สะพานมรณะ


สะพานมรณะ

เรื่องราวต่อไปนี้ที่ผมจะเล่าผมขอยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริงซึ่งเกิดขึ้นกับตัวผมเอง เมื่อตอนปิดภาคเรียน

ผมได้ไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัด ผมได้นั่งรถยนต์ไปกับพวกเพื่อนๆสี่คน ขาไปพวกเราสนุกกันมากเพราะทั้งวันได้แต่ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆมากมายจนผมเองก็จำไม่ได้ พวกเราเหน็ดเหนื่อยกันมาก จึงมีบางคนก็ได้เข้าณาน ไปแล้วบ้างก็มีก็คือหลับนั่นแหละครับ แต่ตัวผมเองก็ยังคงนั่งเป็นเพื่อน ของเพื่อนผมอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคนขับ ตรงเบาะหน้า ระหว่างทางในช่วงนั้นเป็นวัดเก่าๆ สองสามแห่งซึ่งอยู่ติดๆกัน ประมาณห้าทุ่มกว่าๆได้ ผมก็ไปถึงตรงทางสามแพ่งซึ่งเป็นเหมือนสามแยกซึ่งบางคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของทางสาม แพ่งมาแล้วบ้างนะครับว่าเป็นที่อยู่ของใคร? ช่วงนั้นผมก็กำลังเคลิ้มๆพอดี แต่ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเพื่อนผมคนที่ขับรถมันรีบสะกิดเรียกผมแล้วบอกว่ามันขับรถทับอะไรบางอย่าง เสียงเหมือนทับกระดูกคน

ผมได้ยินเท่านั้นหล่ะครับถึงกับขนลุกทันทีเพราะบรรยากาศขณะนั้นให้มากเวลาก็ปาไปเกือบตีหนึ่งแล้ว

บวกกับความเย็นของแอร์ในรถ คิดดูสิครับ เพื่อนผมมันก็เหมือนแกล้งมันให้ผมทำหน้าที่คนขับต่อไปจนถึงตัวจังหวัดของเมือง ตอนผมจะเปลี่ยนกับเพื่อนนั้นผมก็ไม่ค่อยอยากจะขับต่อไปแล้ว เพื่อนผมข้างหลังมันตื่นอยู่นานแล้วมันพูดทำนองล้อผมว่า "ขับๆไปเหอะคงไม่ไปทับผีหรอกน่า" ผมด้วยความกลัวอายก็กลัวจึงต้องจำใจขับต่อไปก็ไม่มีอะไรจนกระทั่งมาถึงช่วงโค้ง ซึ่งตรงข้างนอกรั้วของโค้งผมก็ดูไม่ชัดแต่เหมือนจะเป็นพวกเศษรถเก่าๆผมก็ไม่ได้สนใจ แต่สิ่งที่ผมกลัวนี่สิครับคือตอนจะขึ้นผมเหยีบมาประมาณ 120 กว่าถึงโค้งผมก็ลด เหลือ 100 ซึ่งโค้งมันเป็นโค้งแบบ slove ไว้ให้กันรถแหกโค้งแต่พอแค่ขึ้นปลายสะพานเท่านั้นหละครับรถที่ผมเหยียบมาเกือบ 100 นี่ถึงกับจะหยุดลงต่อหน้าต่อตาเลยความเร็วที่เร่งมาลดฮวบทั้งที่เสียงเครื่องยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆผมมีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้น

แล้วผมนึกในใจคงมีใครหมั่นไส้เพื่อนผมที่ไปพูดลบหลู่ตอนแรกแน่ๆ ผมใส่เบรกมือตรงสะพานนั่งตกลงกับเพื่อนว่าจะลงหรือไม่ลง

เพราะช่วงนั้นทั้งสายมีรถกระบะเก่าๆ วิ่งอยุ่คันเดียวแต่คุณพระช่วยรถคันนั้นเขาวิ่งสวนไปหยั่งกับมองไม่เห็นผมทั้งๆที่รถผมก็เปิดไฟหน้าเอาไว้ไอ้พวกเพื่อนข้างหลังมันยิ่งกว่าผมอีก มันกอดกันแน่นก้มหน้าก้มตาบ่นพึมพำอะไรของมันผมก็ไม่รู้ ด้วยนิสัยของคนไทยที่ชอบเอาตัวรอดผมเลยสั่งเพื่อนที่นั่งข้างๆผมให้ลงไปดูยางความจริงตอนนั้นผมว่ารถผมเร่งขึ้นได้แล้ว แต่ผมทำอะไรแทบไม่ถูกเหมือนกันเหงื่อแตกพลั่กเพื่อนผมมันลงไปดู มันก็เดินมานิ่งๆ ขึ้นรถแล้วพยักหน้าให้ผมออกรถไวๆผมก็ไม่รุ้ก็ได้แต่เร่งให้แรงไว้ก่อน เพราะสะพานก็ชันใช้ได้เลยครับรถก็ออกไปปกติแต่ผมก็สงสัยว่ามันมีอะไรข้างหลัง ผมก็เลยเหล่ๆกระจกหลังนิดหน่อยตอนแรกไม่กล้ามองเต็มๆกระจกกลัวจะเห็นจะๆ

แต่ครั้งที่สองนี่สิคับผมหันไปมองข้างหลังเลยโดยรถก็วิ่งไปเรื่อยๆไม่เร็วนัก ให้ตาย!

ภาพที่ผมเห็นนั้นผมตกใจถึงกับเบรกรถทันทีให้ตายผมเห็นรถกระบะสีตะกั่ว ชนกับรถเก๋งไม่ทราบยี่ห้อ ซึ่งสีเดียวกับสีรถเพื่อนผมคือสีน้ำเงินสภาพยับเยินมากกระจกแตกหมดทั้งสองคันมีเลือดไหลมานองที่พื้น มีชายสองคนยืนอยู่ข้างหน้ารถซึ่งห่างจากรถผมพอจะเห็นหน้าเขาได้ยืนขวักมือเรียกมาทางผมผมขนลุกมากผมไม่คิดอะไรอีกแล้ว ผมหันกลับเข้าหน้าที่ใส่เกียร์หมาเกียร์แมวโกยอย่างว่องไม่คิดชีวิตเลย เกือบจะชนไหล่ทางตรงปลายสะพานอีกด้วย ผมไม่รู้ว่าผมขับมากี่กิโลเมตรแล้วเพื่อนผมก็บอกให้ผมแวะบ้านลุงเขาก่อน ผมก็เลี้ยวเข้าไป

พอถึงบ้านพวกเราไม่กินข้าวกันสักคนไม่ยอมอาบน้ำ ต่างคนพอถึงก็ขึ้นนอนกันแล้ว

ห้องบ้านลุงเพื่อนผมเขามีอยู่ห้าห้องแต่พวกผมนี่สินอนอัดกันอยู่ในห้องเดียวนี่แหละ รุ่งขึ้นพวกเราก็รีบเปลี่ยนเสื้ออาบน้ำแล้วลาลุงของเพื่อนโดยให้ลูกน้องของลุงเขาขับไปใส่ที่กรุงเทพให้ เท่านั้นหละผมไม่กล้าไปผ่านสะพานนั้นอีกเลย ผมเข็ดจนวันตาย เพื่อนผมมันมาเล่าให้ฟังในเน็ทมันบอกว่ามันไม่ได้เจอเหมือนผมเลยมันบอกว่ามันเห็นเหมือนพวกคนงานลูกคนงานช่างก่อสร้างนั่งอยู่เต็มราวสะพานเลย และทุกคนก็ต่างอาบไปด้วยเลือดกับเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น ทำเอาผมคิดถึงวันนั้นเลย

เดี๋ยวนี้ผมก็ได้ผ่านสะพานนั้นเป็นประจำจนผมชินซึ่งสะพานนั้นก็อยู่ในเส้นทางที่ไปเยี่ยมป้าของผม

สะพานมีสภาพเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ผมเห็นเพิ่มขึ้นมาก็คือมีศาลเจ้าที่เล็กๆและมีผ้าสามสีผูกที่ราวเหล็กตรงปลายสะพาน วันดีคืนดีคุณอาจจะได้ผ่านแล้วเตออย่างผมบ้างนะครับ สะพานที่มีโค้งตรงทางลงนั่นแหละครับ เมื่อคุณขับรถผ่านไปแถว อยุธยา ...เหอ .... เหอ


ขอบคุณเรื่องเล่าจากพลังจิตดอทคอม


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์