หมู่บ้านป่าช่าเก่า
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้เกิดขึ้น แม้มันจะนานมาแล้วแต่ยังคงฝังใจอยู่ทุกครั้งที่นึกถึงมัน
สมัยก่อนผมกับเพื่อนเช่าบ้านพักแห่งหนึ่งซึ่งราคาถูกมากแถวๆบางนา เนื่องจากพวกเราเป็นนักศึกษาจนๆจึงจำเป็นต้องทนอยู่ เย็นวันหนึ่งสายลมยามเย็นพัดโชยแผ่วเบา ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว พวกเราเองก็นั่งจับกลุ่มสนทนากันโดยมีชายชราที่อยู่ที่นั่นมานานแล้ว เป็นคนเล่าเรื่องความหลังเกี่ยวกับที่ตั้งของหมู่บ้านที่เราอาศัย ท่านเล่าว่าสมัยก่อนที่แห่งนี้เคยเป็นป่าช้าเก่าซึ่งฝังศพผู้คนมานับไม่ถ้วน โดยเฉพาะบริเวณถนนของหมู่บ้านนั้นเรียกได้ว่า เป็นทางตัดผืนป่าช้าออกเป็นสองส่วนทีเดียว หลายครั้งมีคนเห็นหญิงสาวมานั่งร้องไห้ที่ยอดแทงค์น้ำซึ่งคนทั้งหมู่บ้านเองก็ได้ยินกันถ้วนทั่ว ไอ้เต้เพื่อนมันฟังแล้วก็หัวเราะบอกว่า เป็นไปไม่ได้หรอกลุงสมัยนี้มันยุคดิจิตอลแล้ว โอ๊...งมงาย ผมก็ปรามมันไม่ให้พูดในสิ่งที่เป็นการลบหลู่มันไม่เชื่อ ซ้ำยังร้องท้าทายอย่างสนุก ผมเองชักเริ่มโมโหก็เลยชวนให้เลิกวงไปหาข้าวกินกันดีกว่าต่างคนจึงแยกย้ายกันกลับ แปลกที่หมู่บ้านนี้เมื่อสิ้นแสงตะวันจะไม่มีใครออกมาเดินเล่นเพ่นพ่านเหมือนหมู่บ้านอื่น
ดังนั้นความสงบเงียบและความมืดมิดจึงเข้าแผ่ปกคลุมทั้งหมู่บ้าน
ขณะที่ผมกับไอ้เต้กำลังเพลิดเพลินกับละครทีวีอยู่นั้นเอง พลันก็ได้ยินเสียงโซ่ตรวนเส้นใหญ่ขยับดังกราวอย่างเชื่องช้าคล้ายผู้ถูกพันธนาการต้องการออกแรงสะบัดให้หลุดก็ไม่ปาน เสียงนั้นดังแว่วมาในความมืดมิดและความวังเวงของที่ที่มันถูกลากมาอย่างเชื่องช้า ใกล้เข้ามาที่หน้าบ้านของพวกเราทุกที ทุกที ไอ้เต้เองก็เริ่มขยับมาถามผมว่ามันเสียงอะไรวะ ผมก็บอกว่ากูจะไปรู้เหรอไอ้เวร ร้อยวันพันปีไม่เคยได้ยินแบบนี้มาก่อน ทันใดผมเริ่มสังเกตเห็นสิ่งหนึ่งลอยอยู่เหนือประตูรั้วบ้าน เนื่องจากมีแสงไฟถนนส่องอยู่ มันเป็นผ้าสีขาวบางๆแต่สีขาวนั้นกลับหมองจางลงไปมากจนออกจะคล้ำ แล้วมันก็ลอยมาหยุดที่เหนือประตูรั้วผมถามไอ้เต้ว่า "มึงเห็นมั้ย" มันพยักหน้าหงึกๆ พวกเราเลยตัดสินใจย่องออกไปดู ผมกับไอ้เต้มองหน้ากันเลิ่กลั่กเหงื่อซึมออกมาจนชุ่มเสื้อ ภาพที่ปรากฎออกมาทำให้ผมกับไอ้เต้ตกใจสุดขีดในชีวิตของเรา
ควานช้างนั่นเอง.......เสือกขี่ช้างมาพักหน้าบ้านของเราทั้งสอง
เขาใส่เสื้อสีขาวตุ่นๆ มากับช้างคู่ใจช้างเองคงเหนื่อยมากมายที่ต้องเดินแบกทั้งคนทั้งโซ่มาไกลมาก..... "ไอ้หนุ่มซื้อกล้วย อ้อย แตงโม ทำบุญหน่อยลูกช้างลุงมันไม่ได้กินมาตั้งแต่เที่ยงแย้ว" (- -") (ขำ ๆ เน้อ...อย่าซีเรียสไม่ขำก็อย่าว่ากันนะ!!)
สมัยก่อนผมกับเพื่อนเช่าบ้านพักแห่งหนึ่งซึ่งราคาถูกมากแถวๆบางนา เนื่องจากพวกเราเป็นนักศึกษาจนๆจึงจำเป็นต้องทนอยู่ เย็นวันหนึ่งสายลมยามเย็นพัดโชยแผ่วเบา ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว พวกเราเองก็นั่งจับกลุ่มสนทนากันโดยมีชายชราที่อยู่ที่นั่นมานานแล้ว เป็นคนเล่าเรื่องความหลังเกี่ยวกับที่ตั้งของหมู่บ้านที่เราอาศัย ท่านเล่าว่าสมัยก่อนที่แห่งนี้เคยเป็นป่าช้าเก่าซึ่งฝังศพผู้คนมานับไม่ถ้วน โดยเฉพาะบริเวณถนนของหมู่บ้านนั้นเรียกได้ว่า เป็นทางตัดผืนป่าช้าออกเป็นสองส่วนทีเดียว หลายครั้งมีคนเห็นหญิงสาวมานั่งร้องไห้ที่ยอดแทงค์น้ำซึ่งคนทั้งหมู่บ้านเองก็ได้ยินกันถ้วนทั่ว ไอ้เต้เพื่อนมันฟังแล้วก็หัวเราะบอกว่า เป็นไปไม่ได้หรอกลุงสมัยนี้มันยุคดิจิตอลแล้ว โอ๊...งมงาย ผมก็ปรามมันไม่ให้พูดในสิ่งที่เป็นการลบหลู่มันไม่เชื่อ ซ้ำยังร้องท้าทายอย่างสนุก ผมเองชักเริ่มโมโหก็เลยชวนให้เลิกวงไปหาข้าวกินกันดีกว่าต่างคนจึงแยกย้ายกันกลับ แปลกที่หมู่บ้านนี้เมื่อสิ้นแสงตะวันจะไม่มีใครออกมาเดินเล่นเพ่นพ่านเหมือนหมู่บ้านอื่น
ดังนั้นความสงบเงียบและความมืดมิดจึงเข้าแผ่ปกคลุมทั้งหมู่บ้าน
ขณะที่ผมกับไอ้เต้กำลังเพลิดเพลินกับละครทีวีอยู่นั้นเอง พลันก็ได้ยินเสียงโซ่ตรวนเส้นใหญ่ขยับดังกราวอย่างเชื่องช้าคล้ายผู้ถูกพันธนาการต้องการออกแรงสะบัดให้หลุดก็ไม่ปาน เสียงนั้นดังแว่วมาในความมืดมิดและความวังเวงของที่ที่มันถูกลากมาอย่างเชื่องช้า ใกล้เข้ามาที่หน้าบ้านของพวกเราทุกที ทุกที ไอ้เต้เองก็เริ่มขยับมาถามผมว่ามันเสียงอะไรวะ ผมก็บอกว่ากูจะไปรู้เหรอไอ้เวร ร้อยวันพันปีไม่เคยได้ยินแบบนี้มาก่อน ทันใดผมเริ่มสังเกตเห็นสิ่งหนึ่งลอยอยู่เหนือประตูรั้วบ้าน เนื่องจากมีแสงไฟถนนส่องอยู่ มันเป็นผ้าสีขาวบางๆแต่สีขาวนั้นกลับหมองจางลงไปมากจนออกจะคล้ำ แล้วมันก็ลอยมาหยุดที่เหนือประตูรั้วผมถามไอ้เต้ว่า "มึงเห็นมั้ย" มันพยักหน้าหงึกๆ พวกเราเลยตัดสินใจย่องออกไปดู ผมกับไอ้เต้มองหน้ากันเลิ่กลั่กเหงื่อซึมออกมาจนชุ่มเสื้อ ภาพที่ปรากฎออกมาทำให้ผมกับไอ้เต้ตกใจสุดขีดในชีวิตของเรา
ควานช้างนั่นเอง.......เสือกขี่ช้างมาพักหน้าบ้านของเราทั้งสอง
เขาใส่เสื้อสีขาวตุ่นๆ มากับช้างคู่ใจช้างเองคงเหนื่อยมากมายที่ต้องเดินแบกทั้งคนทั้งโซ่มาไกลมาก..... "ไอ้หนุ่มซื้อกล้วย อ้อย แตงโม ทำบุญหน่อยลูกช้างลุงมันไม่ได้กินมาตั้งแต่เที่ยงแย้ว" (- -") (ขำ ๆ เน้อ...อย่าซีเรียสไม่ขำก็อย่าว่ากันนะ!!)
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!