเก่าตามถังขยะขาย แค่เป็นคุณตาวัย 70 เศษบ้านตรงข้ามดิฉัน อยู่แถวดินแดงที่ทะลุไปออกรัชดาภิเษกนี่เอง บ้านนี้เป็นตึกสองชั้นค่อนข้างเก่า สีกะเทาะล่อนหลายแห่ง ตามรั้วอิฐบล็อกก็แตกร้าว มีตะไคร่จับตามรอยน้ำไหล ต้นโพธิ์เล็กๆ แทรกขึ้นมา บริเวณกว้างราวครึ่งไร่ปลูกต้นไม้ร่มครึ้ม พวกมะม่วง, มะขาม, มะยม, มะละกอ พวกไม้ดอกแทบไม่มีเลย คุณตาเป็นข้าราชการบำนาญ นิสัยเก็บตัว ตั้งแต่เกษียณแล้วก็ไม่ค่อยเห็นไปไหน นอกจากลูกสาว 3 คน อายุรุ่นพี่ดิฉันที่ขับรถคนละคันออกไปทำงาน...เป็นคนเงียบๆ เฉยๆ ไม่สุงสิงกับเพื่อนบ้านคล้ายๆ พ่อแม่มาตั้งแต่สมัยเด็กแล้วค่ะ
ทั้ง 3 สามสาวยังเป็นโสด ส่วนดิฉันเพิ่งมีลูกชายขวบเศษ มีตายายกับพี่เลี้ยงคอยดูแล
เวลาสามีกับดิฉันออกไปทำงาน...น่าแปลกอีกอย่างก็คือ บ้านนั้นแทบจะไม่เคยมีแขกมาหาทั้ง 3 สาว พี่ก็ไม่เคยมีเพื่อนฝูงมาบ้านสักคน คนในซอยนินทาแบบเห็นใจว่า...ใครจะอยากพาเพื่อนมาบ้านที่มีขยะเป็นภูเขาเลากา เพราะพ่อขนเข้าบ้านทุกวันมั่งล่ะ ลูกเมียห้ามก็โกรธปึงปังแทบบ้านแตกแน่ะ! ตอนเช้ามืด ก่อนพระจะเข้ามาบิณฑบาต ร่างผอมสูงของคุณตาก็จะเปิดประตูเล็กออกไปยืนเมียงมองที่กองขยะ โดยเฉพาะขยะแห้งหรือรีไซเคิลจะชอบมาก มีคนเอาของเก่ามาทิ้งบ่อยๆ ถึงแม้จะไม่เล่ารายละเอียดก็คงนึกภาพออกนะคะว่ามีอะไรบ้าง
ดิฉันขอเล่าเฉพาะกองขยะที่มองเห็นรอบบ้านมาสิบกว่าปีแล้ว...
กล่องนมที่พับจนแบนมัดรวมกันเป็นปึกๆ กระป๋องเครื่องดื่มในถังพลาสติกแตกรั่ว หูหลุด ขวดน้ำในหลัวเก่าๆ เศษไม้แค่ศอกเดียวก็มี ยาวเป็นวาก็มี กรอบไม้แบบเก่าที่ยังมีรูปถ่ายสีซีดๆ จะเป็นรูปที่เขาเคยตั้งหน้าศพหรือเปล่าก็ไม่รู้...บรื๋อส์! ที่เล่ามาน่ะถือว่าเป็นของเล็กๆ น้อยๆ นะคะ สายยางสีดำๆ สายท่อหยักๆ, แบตเตอรี่ผุพัง, กระป๋องสีขนาดต่างๆ ตุ๊กตาผ้ากับพลาสติก, รถจักรยานหักกลางขึ้นสนิม, รถสามล้อสำหรับเด็กขี่เล่นที่ไม่มีล้อ, แผงไฟฟ้า, ขดลวด, สายไฟขาดๆ เชือกไนลอน, ท่อนเหล็กสนิมเขรอะหลายขนาด, ลังกระดาษใส่ขวดน้ำพลาสติก วิทยุ, ทีวีเก่าหลายสิบปี 5-6 เครื่อง ทั้งจอเล็กๆ จนถึงจอ 17 นิ้ว, เครื่องเล่นวิดีโอ แบบเล่นอย่างเดียวเครื่องเล็ก ทั้งเล่นและอัดได้เครื่องใหญ่ คอมพิวเตอร์อีก 3 เครื่อง...คิดว่าช่างเก่งๆ เห็นเข้าก็คงเบือนหน้าหนีทั้งนั้นแหละ
เสื่อน้ำมัน, ผ้าใบ, กระเบื้องลอนคู่, แอร์เปล่า, ฝาตู้เย็น, กลายเป็นที่เก็บขยะสารพัดชนิดที่โยนทับถมกันจนล้นออกมาเกลื่อนกลาด...แค่นี้ดิฉันก็อ่อนใจเต็มทีแล้วค่ะ ของสำคัญก็คือ โซฟาที่เอียงลงไปกองกับดิน, เก้าอี้เหล็กก้นทะลุ, เก้าอี้นวมขนาดใหญ่ แต่ที่เท้าแขนมีข้างเดียว, เก้าอี้นั่งบุหนังสีคล้ำจนไม่ทราบว่าเป็นสีเดิมหรือเพราะเก่าแก่กันแน่ เรียงรายกันอยู่ข้างรั้วเหมือนเป็นเครื่องประดับอันน่าภาคภูมิใจ
บรรดาขยะทั้งหลายแหล่น่ะ ดิฉันเล่าถึงยังไม่ถึงครึ่งนะคะ เหนื่อยใจ...
และนี่ยังไม่นับของล้ำค่า ที่พวกเราเรียกว่า "ขยะ" น่ะ คุณตาท่านเอาไปเก็บไว้ในบ้านอีกมากมายเท่าไหร่...เคยมีคนในซอยไปเยี่ยมคุณยายแล้วเอามาเล่าว่า ในบ้านน่ะแทบจะไม่มีที่จ่อมก้นนั่งเสียด้วยซ้ำไป ความสุขของท่านนะคะ ไม่อยากคิดอะไรมาก แม้จะเคยได้ยินจิตแพทย์บอกกล่าวทางทีวีว่า คนประเภทนี้ขาดความอบอุ่น ต้องการที่ยึดเหนี่ยวทางใจ...เชื่อว่าข้าวของที่ใครๆ เขาบอกว่าเป็นขยะนั่นแหละคือที่พึ่งพิงของจิตใจ!
พูดกันเล่นๆ ว่าถ้าคิดจะขนขยะพวกนั้นไปทิ้งต้องใช้รถสิบล้อหลายคันถึงจะหมด
เรื่องน่าขนหัวลุกในบ้านนั่นน่ะ พวกเราได้ยินมาหลายปีแล้วค่ะ..คือมีคนเดินผ่านรั้วเตี้ยๆ ราว 1 เมตร ส่วนบนเป็นเหล็กโปร่งรูปสี่เหลี่ยม...เขาเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ผมฟู กำลังขี่รถสามล้อเล่นอยู่ตามใต้ต้นไม้ ทั้งๆ ที่บ้านนั้นไม่มีเด็กแม้แต่คนเดียว บางคนบอกว่าได้ยินเสียงหัวเราะคิกๆ เลยหันไปดูก็แทบช็อกตาย เมื่อเห็นตุ๊กตาลุกขึ้นมาเต้นระบำ เห็นชัดเจนในแสงไฟฟ้าข้างถนน เล่นเอาเผ่นอ้าวจนจับไข้ไปหลายวัน
ดิฉันเคยเห็นครั้งเดียวเมื่อต้นปีนี้เอง!
คืนนั้นราว 3 ทุ่มได้ เราดูข่าวจบแล้วก็ไปยืนคุยกันที่ระเบียงหน้าห้องนอน ฟ้าสวยมากค่ะ จันทร์เต็มดวงส่องแสงขาวนวล ลมหนาวพัดลู่มาตามสุมทุมพุ่มไม้...เสียงหัวเราะจากบ้านตรงข้ามก็ล่องลอยมาตามลม เราหันไปมองพร้อมๆ กัน...ใต้เงาไม้และแสงจันทร์ข้างบ้านคุณตา มีหญิงชายกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งล้อมวงกันอยู่ที่เก้าอี้ผุๆ และโซฟาพังๆ ทั้งที่ปกติมันตั้งเรียงรายกันเป็นแถวอยู่แท้ๆ เกือบจะทันทีนั้น เสียงหัวเราะก็เงียบหายเหมือนปิดสวิตช์
ชายหญิงกลุ่มนั้นค่อยๆ หันมามองเราอย่างเชื่องช้า...ยิ้มกว้างจนแทบจะเห็นฟันทุกซี่
ตาดำๆ โปนใหญ่เต็มหน้า ก่อนจะเลือนรางจางหายไปราวกับเป็นอากาศธาตุต่อหน้าต่อตา ขนลุกซ่า หน้าชาเห่อ ไม่มีใครปริปากอะไรเลย นอกจากจูงมือกันเข้าห้องนอน...สวดมนต์แผ่เมตตาก่อนจะหลับสนิท...หลังจากนั้นไม่กี่วันก็ได้ข่าวว่าคุณตาหัวใจวายตายในห้องน้ำ! หญิงชายที่เราเห็นอาจจะมารับวิญญาณคุณตาก็ได้นะคะ? แต่ที่แน่ๆ คือลูกสาวจ้างคนมาขนขยะทิ้งจนเกือบจะหมดแล้วละค่ะ!
ขอขอบคุณประสบการณชวนขนหัวลุกจาก
ข่าวสดออนไลน์
ตั้งแต่จำความได้จนอายุเกือบมีเลขสามนำหน้า เคยเห็นคนสะสมข้าวของเงินทองต่างๆ นานามาก็นับไม่ถ้วน ทั้งสะสมพระเครื่อง, นาฬิกา, ปากกา, ไฟแช็ก, แสตมป์, ธนบัตรและเหรียญเก่าๆ หนังสือ, ปฏิทิน, ลอตเตอรี่และตั๋วรถเมล์, ต้นไม้, รูปภาพดารา, ตุ๊กตารูปสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะปีเกิด...โอ๊ย! จาระไนไม่หวาดไม่ไหว
แต่มีนักสะสมแปลกประหลาดที่สุดอยู่ใกล้บ้าน คือเป็นนักสะสมขยะค่ะ!
...ไม่ใช่พวกซาเล้ง หรือยังชีพด้วยการเก็บของเก่าตามถังขยะขาย แค่เป็นคุณตาวัย 70 เศษบ้านตรงข้ามดิฉัน อยู่แถวดินแดงที่ทะลุไปออกรัชดาภิเษกนี่เอง บ้านนี้เป็นตึกสองชั้นค่อนข้างเก่า สีกะเทาะล่อนหลายแห่ง ตามรั้วอิฐบล็อกก็แตกร้าว มีตะไคร่จับตามรอยน้ำไหล ต้นโพธิ์เล็กๆ แทรกขึ้นมา บริเวณกว้างราวครึ่งไร่ปลูกต้นไม้ร่มครึ้ม พวกมะม่วง, มะขาม, มะยม, มะละกอ พวกไม้ดอกแทบไม่มีเลย คุณตาเป็นข้าราชการบำนาญ นิสัยเก็บตัว ตั้งแต่เกษียณแล้วก็ไม่ค่อยเห็นไปไหน นอกจากลูกสาว 3 คน อายุรุ่นพี่ดิฉันที่ขับรถคนละคันออกไปทำงาน...เป็นคนเงียบๆ เฉยๆ ไม่สุงสิงกับเพื่อนบ้านคล้ายๆ พ่อแม่มาตั้งแต่สมัยเด็กแล้วค่ะ
ทั้ง 3 สามสาวยังเป็นโสด ส่วนดิฉันเพิ่งมีลูกชายขวบเศษ มีตายายกับพี่เลี้ยงคอยดูแล
เวลาสามีกับดิฉันออกไปทำงาน...น่าแปลกอีกอย่างก็คือ บ้านนั้นแทบจะไม่เคยมีแขกมาหาทั้ง 3 สาว พี่ก็ไม่เคยมีเพื่อนฝูงมาบ้านสักคน คนในซอยนินทาแบบเห็นใจว่า...ใครจะอยากพาเพื่อนมาบ้านที่มีขยะเป็นภูเขาเลากา เพราะพ่อขนเข้าบ้านทุกวันมั่งล่ะ ลูกเมียห้ามก็โกรธปึงปังแทบบ้านแตกแน่ะ! ตอนเช้ามืด ก่อนพระจะเข้ามาบิณฑบาต ร่างผอมสูงของคุณตาก็จะเปิดประตูเล็กออกไปยืนเมียงมองที่กองขยะ โดยเฉพาะขยะแห้งหรือรีไซเคิลจะชอบมาก มีคนเอาของเก่ามาทิ้งบ่อยๆ ถึงแม้จะไม่เล่ารายละเอียดก็คงนึกภาพออกนะคะว่ามีอะไรบ้าง
ดิฉันขอเล่าเฉพาะกองขยะที่มองเห็นรอบบ้านมาสิบกว่าปีแล้ว...
กล่องนมที่พับจนแบนมัดรวมกันเป็นปึกๆ กระป๋องเครื่องดื่มในถังพลาสติกแตกรั่ว หูหลุด ขวดน้ำในหลัวเก่าๆ เศษไม้แค่ศอกเดียวก็มี ยาวเป็นวาก็มี กรอบไม้แบบเก่าที่ยังมีรูปถ่ายสีซีดๆ จะเป็นรูปที่เขาเคยตั้งหน้าศพหรือเปล่าก็ไม่รู้...บรื๋อส์! ที่เล่ามาน่ะถือว่าเป็นของเล็กๆ น้อยๆ นะคะ สายยางสีดำๆ สายท่อหยักๆ, แบตเตอรี่ผุพัง, กระป๋องสีขนาดต่างๆ ตุ๊กตาผ้ากับพลาสติก, รถจักรยานหักกลางขึ้นสนิม, รถสามล้อสำหรับเด็กขี่เล่นที่ไม่มีล้อ, แผงไฟฟ้า, ขดลวด, สายไฟขาดๆ เชือกไนลอน, ท่อนเหล็กสนิมเขรอะหลายขนาด, ลังกระดาษใส่ขวดน้ำพลาสติก วิทยุ, ทีวีเก่าหลายสิบปี 5-6 เครื่อง ทั้งจอเล็กๆ จนถึงจอ 17 นิ้ว, เครื่องเล่นวิดีโอ แบบเล่นอย่างเดียวเครื่องเล็ก ทั้งเล่นและอัดได้เครื่องใหญ่ คอมพิวเตอร์อีก 3 เครื่อง...คิดว่าช่างเก่งๆ เห็นเข้าก็คงเบือนหน้าหนีทั้งนั้นแหละ
เสื่อน้ำมัน, ผ้าใบ, กระเบื้องลอนคู่, แอร์เปล่า, ฝาตู้เย็น, กลายเป็นที่เก็บขยะสารพัดชนิดที่โยนทับถมกันจนล้นออกมาเกลื่อนกลาด...แค่นี้ดิฉันก็อ่อนใจเต็มทีแล้วค่ะ ของสำคัญก็คือ โซฟาที่เอียงลงไปกองกับดิน, เก้าอี้เหล็กก้นทะลุ, เก้าอี้นวมขนาดใหญ่ แต่ที่เท้าแขนมีข้างเดียว, เก้าอี้นั่งบุหนังสีคล้ำจนไม่ทราบว่าเป็นสีเดิมหรือเพราะเก่าแก่กันแน่ เรียงรายกันอยู่ข้างรั้วเหมือนเป็นเครื่องประดับอันน่าภาคภูมิใจ
บรรดาขยะทั้งหลายแหล่น่ะ ดิฉันเล่าถึงยังไม่ถึงครึ่งนะคะ เหนื่อยใจ...
และนี่ยังไม่นับของล้ำค่า ที่พวกเราเรียกว่า "ขยะ" น่ะ คุณตาท่านเอาไปเก็บไว้ในบ้านอีกมากมายเท่าไหร่...เคยมีคนในซอยไปเยี่ยมคุณยายแล้วเอามาเล่าว่า ในบ้านน่ะแทบจะไม่มีที่จ่อมก้นนั่งเสียด้วยซ้ำไป ความสุขของท่านนะคะ ไม่อยากคิดอะไรมาก แม้จะเคยได้ยินจิตแพทย์บอกกล่าวทางทีวีว่า คนประเภทนี้ขาดความอบอุ่น ต้องการที่ยึดเหนี่ยวทางใจ...เชื่อว่าข้าวของที่ใครๆ เขาบอกว่าเป็นขยะนั่นแหละคือที่พึ่งพิงของจิตใจ!
พูดกันเล่นๆ ว่าถ้าคิดจะขนขยะพวกนั้นไปทิ้งต้องใช้รถสิบล้อหลายคันถึงจะหมด
เรื่องน่าขนหัวลุกในบ้านนั่นน่ะ พวกเราได้ยินมาหลายปีแล้วค่ะ..คือมีคนเดินผ่านรั้วเตี้ยๆ ราว 1 เมตร ส่วนบนเป็นเหล็กโปร่งรูปสี่เหลี่ยม...เขาเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ผมฟู กำลังขี่รถสามล้อเล่นอยู่ตามใต้ต้นไม้ ทั้งๆ ที่บ้านนั้นไม่มีเด็กแม้แต่คนเดียว บางคนบอกว่าได้ยินเสียงหัวเราะคิกๆ เลยหันไปดูก็แทบช็อกตาย เมื่อเห็นตุ๊กตาลุกขึ้นมาเต้นระบำ เห็นชัดเจนในแสงไฟฟ้าข้างถนน เล่นเอาเผ่นอ้าวจนจับไข้ไปหลายวัน
ดิฉันเคยเห็นครั้งเดียวเมื่อต้นปีนี้เอง!
คืนนั้นราว 3 ทุ่มได้ เราดูข่าวจบแล้วก็ไปยืนคุยกันที่ระเบียงหน้าห้องนอน ฟ้าสวยมากค่ะ จันทร์เต็มดวงส่องแสงขาวนวล ลมหนาวพัดลู่มาตามสุมทุมพุ่มไม้...เสียงหัวเราะจากบ้านตรงข้ามก็ล่องลอยมาตามลม เราหันไปมองพร้อมๆ กัน...ใต้เงาไม้และแสงจันทร์ข้างบ้านคุณตา มีหญิงชายกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งล้อมวงกันอยู่ที่เก้าอี้ผุๆ และโซฟาพังๆ ทั้งที่ปกติมันตั้งเรียงรายกันเป็นแถวอยู่แท้ๆ เกือบจะทันทีนั้น เสียงหัวเราะก็เงียบหายเหมือนปิดสวิตช์
ชายหญิงกลุ่มนั้นค่อยๆ หันมามองเราอย่างเชื่องช้า...ยิ้มกว้างจนแทบจะเห็นฟันทุกซี่
ตาดำๆ โปนใหญ่เต็มหน้า ก่อนจะเลือนรางจางหายไปราวกับเป็นอากาศธาตุต่อหน้าต่อตา ขนลุกซ่า หน้าชาเห่อ ไม่มีใครปริปากอะไรเลย นอกจากจูงมือกันเข้าห้องนอน...สวดมนต์แผ่เมตตาก่อนจะหลับสนิท...หลังจากนั้นไม่กี่วันก็ได้ข่าวว่าคุณตาหัวใจวายตายในห้องน้ำ! หญิงชายที่เราเห็นอาจจะมารับวิญญาณคุณตาก็ได้นะคะ? แต่ที่แน่ๆ คือลูกสาวจ้างคนมาขนขยะทิ้งจนเกือบจะหมดแล้วละค่ะ!
ขอขอบคุณประสบการณชวนขนหัวลุกจาก
ข่าวสดออนไลน์
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!