ผมคิดว่าคนอยู่


ผมคิดว่าคนอยู่

เรื่องที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นเหตุการณ์จริง ที่เกิดขึ้นตอนผมยังเรียนอยู่ปวส.

ซึ่งตอนนั้นผมต้องย้ายตัวเองไปหาเช่าห้องพัก ที่ใกล้กับโรงเรียนเพื่อให้สะดวกในการไปมาระหว่างที่พักและโรงเรียน ผมได้ห้องพักแห่งหนึ่งใกล้กับโรงเรียนมากที่สุด เป็นบ้านที่กั้นเป็นห้องๆให้นักเรียน นักศึกษาเช่ารวม อยู่กันทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ถึงห้องจะเล็กไปหน่อย เพราะราคาไม่แพงแต่ก็ไม่ลำบากมาก สำหรับเด็กบ้านนอกอย่างผม ห้องที่ผมเช่าพักนั้นอยู่ที่ชั้นสอง หมายเลขห้อง 207 ซึ่งอยู่กลางระหว่างสองห้อง ทางซ้ายเป็นห้องของเพื่อนที่เรียนโรงเรียนเดียวกันแต่ไม่สนิทกันมากนัก เป็นแค่คนรู้จักเท่านั้น ส่วนทางขวาเป็นห้องของนักเรียนสาวที่เรียนพาณิชย์ แต่ก็ไม่เคยพูดคุยกัน มีแต่เจอหน้ากันก็ยิ้มให้เท่านั้น เป็นธรรมเนียมของการเห็นหน้ากัน ผมพักอยู่ที่หอนี้ได้ประมาณสองเดือน ทุกอย่างก็เป็นปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร แต่แล้วสิ่งที่สร้างความสงสัยให้กับผมก็เกิดขึ้น...

ในคืนหนึ่ง ผมทำรายงานอยู่ในห้องจนดึก เพราะมีรายงานหลายวิชา

จนเวลาย่างเข้าตี 1 โดยไม่รู้ตัว ตอนนั้นผมง่วงมาก แต่ยังมีรายงานอีกสองวิชาที่ผมยังทำไม่เสร็จและต้องส่งวันพรุ่งนี้ด้วย ผมจึงจำเป็นต้องทำให้เสร็จ จึงได้ลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ให้ตื่นจากการอ่อนล้า และง่วงนอน เมื่อผมอาบน้ำเสร็จ กำลังยืนแต่งตัวอยู่ ผมก็มีความรู้สึกว่าเหมือนมีใครแอบมองอยู่ตรงรูตะปูที่ผนังห้อง ฝั่งที่เป็นห้องของนักศึกษาหญิง ผมรู้สึกขนลุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ และคิดว่าเธอกำลังแอบมองผมอยู่หรือเปล่า แต่เท่าที่มองเธอจากบุคลิกที่เคยเห็น เธอไม่น่าจะเป็นคนอย่างนั้น ผมจึงไม่ใส่ใจและนั่งทำงานอยู่จนเกือบตีสี่จึงได้เข้านอน ผมได้หลับแค่ประมาณสามชั่วโมงก็ตื่นอาบน้ำอีกครั้งเพื่อแต่งตัวไปเรียน เช้าวันนั้นผมก็ลืมเรื่องสายตาคู่นั้นเมื่อคืนเสียสนิท จนกระทั่งเลิกเรียนตอนเย็น

หลังเลิกเรียน ผมกับเพื่อนๆก็นั่งคุยกันอยู่ที่โรงเรียนถึงเรื่องรายงานที่ทำส่งอาจารย์กันในวันนี้

และเรื่องสัพเพเหระจนเกือบหกโมงเย็น จึงแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมแวะหากินข้าวที่ตลาดจนเกือบทุ่มครึ่ง จึงเดินเข้าหอพัก ซึ่งเข้าซอยไม่ลึกนัก เกือบกลางซอยผมก็พบกับสาวพาณิชย์คนนั้นเพิ่งจะกลับเหมือนกัน ผมเห็นเธอเดินอยู่ข้างหน้าในเงามืด จึงรีบสาวเท้าตามไปจนทัน เธอหันมายิ้มให้ผมเหมือนเช่นเคย ผมเลยทักทายเธอนิดหน่อยแล้วก็ชวนเธอคุย เธอก็ดูเหมือนจะเต็มใจที่จะคุยกับผม เราเดินคุยกันถึงเรื่องการเรียนจนถึงเรื่องบ้าน ดูเธอคุยแบบซึมเศร้าว่า ครอบครัวไม่ค่อยจะเข้าใจเธอ พ่อแม่แยกทางกัน ตัวเธอจึงขอมาอยู่ต่างหาก เพราะไม่รู้ว่าจะอยู่กับพ่อหรือแม่ดี และกำลังรู้สึกว่าเป็นภาระกับพ่อแม่ ก่อนจะแยกเข้าห้อง ผมก็บอกกับเธอว่า ถ้าเธอมีเรื่องอะไรกลุ้มใจก็ขอให้เธอมาคุยกับผม เพื่อเป็นการระบายก็ได้ถ้าไม่รังเกียจ เธอหันมายิ้มเศร้าแล้วขอบคุณเบาๆ ก่อนเข้าห้องพัก แววตาเธอดูจะสบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว

ผมเข้าห้องแล้วก็อาบน้ำ กะว่าวันนี้จะเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อชดเชยที่ทำรายงานจนเกือบสว่างเมื่อคืน

พออาบน้ำเสร็จ ผมก็รู้สึกเหมือนมีสายตาแอบมองอยู่ที่รูตะปูอีก แต่คราวนี้ผมรู้สึกเย็นวาบและขนลุกซู่ไปทั้งตัวอย่างไม่รู้สาเหตุมากกว่าเมื่อคืนอีก และคิดว่าพรุ่งนี้จะลองถามเธอดู รุ่งขึ้นผมตื่นแต่เช้า เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จออกมาจากห้อง เพื่อไปเรียน ผมมองไปที่ห้องสาวพาณิชย์คนนั้น ก็เห็นยังปิดประตูเงียบอยู่ แต่ผมรู้สึกว่าเธอยังไม่ได้ออกจากห้องเพราะตอนเช้ายังไม่เห็นได้ยินเสียงอะไร มีสิ่งที่ผมลืมไปอย่างเมื่อคืนคือ ผมยังไม่ได้ถามชื่อของเธอเลย เธอก็ไม่ได้ถามชื่อผมเช่นกัน กะว่าถ้าเช้านี้พบเธอจะถามชื่อเธอไว้

เย็นวันนั้นผมรีบกลับมาที่หอ เพราะคิดว่าอาจจะมีโอกาสได้เจอเธอเร็วขึ้น

ถ้าเธอไม่ได้ไปเรียนจะได้คุยกันมากขึ้น เมื่อมาถึง ก็พบว่า กุญแจหน้าห้องไม่ได้ใส่ ก็หมายความว่าเธออาจจะอยู่ในห้อง ในห้องเงียบกริบ เลยคิดว่าเธออาจจะหลับอยู่ หรืออาจจะไม่สบายก็ได้ ผมตัดสินใจเคาะประตูเรียก ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ ผมลองปิดประตูลูกบิดดู ปรากฏว่าไม่ได้ล็อค ผมจึงลองแง้มประตูออกก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าออกมาจากภายในห้อง ผมหยุดคิด...อาจจะมีหนูตายในห้องเธอ...เหมือนตอนที่ผมมาอยู่ห้องใหม่ๆก็ได้ แล้วก็สงสัยอีกว่า...แล้วสาวพาณิชย์คนนั้นทนกลิ่นอยู่ได้อย่างไร ผมปิดประตูแล้วลองเคาะเรียกเธออีกครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบเช่นเคย ในใจผมอยากจะเข้าไปดู แต่เห็นว่าไม่เหมาะสม จึงเดินมาเคาะเรียกเพื่อนที่อยู่ห้องข้างๆผมอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อจะลองถามดูว่าเห็นสาวพาณิชย์ห้องนั้นบ้างหรือไม่ เขาบอกว่าไม่เห็นมาสองสามวันแล้ว ผมเลยถามเขาเรื่องกลิ่นเหม็น เขาก็บอกว่าได้กลิ่นอยู่เหมือนกันแต่ยังไม่ได้หาต้นตอว่าอยู่ตรงไหน เราก็เลยตกลงกันว่าจะไปหาเจ้าของหอให้มาช่วยหาว่ามีอะไรตายอยู่แถวนั้นหรือเปล่า ก่อนที่มันจะเหม็นไปมากกว่านี้

เมื่อเจ้าของหอขึ้นมา ก็สรุปได้ว่ากลิ่นเหม็นเน่ามาจากห้องสาวพาณิชย์นั่นเอง

เจ้าของหอพักจึงเคาะประตูเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบเช่นเคย เจ้าของหอเลยเปิดประตูเข้าไปในห้องเนื่องจากประตูไม่ได้ล็อคและเงียบผิดสังเกต คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วย...สิ่งที่ผมและทุกคนเห็น เป็นสิ่งที่น่าสยดสยองและน่ากลัวมากnสาวพาณิชย์คนนั้น ... คนที่เดินคุยกับผมเมื่อคืน...เธอผูกคอตายอยู่ตรงผนังห้อง ด้านที่ติดกับห้องของผม ... และใบหน้าของเธอหันไปทางห้องของผมด้วยพอดี ตรงช่องที่ผมรู้สึกว่ามีคนแอบมองผมอยู่สองคืนแล้ว ... ผมตกใจมาก ขนลุกซู่ หนาวสะท้านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ผมเพิ่งจะคุยกับเธอเมื่อคืนนี้เอง...ผมแทบจะเป็นลมล้มพับไปตรงนั้น เพื่อหนีความจริงที่อยู่ตรงหน้า

หลังจากวันนั้นผมก็ย้ายออกจากหอพักนั้นทันที

ต้องไปอาศัยนอนกับเพื่อน ไม่กล้ากลับห้อง วันที่ผมกลับมาขนของนั้น ผมถามเจ้าของหอพักดู เขาบอกว่า ตำรวจบอกเธอตายมาสามวันแล้ว ผมรู้สึกเลือดสูบฉีดขึ้นมาอีกด้วยความกลัว เพราะทั้งแววตาที่คิดว่ามีคนแอบมองที่ทำให้ผมขนลุกและการที่ได้พูดคุยกับเธอคืนนั้น โดยที่ยังไม่รู้ว่าเธอตายแล้ว ทำให้ผมต้องจดจำไปอีกนาน ผมได้ไปงานศพของเธอด้วยและทำบุญกรวดน้ำไปให้ และมันก็ทำให้รู้จักชื่อและนามสกุลของเธอในงานศพของเธอนั่นเอง.

พลังจิตดอทคอม


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์