ป้าสมศรี


ป้าสมศรี

"แมร์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากซอยเปลี่ยว


หนูเป็นเด็กต่างจังหวัดมาอาศัยญาติอยู่ในกรุงเทพฯ น้าดาเป็นน้องสาวห่างๆ ของแม่ มีสามีและลูกสาวคนหนึ่งอายุราว 16 ย่าง 17 เหมือนหนู เราเรียนโรงเรียนเดียวกันแถวสามเสน ซึ่งอยู่ไม่ไกลบ้านนัก

น้าดาเป็นคนส่งเสียหนูเล่าเรียนตั้งแต่ชั้น ม.ต้นแล้วค่ะ ถึงเธอจะรักใคร่และเอ็นดูหนูไม่น้อย แต่หนูก็เจียมตัวว่าไม่ใช่ลูกเธอแท้ๆ เหมือนยัยแป้ง เลยต้องช่วยทำงานบ้านต่างๆ เช็ดปัดกวาด เช็ดถู เก็บเสื้อผ้าใส่เครื่องซัก รวมทั้งหุงข้าวและอุ่นกับให้พร้อมก่อนจะไปโรงเรียน

ตอนเย็นๆ น้าดามักจะมีเรื่องใช้ให้หนูไปซื้อของที่เซเว่นปากซอยแทบทุกวัน บางวันก็เกือบค่ะ น้าดาให้หนูซ้อนมอเตอร์ไซค์ หรือนั่งตุ๊กตุ๊กกลับบ้านก็ได้ถ้าของมากหรือฝนตก...แต่ถ้าไม่จำเป็นหนูจะเดินกลับเพราะเสียดายค่ารถค่ะ

จากบ้านไปปากซอยก็ราว 300 เมตรกว่าๆ บ้านเรือนก็แน่นหนาทั้งสองฝั่งซอยไม่มีอะไรน่ากลัว...น้าดาก็ดีอย่างที่จะให้เงินพิเศษครั้ง 20-30 บาท ถ้าหนูบอกว่าเดินกลับบ้านไม่ต้องเสียค่ารถ...บางวันแป้งต้องการของใช้ส่วนตัวก็จะออกไปเซเว่นกับหนูด้วย

วันนั้น น้าผู้ชายเลิกงานมาถึงบ้านราวหกโมงเย็น บอกว่าอยากกินผัดไทยกุ้งสด น้าดาก็นึกได้ว่าน้ำผลไม้กับโยเกิร์ตหมด ส่วนแป้งอยากไปเลือกซื้อขนมประเภท ลอดช่องเผือก, ข้าวเหนียวดำแตงไทย...ใส่น้ำกะทิและน้ำแข็ง หนูเองนึกถึงยังอดน้ำลายไหลไม่ได้เลยค่ะ

ตกลงเราออกไปซื้อของกันสองคน!


หนูลืมเล่าไปว่ามีผู้หญิงกลางซอยตายไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ป้าสมศรีอายุราว 50 ได้ค่ะ มีลูกสาวสองคนรุ่นเดียวกับหนูนี่แหละ บางคนบอกว่าแกเป็นมะเร็งปอด แต่บางคนก็ยืนยันว่าป้าสมศรีตายได้ทุกโรค เพราะเป็นทั้งความดันสูง เบาหวาน ลิ้นหัวใจรั่ว ตับอักเสบและไทรอยด์เป็นพิษ

มีคนลือว่าวิญญาณป้าแกยังห่วงลูกสาว แม้สามีจะเป็นนายทหารคอยดูแลลูกอยู่ทั้งคนก็เถอะ...แม่ย่อมจะห่วงใยลูกทุกคนเสมอ จริงไหมคะ?

เขาว่าตอนกลางคืนมีเสียงหมาหอนเสียงโหยหวนน่ากลัว บางคนก็เห็นป้าสมศรีเดินไปมาอยู่ที่ระเบียงชั้นบน คนข้างบ้านเห็นใครเดินเห็นหลังไวๆ เข้าไปในบ้าน บางคืนป้าแกก็มาเดินวนเวียนอยู่ที่สนาม

ตอนแรกๆ หนูกับแป้งขนลุกไปหมด ยอมรับว่ากลัวค่ะ จะไปซื้อของก็รีบไปรีบมา ถ้าของมากหรือค่ำหน่อยก็ชวนกันขึ้นตุ๊กตุ๊กกลับบ้าน

วันเกิดเหตุ เราซื้อของเสร็จก็พอดีมีฝนตกพรำๆ แป้งชวนหนูเข้าไปหลบฝนในเซเว่นก่อน อาศัยแอร์เย็นๆ ด้วยไงคะ...เราเดินดูพวกเครื่องสำอางกับชั้นวางหนังสือดาราสวยๆ งามๆ ตามประสาวัยรุ่น...เพลิดเพลินจนปาเข้าไปทุ่มเศษถึงได้ผลักประตูกระจกออกมาสู่ความขวักไขว่ภายนอก

ฝนหายขาดไปแล้วค่ะ...เราตัดสินใจเดินกลับบ้านเพื่อประหยัดค่าตุ๊กตุ๊ก 20 บาท กับบอกกล่าวกันว่าเพื่อเป็นการออกกำลังไปด้วย


ในซอยดูเปล่าเปลี่ยวเยือกเย็น ถนนเปียกโชกสะท้อนแสงไฟเป็นเงาวับ นานๆ จะมีรถตุ๊กตุ๊ก หรือมอเตอร์ไซค์ผ่านไปมาสักคัน ผู้คนบางตาเต็มที บ้านช่องสองฟากฝั่งเปิดไฟสว่างก็จริง แต่รั้วบ้านสูงๆ ล้วนแต่ปิดประตูมิดชิด

เราเดินคู่กันไปเงียบๆ ยกเว้นแต่จะมีแอ่งน้ำ แป้งออกนำหน้า...หนูนึกถึงแต่ว่าเดี๋ยวถึงบ้านจะอาบน้ำ กินข้าวแล้วดูหนังสือก่อนเข้านอน

เสียงฝีเท้ากุกๆ ดังมาจากด้านหลัง หนูหันไปมองแต่ไม่เห็นใคร


แป้งชะงักฝีเท้าจนหนูเดินตามไปเดินคู่ แสงสว่างจากเสาไฟฟ้าส่องให้เห็นผู้หญิงดัดผมสั้น ร่างท้วม เดินลากรองเท้าแตะอยู่ข้างหน้า เธอนุ่งกางเกงสีดำ สวมเสื้อขาว ท่าเดินก็ดูช้าๆ ตามสบาย...แต่หนูรู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก

"เอ๊ะ! ใคร..." เสียงแป้งพูดขึ้นเบาๆ หนูเองก็ยังนึกไม่ออก พอดีแป้งชะงักเท้าหลุดปากออกมาว่า "หรือจะเป็น...เป็น..."

เสียงเธอสั่นเครือเหมือนคนเป็นไข้หนัก

"ป้า...ป้า..." หนูอึกอัก แป้งอ้าปากค้าง เราหยุดเดินพร้อมๆ กันเมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นหันมายิ้มกับเราอย่างคนใจดี...ก่อนจะเลี้ยวซ้าย เดินช้าๆ เหมือนลอยผ่านประตูรั้วที่ปิดสนิทเข้าไปต่อหน้าต่อตาเรา

พริบตานั้นเอง เราก็กระโจนพรึ่บ ออกวิ่งหน้าตั้งไม่คิดชีวิตจนถึงบ้าน แป้งโถมเข้ากอดแม่ร้องไห้โฮ หนูเองก็หมดแรงนั่งแผละลงกับพื้น พูดอะไรไม่ออก...นึกถึงรอยยิ้มของป้าสมศรีแล้วขนหัวลุกค่ะ!



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์