ยมทูตมาเยือน


ยมทูตมาเยือน

"ดาว" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากยมราช

เหตุการณ์สยองขวัญที่จะเล่าต่อไปนี้ เกิดขึ้นที่ชุมชนริมทางรถไฟย่านยมราชนี่เอง ชั่วชีวิตของดิฉันที่เป็นเด็กต่างจังหวัด จนกระทั่งเติบสาวแล้วมาหางานทำในกรุงเทพฯ ยังไม่เคยพบเห็นสิ่งที่น่าสยดสยองเช่นนี้มาก่อนเลย...

แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปถึงสิบกว่าปีแล้ว แต่เรื่องราวน่าขนหัวลุกยังฝังแน่นอยู่ในความทรงจำไม่มีวันลืมเลือน

ดิฉันขอเล่าให้ฟังเลยนะคะ!

ย่านนั้นมีบ้านเล็กเรือนน้อยหลายสิบหลังคาเรือน จะเรียกว่าค่อนข้างแออัดก็ได้ค่ะ มีผู้คนหลากหลายอาชีพพลุกพล่าน "พี่หล้า" ญาติห่างๆ ของดิฉันทำงานในภัตตาคารใกล้ๆ กับโรงหนังโคลีเซี่ยม ...ที่พักของเราเป็นห้องแบ่งเช่าแคบๆ ขนาดพอคุ้มแดดคุ้มฝนได้เท่านั้นเอง

ระยะแรกๆ มีคนในหมู่บ้านทั้งหญิงและชายมองดิฉันด้วยสายตาแปลกๆ บางทีก็เหมือนจะหวาดระแวง พี่หล้าแนะนำว่าอย่าสนใจ ใครมาตีสนิทด้วยก็ให้ทำเฉยๆ ไว้ ไม่ช้าก็จะคุ้นเคยคล้ายกับคนอื่นๆ ไปจนได้

นอกจากเสียงทะเลาะเบาะแว้งของผัวเมีย พ่อแม่ด่าทอลูกๆ บางวันก็มีพวกคนเมาทะเลาะกัน...แต่เสียงที่ทำให้ดิฉันสะดุ้งตอนแรกๆ คือเสียงหวูดแหลมยาวของรถไฟที่กลบเสียงอื่นๆ จนหมดสิ้น...ตอนกลางคืนเสียงหวูดรถไฟจะทำให้สะดุ้งผวา ก่อนที่เสียงล้อบดรางจะดังกระหึ่มจนรู้สึกเหมือนบ้านสะเทือน...ไม่ช้าก็กลายเป็นความเคยชิน

ดิฉันสนิทสนมกับหญิงชราคนหนึ่งชื่อป้าเลื่อมที่เช่าอยู่ห้องติดๆ กัน

ป้าเลื่อมตัวคนเดียว อายุเพิ่งจะต้นห้าสิบเท่านั้น แต่ดูหน้าตาทรุดโทรมเหมือนคนอายุหกสิบเศษ รูปร่างผ่ายผอม ผิวดำคล้ำ ผมสีเทาเป็นกระเซิง นุ่งผ้าถุงเก่าๆ กับสวมเสื้อคอกระเช้า มีเสื้อลายแขนสั้นที่ไม่ติดกระดุม อาชีพของแกก็คือเที่ยวหาของเก่า หรือพูดตรงๆ ก็คือขยะเกือบทุกชนิดมาขายเพื่อเลี้ยงตัวเอง...

ผัวตายมาหลายปีแล้ว ลูกเต้าทั้งชายและหญิงก็ออกเร่ร่อนตั้งแต่เด็ก พอย่างวัยรุ่นก็หายหน้าไปจนหมด ทิ้งให้แกโดดเดี่ยว กระเสือกกระสนหากินพอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้ชีวิตรอดไปวันๆ เท่านั้น

ป้าเลื่อมออกจากห้องตั้งแต่เช้ามืด บ่ายแก่ๆ ก็เซซังกลับมาพร้อมกับเหล้าโรงบ้าง เชี่ยงชุนบ้าง บางวันก็กรึ่มยาดองมาเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่เคยเอะอะหรือสะเงาะสะแงะ นอกจากจะนั่งพิงฝา นัยน์ตาช้ำๆ เหม่อลอยไร้จุดหมาย บางทีก็หลับผล็อยไป...

กระทั่งคืนหนึ่ง เสียงร้องโหยหวนของป้าเลื่อมก็ทำให้เราสะดุ้งตื่นขึ้นมา!

แกไม่ยอมพูดอะไรเมื่อมีใครถาม...แต่เย็นนั้นเอง ป้าเลื่อมก็หิ้ว เชี่ยงชุนที่เหลืออยู่ราวครึ่งขวดกลับมาด้วยท่าทางอ่อนระโหย หยดเหงื่อยังเกาะอยู่ที่หน้าผากและซอกคอ...แกทรุดนั่งพิงฝานิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง เทเหล้าใส่ปากอึกใหญ่แล้วถอนหายใจยืดยาว

"ผีมันจะมาเอาฉันไปอยู่ด้วย..." แกหันมาฝืนยิ้มกับดิฉันก่อนจะเล่าความฝันน่าสยดสยองให้ฟัง!

ในฝันนั้น...ป้าเลื่อมกำลังเดินไปบนไม้หมอนรถไฟในยามดึกเปลี่ยว ดาวทอแสงอยู่เต็มฟ้า เบื้องหน้าคือผู้หญิงรูปร่างผอมสูงในชุดดำที่คล้ายจะเป็นผู้นำทาง เดี๋ยวก็หันมามองแล้วกวักมือเรียกให้แกเดินตามไป...

ท่ามกลางบรรยากาศเยือกเย็นน่าวังเวงใจ สายลมคร่ำครวญวู่หวิวอยู่รอบตัว...แกเดินไป...เดินไป...เหมือนถูกสะกดจิต หรือมีอำนาจเร้นลับคอยบงการจนไม่อาจขัดขืนได้!

เสียงหวูดรถไฟกรีดแหลมมาเข้าหู ป้าเลื่อมหันขวับไปมองก็เห็นแสงไฟหน้ารถสว่างจ้าจนตาหยี จนต้องยกมือป้องหน้า ก่อนจะหันไปทางผู้หญิงคนนั้น...ขณะที่เสียงล้อเหล็กบดรางดังกระหึ่ม สะท้านสะเทือนเข้าไปถึงหัวใจ

นรกเป็นพยาน! ผู้หญิงในชุดดำหันขวัญมาทั้งตัว ใบหน้าซีกหนึ่งแหลกเละ เนื้อตัวเปรอะไปด้วยเลือดสดๆ ที่ทะลึกออกมาจากรอยแผลเหวอะหวะ...รถไฟมรณะพุ่งพรวดเข้าใส่อย่างเหี้ยมเกรียม

และนั่นเองที่ทำให้แกกรีดร้องสุดเสียง สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตระหนกอกสั่นจนเหงื่อท่วมตัว...ยมทูตกำลังจะนำแกไปสู่ปรโลกแล้ว!

คืนนั้น ป้าเลื่อมเล่าจบก็คว้าขวดเหล้าเซซังเข้าห้อง...คงจะเมาหลับไปโดยไม่ได้แตะต้องข้าวปลาอาหารเลย...ดิฉันเองก็ฝันเห็นแต่รถไฟที่แล่นผ่านไปมาแทบตลอดคืน

รุ่งเช้าก็ได้ข่าวว่ามีคนพบศพป้าเลื่อมโดนรถไฟทับตาย แขนขาขาดกระเด็นน่าสยดสยอง...ชาวบ้านได้แต่สงสัยว่าแกออกไปทำไมกัน คงมีแต่ดิฉันคนเดียวที่รู้ว่ายมทูตมาเรียกร้องป้าเลื่อมไปสู่ปรโลกโดยไม่มีทางจะขัดขืนได้เลย!


ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์