ชีวิตหลังตาย


ชีวิตหลังตาย

"อนินทิตา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อวิญญาณมาเยี่ยม

โลกหลังความตายจะมีสภาพเป็นอย่างไรนั้น ดิฉันเองก็สุดรู้ แต่เชื่อค่ะว่ามีจริงแน่ๆ ลองฟังจากเรื่องราวที่ดิฉันประสบมาซิคะ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ดิฉันยังเป็นนักศึกษาปี 2 มีพี่สาวที่เพิ่งจบปริญญาและเข้าทำงานในบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง พี่อ้อยเป็นคนสวยมากค่ะ ไม่ทันไรเธอก็ได้เพื่อนใหม่ทั้งหญิงทั้งชาย พวกเขาสนิทกันอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "พี่วิ" ซึ่งเป็นผู้หญิงสุดเก๋ ดิฉันชอบมากพี่วิมาบ้านเราบ่อยๆ แทบทุกสัปดาห์ก็ว่าได้...

และแล้ววันหนึ่งพี่วิก็ชวนเราไปเที่ยวบ้านของเธอที่นครนายก เราวางแผนจะไปเที่ยวน้ำตกกันด้วย

วันนั้นเป็นช่วงวันหยุดยาว คือเสาร์ อาทิตย์ จันทร์...เราเดินทางไปเที่ยวและค้างคืนที่บ้านพี่วิ วันแรกสนุกมากค่ะ เราไปกัน 5 คน คือ ดิฉัน พี่อ้อย พี่วิ และผู้ชายอีก 2 คน คือพี่แมน น้องชายพี่วิ และพี่โอ๊ต แฟนของพี่วิค่ะ ต้องขอบอกหน่อยว่า พี่แมนกับดิฉันปิ๊งกันมาก่อน! คราวที่พี่แมนมากับพี่วิเมื่อราว 2-3 เดือนที่แล้ว เรื่องนี้พี่อ้อยกับพี่วิดูออก แต่ไม่ได้ห้ามปรามอะไร กลับชอบอกชอบใจด้วยซ้ำ ฉะนั้นการไปเที่ยวคราวนี้ดิฉันจึงรู้สึกแช่มชื่นมากเชียวละ...

วันอาทิตย์เรานั่งรถพี่วิไปน้ำตกกัน มีดิฉันนั่งข้างคู่กับคนขับ ซึ่งก็คือพี่โอ๊ต

หลังเบาะคือพี่อ้อย ที่วิและพี่แมนนั่งชิดหน้าต่างหลังคนขับ ดิฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวตลอดเวลา เพราะพี่แมนแทบไม่วางตาจากดิฉันเลย...ตอนนั้นโลกเป็นสีชมพู ไม่สังหรณ์ใจสักนิดว่าอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้าโลกจะกลายเป็นสีเลือด! อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้ในจังหวะที่เราเผลอ เราไม่เคยคิดหรอกค่ะว่ามันจะเกิดขึ้นกับเรา พริบตาเดียวทุกอย่างพลิกผันหมดสิ้น ดิฉันจำไม่ได้แน่ชัดว่ามันเกิดอะไรขึ้น จำได้แต่ว่าเพลงจากซีดีที่เปิดในรถยนต์เป็นเพลงโปรดของดิฉัน...และนาทีนั้นดิฉันกำลังหันไปคุยหยอกล้อกับพี่แมน เสียงหัวเราะของเราถูกแทรกด้วยเสียงร้องอย่างตกใจของพี่โอ๊ต ดิฉันหันกลับโดยสัญชาตญาณ...แล้วโลกก็พังทลายในพริบตานั้นเอง!

ดิฉันรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ คือไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย...

เท่าที่จำได้ก็คือเสียงกึกก้องกัมปนาท โลกมืดวูบ แล้วเป็นสีแดงวาบ ตัวเองถูกมือยักษ์ที่มองไม่เห็นจับเหวี่ยงด้วยแรงมหาศาล ใบหน้ากระแทกกับบางสิ่งบางอย่าง ไม่เจ็บเลยค่ะ...ไม่เจ็บจนนิดเดียว! ดิฉันรับรู้แต่แรงกระแทก แล้วสติก็ดับไปวูบหนึ่ง เมื่อลืมตาขึ้น ดิฉันกำลังซบหน้าอยู่กับแผงคอนโซล อยากขยับตัวแต่ก็ขยับแทบไม่ได้ อยากร้องเรียกพี่อ้อยแต่เสียงมันไม่ออกมา...มับตีบตันอยู่ที่ลำคอ แล้วดิฉันก็เพิ่งรู้ตัวว่าจุกแน่นจนหายใจแทบไม่ออก...

ในที่สุดก็ยกมือขึ้นแตะหน้าตัวเอง ใบหน้าด้านซ้ายบวมมาก ชาหนึบ และมีของเหลวเหนียวๆ อุ่นๆ...เลือดน่ะซีคะ!

แต่สิ่งที่ทำให้ดิฉันแทบหมดสติไปอีกครั้ง คือภาพที่พี่โอ๊ตถูกอัดติดกับพวงมาลัย ใบหน้าเขาตะแคงไปทางขวาง ลำตัวมีแต่เลือด...เลือดแดงฉานส่งกลิ่นคาวคลุ้ง รถทางซีกคนขับทั้งแถวยับเยินอย่างหนัก ดิฉันเหลียวไปมองเห็นพี่แมนนอนหงายกับเบาะ ตั้งแต่ศีรษะ ใบหน้าถึงหน้าอกแหลกเหลว...มองเกือบไม่ออกว่าร่างนี้เคยเป็นมนุษย์! อุบัติเหตุครั้งนั้นเกิดจากรถกระบะวิ่งสวนทางเกิดเบรกแตก ถลาถาโถมเข้ามาชนกับรถของเรา พี่โอ๊ต พี่แมนเสียชีวิตทันที พี่อ้อยและพี่วิต่างบาดเจ็บกันไม่มากนัก ดิฉันหนักหน่อย...แทบไม่น่าเชื่อว่าเรา 3 คนจะรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ดิฉันมีแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะและใบหน้า ซี่โครงหัก 2 ซี แขนซ้ายหัก พี่อ้อยแค่หัวโน และฟกช้ำดำเขียวเช่นเดียวกับพี่วิ ดิฉันเป็นคนเดียวที่ต้องนอนโรงพยาบาล เพื่อรักษาตัวและดูอาการ เพราะมันบอบช้ำไปหมด

วันแรกดิฉันแทบไม่รู้ว่าตัวเองเจ็บตรงไหนบ้าง

แต่วันต่อมามันก็ปวดร้าวไปทั้งตัว และง่วงงุนตลอดเวลา แทบไม่รู้ว่ามีใครต่อใครเข้ามาเยี่ยมกันบ้าง ดวงหน้าของพ่อแม่ลอยเข้ามาหาแล้วก็ถอยออกไป...พี่อ้อยชะโงกเข้ามาพูดจาแล้วก็เลือนหาย...จากนั้นก็เป็นเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัย ดิฉันไม่รู้อันไหนจริงอันไหนฝัน? และนั่น...พี่โอ๊ตกับพี่แมน เขาก็มาเยี่ยมดิฉันด้วย!! เขาทั้งคู่ยังไม่ตายเหรอ? งั้นสภาพร่างไร้วิญญาณที่แหลกเหลวนั่นดิฉันก็คิดไปเองซิคะ? ดูซิ! พี่โอ๊ตยิ้ม...พี่แมนก็ยิ้มด้วย นัยน์ตาพราวเชียว ดิฉันเห็นเขาทั้งคู่ยืนอยู่ข้างเตียง ขณะที่คุณพ่อคุณแม่และพี่อ้อยก็ยืนอยู่ด้วย...คนตายยืนกับคนเป็นได้อย่างไรกัน? ดิฉันคิดอยู่เช่นนั้นแล้วก็หลับไปอีกครั้ง...เป็นการหลับไหลที่ยาวนาน...และเมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งดิฉันก็อาการดีขึ้นเรื่อยๆ

พี่อ้อยกับพี่วิเล่าถึงการตายของพี่โอ๊ตกับพี่แมน พี่วิเศร้ามาก

เธอรักน้องชายเธอมากนี่คะ พี่โอ๊ตก็เป็นคนรักของเธอ บางทีพี่วิจะน้ำตาไหลพราก เหม่อซึมเลื่อนลอย ดิฉันจับมือเธอขึ้นมา และเล่าว่าอย่าโศกเศร้าทรมานใจไปเลย พี่โอ๊ตกับพี่แมนมาหาดิฉันในสภาพปกติ และดูมีความสุขทั้งคู่! พี่อ้อยกับหลายๆ คนที่มาเยี่ยมดิฉันยืนยันปรากฏการณ์นั้นได้ พวกเขาไม่ได้เห็นวิญญาณแต่ต่างก็บอกว่าได้กลิ่น...บางคนได้กลิ่นเลือด บางคนได้กลิ่นโคโลญจ์ผู้ชาย ดิฉันเชื่อสนิทว่าพวกเขามาหา และดิฉันไม่กลัวเลย กลับสบายใจที่รู้ว่าโลกหลังความตายมีจริง...ชีวิตยังมีอยู่ ถึงแม้ว่าร่างกายจะแหลกสลาย!.


ขอขอบคุณเรื่องราวดี ๆ จาก
ข่าวสดออนไลน์


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์