ไม่เชื่อ...ก็ต้องเชื่อ


ไม่เชื่อ...ก็ต้องเชื่อ

ปี พ.ศ. 2520 คุณยายของผมได้เข้าไปทำไร่ที่ลำห้วยแม่ก๋อน จังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นแหล่งดินดี

ผมก็ได้ติดตามไปเที่ยวด้วยห้วยแม่ก๋อนอยู่ห่างจากหมู่บ้านป่าแดงประมาณ 7 กิโลเมตรสภาพป่าทึบถูกทำลายไปหมดแล้ว คงเหลือป่าที่มีต้นไม้โหรงเหรง มีชาวบ้านเข้ามาจับจองเนื้อที่ทำไร่ทำสวนหลายราย มีอยู่รายหนึ่งทิ้งที่ไร่ไปหลายปีแล้ว คุณยายจึงถือโอกาสเข้าครอบครองทำกินแทน โดยว่าจ้างชาวบ้าน 3-4 คน ช่วยกันหักร้างถางหญ้าพงรก แล้วลงข้างโพดกับพืชไร่อื่นๆ ไร่ของคุณยายด้านหนึ่งเป็นลำห้วยแม่ก๋อน อีกด้านหนึ่งเป็นภูเขา รอบๆไร่วังเวงชอบกล ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ยินเสียงนกร้องเลย ไร่ของคุณยายติดกับไร่ของชาวบ้าน ทั้งหัวไร่ท้ายไร่ แต่ไม่ค่อยได้สุงสิงกัน เพราะแต่ละคนก็มีงานทำ และกระท่อมที่พักก็อยู่ไกลกัน
คุณยายสร้างกระท่อมยกพื้นสูงจากพื้นดินขนาดท่วมหัวผู้ใหญ่ มีห้องนอนเพียงห้องเดียวสำหรับคุณยายนอน ส่วนคนงานซึ่งเป็นญาติห่างๆกันนอนที่หน้าห้องคุณยาย รวมทั้งตัวผมด้วย

ค่ำวันหนึ่ง หลังจากอาบน้ำกินข้าวกินปลาเสร็จแล้ว คุณยาย ตัวผม และคนงาน ที่อยู่ในวัยกลางคนเป็นส่วนใหญ่

ก็นั่งคุยกันที่ชานกระท่อม เรานั่งคุยกันอย่างเพลิดเพลินหลากเรื่องหลายรส คนงานคุยไปพลางพ่นควันบุหรี่ไปอย่างสบายอารมณ์ คืนนั้นพระจันทร์ทอแสงครึ่งดวงสว่างนวลตา ทำให้มองเห็นอะไรต่อมิอะไรรอบๆไร่ได้ค่อนข้างถนัดตา เสียงแม่น้ำก๋อนไหลกระทบโขดหินผาดังซู่ซ่าๆลมพัดแผ่วๆ บรรยากาศรอบๆไร่เย็นเยือกและเวียบวังเวง ได้ยินเสียงนกกลางคืนร้องเป็นครั้งคราวห่างไกลออกไป
ตะเกียงน้ำมันก๊าดกลางวงล้อมของเราทอแสงบนใบหน้าของแต่ละคนให้เกิดเงาวับแวม มีแมลงบินมาเล่นแสงไฟ 2-3 ชนิด

ฉับพลันเราต้องหยุดคุยกันกระทันหัน เพราะ...มีเสียงครางฮือ-ฮือ ดังกระเส่าขึ้นที่ใต้ถุนกระท่อม

เป็นเสียงครางของผู้หญิง ทุกคนเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ... คิดไปว่าอาจเป็นเสียงกระแสลมหรือสัตว์ป่าชนิดใดชนิดหนึ่งที่แอบแฝงเข้ามา คนงานคนหนึ่งฉวยตะเกียงเดินลงบันไดไปส่องดูจนทั่ว ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ จึงกลับขึ้นมานั่งร่วมวงเช่นเดิม ไม่กี่อึดใจต่อมา เสียงครางฮือ-ฮือ ดังขึ้นอีก ครั้นแล้วสิ่งที่น่าขนพองสยองเกล้าก็เกิดขึ้น มือผู้หญิงซีดขาวเหมือนกระดาษ มีรอยสีเขียวคล้ำเป็นจุดๆค่อยๆโผล่ลอดรอยแยกของแผ่นไม่กระดานขึ้นมากลางวงของเรา ทุกคนอ้าปากค้างขนลุกซู่ เลือดภายในกายเย็นเฉียบ มือนั้นผ่านรอยแยกกระดานขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงข้อศอกกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปหมด อะไรก็ไม่ร้ายเท่ากับมือนั้นขาวซีดบวมเป่งขึ้นเรื่อยๆแล้วปริแตกออกน้ำเหลืองน้ำหนองไหลเยิ้มลงมาตามแขน น่าขยะแขยงยิ่งนัก

"ผ... ผี ... ผีหลอก" พวกเราร้องออกมาเกือบจะพร้อมกัน

จากนั้นกระโจนหนีเข้าไปในห้องของคุณยาย เสียงดังตึงตังโครมคราม ตัวผมนั้นเข้าถึงห้องคุณยายก็หมดสติ จึงไม่รับรู้เหตุการณ์ต่อจากนั้นว่าเป็นอย่างไร ในเช้าวันต่อมาผมถึงรู้ว่าผลของการถูกหลอก ทำให้คนงาน 2 คนถึงไข้จับพร่ำเพ้อตลอดเวลาเพราะความตกใจกลัวสุดขีด ผลที่ตามมาอีกอย่างหนึ่งคือ หลังจากเก็บเกี่ยวข้างโพดเสร็จ คุณยายของผมก็ทิ้งไร่แห่งนั้น ท่านถือว่าเป็นไร่ผีดุ วันดีคืนดีอาจจะถูกหลอกหลอนให้ขวัญหนีดีฝ่ออีกก็ได้ มิน่า...เจ้าของเดิมจึงละทิ้งให้รกร้าง เพราะถูกผีเล่นงานเอาจนอยู่ไม่ได้นี่เอง!!


ขอขอบคุณประสบการณ์ชวนขนหัวลุกจาก
บล็อคแก๊งดอทคอม




เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์