แม่ลูกผูกพัน


แม่ลูกผูกพัน

"ออน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากสองแม่ลูก

เรื่องของวิญญาณหรือนิยมพูดกันติดปากว่าเรื่องผี ค่อนข้างจะแปลกประหลาดพอสมควร ตรงที่บางคนตายแล้วก็ยังมีคนพบเห็นวิญญาณที่มาปรากฏในรูปแบบต่างๆ เช่นมาด้วยร่างกายเหมือนคนเป็นๆ บ้าง ทำเสียงให้ได้ยินบ้าง...โดยเฉพาะการมาเข้าฝันตั้งแต่เสียชีวิตใหม่ๆ แล้วหายไป แต่หลายๆ รายก็ยังมาเข้าฝันญาติมิตรแม้ว่าจะล้มหายตายจากไปนับสิบปีแล้วก็ตาม

สิ่งที่น่าแปลกอีกอย่างก็คือ แม้ว่าจะเป็นผีหรือวิญญาณดวงเดียวกัน แต่บางคนก็มองเห็น บางคนก็มองไม่เห็น...ถึงอย่างไรก็น่าขนลุกขนพองพอๆ กันนั่นแหละค่ะ

ดิฉันได้ประสบกับเรื่องแปลกประหลาดมาเมื่อต้นปีนี้เอง!

ข้างบ้านดิฉันมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง สมมติว่าชื่อคุณแสนกับพี่สร้อย อายุสามสิบเศษด้วยกันทั้งคู่ บ้านนี้เป็นของพ่อแม่พี่สร้อยค่ะ หลังจากแต่งงานกันเมื่อราว 3-4 ปีก่อนพี่สร้อยก็ตั้งครรภ์ คุณแสนตื่นเต้นดีอกดีใจมาก ถึงกับให้พี่สร้อยลาออกจากงานมาอยู่บ้าน ว่าที่คุณตาคุณยายที่เพิ่งเกษียณอายุราชการก็พลอยตื่นเต้นไปด้วยที่จะได้อุ้มชูหลานคนแรก

เมื่อครบกำหนด พี่สร้อยก็ไปคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเอกชนแถวพญาไทที่อยู่ใกล้บ้าน ได้ลูกชายค่ะ...พวกเราเพื่อนบ้านก็ไปเยี่ยมกัน เด็กน้ำหนักค่อนข้างน้อยคือสองพันสี่ร้อยกรัม แต่ก็น่ารักน่าเอ็นดู มีประพิมพ์ประพายคล้ายแม่ คุณตาตั้งชื่อว่าเอิร์ต...ถือว่าเป็นสุดรักสุดสวาทของคนทั้งบ้านก็ว่าได้

พี่สร้อยต้องอยู่โรงพยาบาลถึง 7 วันกว่าจะได้กลับบ้าน ได้ข่าวว่าตาเอิร์ตไม่ค่อยแข็งแรงนัก พี่สร้อยต้องพาไปหาหมอ บ่อยๆ แต่เธอกับพี่เลี้ยงชื่อดาก็ประคบประหงมเลี้ยงดูจนลูกชายคืบคลานและตั้งไข่...สอนเดินได้เมื่ออายุขวบเศษ

ตอนเย็นๆ พี่สร้อยจะอุ้มลูกมาเดินเล่นที่สนามเพื่อรอสามีกลับบ้าน เมื่อตาเอิร์ตเดินได้เตาะๆ แตะๆ พี่สร้อยก็จูงลูกเดินบ้าง ปล่อยให้เดินเองบ้าง แต่เธอกับพี่เลี้ยงจะคอยจ้องมองอย่างห่วงใยตลอดเวลา

ชุลี-เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันเคยนินทากับดิฉันว่า "เลี้ยงลูกเหมือนไข่ในหิน"

ตาเอิร์ตล้มป่วยเข้าโรงพยาบาล พี่สร้อยก็ไปนอนเฝ้าแทบจะไม่เป็นอันกินอันนอนกลับบ้านแต่ละครั้งซูบผอมจนผิดตา...เพื่อน บ้านที่ไปเยี่ยมกับดิฉันก็กระซิบว่าท่าจะไม่รอด...

ก่อนจะครบสองขวบ ตาเอิร์ตก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาลนั่นเอง!

พี่สร้อยเป็นลมแล้วเป็นลมอีก น่าเห็นใจคุณแสนที่ไหนจะ เสียลูกไปทั้งคนไหนจะต้องคอยปลอบอกปลอบใจภรรยา ผู้ดูเหมือนว่าสติสัมปชัญญะขาดๆ วิ่นๆ เดี๋ยวร้องไห้เดี๋ยวหัวเราะร่าในตอนกลางคืน...ไม่ว่าใครได้ยินก็ขนลุกขนพองไปตามๆ กัน

เห็นพี่สร้อยออกมาเดินใจลอยที่สนามตอนเย็นๆ แล้ว ดิฉันรู้สึกสงสารจับใจ

ร่างกายที่เคยซูบผอมอยู่แล้วก็ยิ่งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ปล่อยผมกระเซิงตามบุญตามกรรม ใบหน้าซีดเซียวเหมือนกระดาษ โหนกแก้มปูดโปน นัยน์ตาจมลึกอยู่ในเบ้า ปากแห้งเกราะ นัยน์ตาเหม่อลอย...ที่น่าสมเพชยิ่งกว่านั้นก็คือเธอทำมือทำไม้เหมือนกำลังจูงลูกชายเดินเล่น แบบเดียวกับเมื่อครั้งที่แกยังมีชีวิตอยู่!

ดิฉันเคยเกาะรั้วมอง รู้สึกหัวใจตีบตันด้วยความเวทนา เมื่อพี่สร้อยเดินใกล้เข้ามาทางกอกุหลาบก็ร้องถามว่า ออกมาเดินเล่นหรือคะ? พี่สร้อยจ้องมองด้วยนัยน์ตาขุ่นขวาง ครั้นแล้วก็กลับแจ่มใสเป็นประกาย หัวเราะเริงร่า...ก้มลงมองความว่างเปล่าพลางตอบเสียงสดใส

"จ้ะ พี่พาตาเอิร์ตมาเดินเล่นน่ะ เอิร์ตจ๋า...ธุน้าออนซีจ๊ะ! น่าน...น่ารักจริงลูก"

ดิฉันฝืนยิ้ม กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น...มองดูพี่สร้อยเดินช้าๆ กลับเข้าบ้านพลางก้มหน้าลงพูดคุยกับสิ่งที่ไม่มีตัวตนไปด้วยตลอดทาง...ตอนกลางคืนก็ได้ยินเสียงเธอจากห้องนอนชั้นบนพูดคุยและหัวเราะเริงร่าน่าขนลุกเกือบทุกคืน

เย็นหนึ่ง ดิฉันออกไปรดน้ำต้นไม้ที่ริมรั้ว มองผ่านเข้าไปเห็นพี่สร้อยเดินทอดน่องเชื่องช้า ทำท่าคล้ายจูงลูกตามเคย...ชุลีเพิ่งเดินเข้าซอยผ่านบ้านพี่สร้อย หันมองจนแทบเหลียวหลังมาถึงหน้าบ้านดิฉัน...เราทักทายกันครู่หนึ่ง ชุลีก็หันไปมองพี่สร้อยก่อนจะส่ายหน้าอย่างงุนงง

"พี่สร้อยแกรักลูกจะเป็นจะตาย แล้วทำไมไปเอาเด็กที่ไหนมาเลี้ยง? หรือว่าจะช่วยให้ลืมตาอาร์ตละมั้ง?"

"เธอพูดอะไรน่ะ?" ดิฉันอดหัวเราะไม่ได้ "พี่สร้อยน่ะหรือจะลืมตาเอิร์ตลง"

"ก็นั่นไง!" ชุลีชี้มือไปที่พี่สร้อยที่กำลังจะเลี้ยวเข้าบ้าน "แกจูงเด็กผู้ชายตัวเท่าตาเอิร์ตพอดี แต่ฉันไม่เห็นหน้าหรอกนะออน...เอ๊ะ! นั่นเธอเป็นอะไรไป ทำไมหน้าซี้ดซีดเหมือนจะเป็นลม?"

ดิฉันคิดว่าพี่สร้อยเสียสติ แต่ที่ไหนได้ล่ะคะ เธอกำลังจูงลูก ชายผู้เหลือแต่วิญญาณให้ชุลีเห็นเต็มตา...นึกถึงแล้วขนหัวลุกค่ะ!

แหล่งที่มาจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์