ผีแม่ลูก


ผีแม่ลูก

เหตุการณ์สยองที่ผมได้เจอมา ทำให้ผมซึ่งไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ ต้องจับไข้หัวโกร๋น นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลถึง 7 วันเต็ม ๆ ติดตามผมมานะครับ ผมจะลำดับเหตุการณ์ให้ฟัง

ผมมีอาชีพเป็นผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรม ประจำหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่ง การทำข่าว ต้องถ่ายรูปด้วย มีวิทยุรับ-ส่งแบบที่ตำรวจใช้ ไว้คอยฟังรายงานเหตุจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในเขตพื้นที่ต่าง ๆ เมื่อกลางปีที่แล้วจำได้ว่า เวลา 1 ทุ่มตรง ผมได้ยินวิทยุรายงานเหตุว่า มีหญิงสาวกินยาฆ่าตัวตาย ภายในห้องพัก ชั้น 4 ของอพาร์ตเม้นต์แห่งหนึ่งในเขตพื้นที่ของ สน.ราษฎร์บูรณะ ผมไม่รอช้า เรียกคนขับรถคู่หูผม บึ่งรถเก๋งตระเวนข่าว ไปยังที่เกิดเหตุทันที เพียง 30 นาทีเท่านั้น ก็ถึงที่เกิดเหตุ มีประชาชนยืนมุงดูจำนวนมาก มีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนกั้นทางเข้า ผมโดดลงจากรถ สั่งให้คนขับไปหาที่จอด ส่วนตัวผมรีบแหวกฝูงชนเข้าไป พร้อมแสดงบัตรผู้สื่อข่าวต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อขออนุญาตเข้าไปทำข่าว

บริเวณหน้าลิฟท์ชั้นล่าง มีนายตำรวจและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง กำลังยืนรอขึ้นลิฟท์อยู่หลายคน ผมตัดสินใจวิ่งขึ้นทางบันได กว่าจะถึงชั้น 4 ก็แทบหอบเหมือนกัน

ทันทีที่ถึงห้อง 402 ผมพรวดพราดเข้าไปเพื่อรีบเก็บภาพ (ภาพถ่าย) ในทุกแง่ทุกมุม ตามสัญชาติญาณ ของนักข่าว-ช่างภาพอย่างผม แต่ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อเห็นสภาพหญิงสาวผู้เสียชีวิต อายุประมาณ 23-25 ปี นอนตายขึ้นอืดอยู่บริเวณพื้นทางเดินข้างเตียงนอน โดยมีศพเด็กทารก ตายคาช่องคลอดอีก 1 ศพ ศีรษะและลำตัวทารก โผล่ออกมาแล้วครึ่งหนึ่ง ส่วนช่วงล่างตั้งแต่เอวถึงขา ยังคาอยู่ภายในช่องคลอด ผู้ตายสวมชุดนอนคลุมท้องสีแดง ถลกขึ้นมาเหนือเอว ข้าง ๆ ตัวยังมีขวดยาฆ่าแมลง ที่กินเหลือเพียงเศษก้นขวดเท่านั้น สันนิษฐานว่า ตายมาแล้วประมาณ 1 สัปดาห์

ปกติศพที่ตายมาหลายวันจนร่างกายเริ่มบวมขึ้นอืด จะมีกลิ่นเหม็นเน่ามาก แต่ผู้มีหน้าที่ ก็ต้องมาทำการตรวจสอบ และทนกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ ที่เข้ามาช่วยตำรวจเก็บศพ จึงมักจะนำธูปหอมประมาณกำมือหนึ่ง มาจุดและปักไว้กลางห้องที่เกิดเหตุ เพื่อเป็นการดับกลิ่น แต่ครั้งนี้ผมไปถึงที่เกิดเหตุเร็วเกินไป เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ จึงยังไม่ทันนำธูปมาดับกลิ่นให้ ผมต้องกลั้นหายใจอยู่ตลอดเวลา เพื่อทนกลิ่นเหม็นของซากศพ

และแล้ว ขณะที่ผมกำลังยืนอยู่บนเตียงนอนของผู้ตาย พร้อมกับเล็งกล้องลงมายังศพแม่ลูก ที่นอนตายอยู่บนพื้นด้านล่าง เพื่อให้ได้ภาพในมุมมองจากที่สูง ในลักษณะต่าง ๆ หลาย ๆ แบบ ตามประสบการณ์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ได้มีกลิ่นเหม็นซากศพโชยขึ้นมาแตะจมูกผมอย่างรุนแรง จนผมทนแทบไม่ไหว เผลอตัวปากเสียจนได้ ผมร้องตะโกนขึ้นว่า "เหม็นจริงโว้ย ทำไมธูปยังไม่มาเสียทีวะ" ผมรีบถ่ายภาพให้เสร็จอย่างรวดเร็ว และออกจากห้องพักทันที

จากนั้น ผมหาข่าวจากจากพนักงานของ อพาร์ตเม้นต์ คนข้างห้อง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ พอประมวลเหตุการณ์ได้ว่า

ผู้ตายเป็นภรรยาน้อยของเสี่ยรายหนึ่ง มาเช่าห้องพักอยู่ที่นี่ด้วยกันนานร่วม 2 ปี โดยระยะแรก ๆ เสี่ยก็เทียวไป-เทียวมาอยู่เสมอ ๆ แต่อยู่ ๆ เสี่ยก็หายหน้าหายตาไปนานเกือบ 6 เดือน ทำให้ผู้ตายเกิดความเครียดอย่างหนัก ไม่มีรายได้ เพราะไม่ได้ทำงานอะไร ของมีค่าติดตัว ก็ขายกินจนหมด ค่าเช่าห้องพัก ก็เริ่มติดค้างมาหลายเดือน แรก ๆ ก็ยังมีความหวังว่า เสี่ย จะกลับมาจ่ายให้

แต่นานวันเข้า ความหวังก็ยิ่งริบหรี่ลง ประกอบกับได้ตั้งท้องจนจวนเจียนจะคลอดอย่แล้ว เสี่ยก็ยังไม่มารับผิดชอบ เงินทำคลอดก็ไม่มีอีกด้วย จึงตัดสินใจกินยาฆ่าแมลงฆ่าตัวตาย พร้อมลูกในท้อง แต่ก่อนจะตาย ได้เกิดอาการทรมาน ดิ้นทุรนทุรายด้วยพิษของยา จนกระทั่งแท้งลูกออกมาคาช่องคลอดนั่นเอง และ 7 วันให้หลัง ศพก็ได้โชยกลิ่นฟุ้งกระจายออกมานอกห้องพัก อพาร์ตเม้นต์ จนกระทั่งมีคนแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ

ผมส่งข่าวและฝากฟิล์มเข้าโรงพิมพ์ไปกับคนขับรถ กว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจก็เป็นเวลาถึง 3 ทุ่ม ได้เวลาออกเวรพอดี ผมนึกอยากหาอะไรเย็น ๆ ดื่มเสียหน่อยก่อนกลับบ้าน เรียกรถแท็กซี่ไปยัง "คาเฟ่" แห่งหนึ่ง ย่านขนส่งสายใต้เก่า ถนนจรัญสนิทวงศ์ เป็นร้านที่ผมมานั่งดื่มเป็นประจำ พอไปถึง ขณะที่กำลังนั่งลงเก้าอี้ พร้อมกับรับผ้าเย็นมาเช็ดหน้าเช็ดตาด้วยความสดชื่น สายตาเหลือบไปเห็นแก้ว 2 ใบวางอยู่บนโต๊ะ

ผมโพร่งปากทันทีด้วยความคุ้นเคยสนิทสนม "จะบ้าหรือไงวะ มาคนเดียว แต่เอาแก้วมาให้ 2 ใบ" เด็กสาวเสริฟตอบผมทันควันเช่นกัน "เอ๊ะ" เมื่อประกี้นี้ หนูเห็นพี่พาแฟนมาด้วยนี่คะ แถมยังกระเต็งลูกติดเอวมาด้วยอีกคน แต่ไม่รู้เดินหายไปไหน ผมขนลุกซู่ทันทีตั้งแต่ปลายเท้าจรดศีรษะ ทันทีที่เด็กพูดจบ ขณะที่สมองกำลังมึน เด็กเสริฟผู้ชายอีกคน เดินเข้ามาสนับสนุนอีก "จริง ๆ นะครับพี่ เมื่อตอนที่พี่เดินเข้ามา ผมเห็นกระตาว่า แฟนพี่อุ้มลูกเดินตามหลังเข้ามาด้วย แต่พอเผลอ ก็ไม่รู้เดินหายไปไหน ผมคิดว่าคงเดินไปเข้าห้องน้ำ"

ความรู้สึกเส้นผมบนหนังศีรษะลุกขึ้นตั้งชัน อย่างที่เคยได้ยินมาบ่อย ๆ เพิ่งจะรู้สึกวันนี้เองว่า มีอาการเป็นอย่างไร ผมไม่มีใจนั่งดื่มอะไรแล้ว ไม่กล้าพูดอะไรมาก รีบล้วงเงินให้ทิปแก่เด็กเสริฟทั้ง 2 คน พร้อมกับรีบโกยแนบออกจากที่นั่นทันที ผมกลับถึงบ้านรีบอาบน้ำเข้านอน ครุ่นคิดถึงแต่เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ จนนอนไม่หลับ

แต่เชื่อหรือไม่ "วิญญาณผีแม่ลูก" คู่นี้ยังไม่ยอมเลิกจองเวรผมง่าย ๆ ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มจะหลับมิหลับแหล่อยู่นั่นเอง ผมเห็นหญิงสาวคนตายคนี้นี้ เดินเข้ามาคนเดียว คราวนี้ ไม่ได้อุ้มลูกมาด้วย พอเดินมาถึงก็ขึ้นเตียง พร้อมกับกระโจนเข้าทับร่างผมทันที

เธอเอาใบหน้าเข้ามา เกลือกกลั้ว ซุกไซ้กับใบหน้าผม ยังกับหลงใหลพิศวาสในตัวผมแทบใจจะขาด ผมร้องตะโกนให้คนช่วยจนเสียงหลง เพราะใบหน้าของเธอบวมขึ้นอืด เริ่มเน่าเฟะ มีหนอนขึ้นยั้วเยี้ย ดูขยะแขยงมาก ซ้ำดวงตาทั้งคู่ยังถลนออกมานอกเบ้าเสียอีก อย่างนี้จะมีอารมณ์พิศวาสอะไร

ผมตกใจสุดขีด โชคดีที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน เหงื่อผมแตกพรั่กเต็มหลัง มันเหมือนเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง ๆ อย่างสยดสยอง ผมนอนคลุมโปงจับไข้หัวโกร๋น นอนไม่หลับจนสว่าง จิตใจไม่ปกติ เหมือนคนขวัญเสีย สติสตังค์ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทางญาติเห็นผิดสังเกตุ รีบพาผมไปนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ให้ทั้งน้ำเกลือและยาระงับประสาท

ผมนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลถึง 7 วัน จึงค่อยมีอาการดีขึ้น กลับมาถึงบ้าน ยังต้องไปรดน้ำมนต์กับพระอาจารย์ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมกับทำบุญกรวดน้ำอุทิศกุศลไปให้ "วิญญาณแม่ลูกคู่นี้" ผมไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะกลัวคนที่ไม่เชื่อ จะหาว่าผมบ้า มีแต่คนขับรถคู่หูผมเท่านั้น ที่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะรู้นิสัยผมดีว่า ไม่ชอบโกหกใคร

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ผมทำข่าวที่มีคนตาย ไม่ว่าศพจะน่าเกลียดน่ากลัว หรือมีกลิ่นเหม็นของซากศพมากน้อยเพียงใด ผมจะอดทนและระมัดระวังปากมากที่สุด ผมไม่กล้าปากพร่อย ๆ พูดอะไรออกไปอย่างคึกคะนอง เหมือนเหตุการณ์ที่เล่ามาให้ฟังนี้อีกเลย เข็ดจริง ๆ

ณัชพล เทพนิมิต


ขอบคุณข้อมูลจากคนตาทพย์ดอทเน็ต


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์