ขึ้นจากหลุม


ขึ้นจากหลุม

"สุริยา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากป่าช้าเก่า

สมัยเด็กผมเคยอยู่ที่ภาคอีสานหลายจังหวัด สาเหตุเพราะพ่อรับราชการเป็นครูน่ะซีครับ ข้อดีก็คือได้เห็นท้องถิ่นแปลกหูแปลกตา ไม่น่าเบื่อเหมือนกับต้องอยู่จำเจ แต่ข้อเสียก็คือไม่มีเพื่อนเก่า เจอะเจอแต่เพื่อนหน้าใหม่ๆ อยู่ร่ำไป

เท่านันยังไม่พอ เมื่อตอนที่ย้ายไปอยู่ชัยภูมิผมยังโดนผีหลอกเอาเต็มเปา!

ถึงแม้จะผ่านมานานแล้ว แต่ผมยังจำได้ว่าที่นั่นคือตำบลหนองฉิม อำเภอจัตุรัส สมัยนั้นเรียกว่าเป็นบ้านป่าก็คงไม่ผิดนัก เราไปอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆ ราวสองร้อยหลังคาเรือนเห็นจะได้ มีทั้งดงตาลและป่ากล้วยรายล้อม ยามลมพัดจะเกิดเสียงซู่ซ่าน่าวังเวงใจอย่างบอกไม่ถูก

หลังหมู่บ้านมีลำห้วยที่แห้งแล้ง สองฝั่งมีแต่กอไผ่กับดงสะแกเรียงราย เวลาลงไปเล่นซ่อนหากันข้างล่าง เสียงใบไม้แห้งที่ทับถมกันมานานจะทำให้เกิดเสียงกรอบแกรบ ต้องหลบขึ้นไปซ่อนอยู่หลังกอไผ่หรือดงสะแกครับ คนหาจะได้หาเราได้ยากหน่อย

แต่ที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมดก็คือ ผีดุบรรลัยจักรเชียวคุณเอ๋ย

พวกผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังว่า ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าหมู่บ้านนี้ตั้งเป็นกระจุกอยู่บนเนินดินกว้างขวาง...สมัยก่อนเคยเป็นป่าช้าครับ!

พวกผู้ใหญ่เขาไม่แยแสกันเท่าไหร่ แต่เด็กๆ อย่างผมนะซี พอได้ยินก็เล่นเอาขนลุกขนพองไปหมด สันหลังงี้เย็นวาบๆ เชียว ...แหม! เด็กที่ไหนจะไม่กลัวผีล่ะครับ? บรื๋ออออ...

ตอนแรกยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่พอเขาเล่าว่าพวกที่มาลงหลักปักฐานอยูใหม่ๆ ขุดดินลงเสาเรือน ล้วนแต่เจอะเจอโครงกระดูกผุพังกันทั้งนั้น จะปลูกต้นไม้ต้นไร่อะไรก็เจอแต่กระดูกของคนโบราณเป็นว่าเล่น...คว้ากระดูกขาวๆ ขึ้นมาได้ก็เหวี่ยงเข้ารกเข้าพงโดยไม่แยแส

ระยะแรกๆ เราไปอยู่หลังสงกรานต์ อากาศค่อนข้างอบอ้าวเลยต้องมาปูเสื่อสาดนอนกันที่ระเบียง ถัดไปเป็นนอกชาน และรั้วไม้ระแนงล้อมรอบ มุ้งม่านอะไรนี่ไม่จำเป็น เพราะที่นั้นไม่มียุงมารบ กวน

บ้านเช่าของเราน่ะอยู่กลางหมู่บ้านเลยนะครับ มีต้นตาลระเกะระกะพอๆ กับบ้านเล็กเรือนน้อย ตอนกลางคืนได้ยินเสียงลมพัดใบตาลแก่ๆ ดังแกร็กๆ นึกถึงเรื่องผีเรื่องเปรตที่เขาว่ามันร้องวี้ดๆเพราะปากแหลมเท่ารูเข็มแล้วเล่นเอาปากคอแห้งผากไปทันใด

เวลาผ่านไปได้แค่ 2-3 คืนผมก็เจอดี!

หน้าบ้านเช่าชั้นเดียวเตี้ยๆ ของเรามีต้นตาลที่สะบัดใบซ่าๆอยู่เป็นประจำ ยิ่งตอนกลางคืนยิ่งดังบ่อย บางครั้งผมนึกเอะใจว่าไม่มีลมพัดซักนิดทำไมใบตาลที่ห้อยลงมาน่ะมันแกว่งไกวได้ล่ะ?

คืนนั้น...ขณะที่กำลังเคลิ้มหลับผมก็ต้องลืมตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงแปลกประหลาดที่ดังมาจากหน้าบ้าน คือเสียงดังแกร็กๆ อยู่แถวต้นตาล จนทำให้ผมต้องหันหน้ามองขึ้นไปดู...

ท่ามกลางแสงดาวระยิบระยับ เห็นต้นตาลยืนทะมึน ยอดตาลสงบนิ่ง แต่เสียงแปลกๆ นั่นยังดังอยู่ตามเดิม..ครั้นเงียหูฟังครู่หนึ่งก็ถอนใจยาวเมื่อรู้แน่ว่าเป็นเสียงเคาะไม้เบาๆ เป็นจังหวะมาจากโคนต้นตาลนั่นเอง

เอ๊ะ! แล้วใครมาเคาะไม้หาสวรรค์วิมานอะไรในยามดึกดื่นแบบนี้ล่ะ ในเมื่อเลยค่ำไปไม่นานชาวบ้านก็หลับนอนกันจนหมดสิ้นแล้วนี่นา?

จากเสียงเคาะไม้กลายเป็นเสียงเอี๊ยดอ๊าดมาจากรั้วไม้ระแนง

อารามอยากรู้อยากเห็นทำให้ผมผงกหัวขึ้นมอง ท่ามกลางสายลมเยือกเย็นภายใต้แสงดาวส่องสลัว ผม ตกตะลึงตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นภาพนั้นเข้าถนัดตาพอดี

ร่างตะคุ่มๆ ของผู้ใหญ่สองกับเด็กหนึ่งกำลังช่วยกันดึงรั้วไม้โปร่งๆ อย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งสามมีผิวกายดำมืด มองไม่เห็น หน้าตา แต่ก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดาๆ อย่างพวกเราแน่ ท่าทางยงโย่ยงหยกคล้ายจะแหวกรั้วเข้ามาให้จงได้

เสียงเคาะไม้ดังขึ้นอีกครั้ง สั่นสะเทือนเข้าไปถึงหัวใจที่เต้นโครมครามเหมือนจะพังทลายออกมาข้างนอก...อยากร้องเรียกพ่อแม่ก็ร้องไม่ออก ขณะที่ร่างทั้งสามหยุดชะงักราวจะรู้ว่ามีใครจ้องมอง ก่อนจะเงยหน้าดำปี๋ขึ้นมากระทบแสงดาว....ผมแผดร้องออกมาสุดเสียงในพริบตา!

เมื่อพ่อแม่ตื่นขึ้นมาก็ไม่ปรากฏร่างอุบาทว์ทั้งสามให้เห็นเลย

อาทิตย์ต่อมา มีชาวบ้านขุดพบโครงกระดูก 3 ร่างข้างๆ บ้านเรา เป?นผู้ใหญ่ 2 กับ เด็ก 1 สันนิษฐานว่าเป็นเป็นพ่อแม่ลูกที่ตายพร้อมกันเพราะโรคระบาด...เขาห่อกระดูกไปให้พระสวดมนต์แล้วฝากวัดไว้...ผมเองก็ไม่เคยเห็นภาพสยองอีกเลยครับ


ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์