สองแม่ลูก


สองแม่ลูก

"ดาลัด" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ้านตรงข้าม

ดิฉันเคยได้ยินผู้ใหญ่ชอบพูดว่า คนตายมักจะมีจิตผูก พันอยู่กับญาติสนิทมิตรสหาย หรือคนที่ตัวเองเคยรักใคร่และสนิทสนม ถ้าวิญญาณเฮี้ยนมากๆ ก็จะมาเอาชีวิตของผู้นั้นไปอยู่โลกหน้าด้วย

เรื่องนี้คล้ายๆ กับความเชื่อของคนเอเชียมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะค่ะ คือ วิญญาณผีตายโหงจะต้องสิงสู่อยู่ที่แดนตายของตัว ไม่ว่าจะตามถนนหรือแม่น้ำลำคลอง แม้แต่ในเรือกสวนไร่นา หรือป่าเขาก็ตาม ต้องรอคอยจนกว่าจะได้คนชะตาขาดมาตายแทนที่ ตัวเองจะได้ไปผุดไปเกิดเสียที

ดิฉันไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้หรอกค่ะ คิดว่าเป็นความเชื่อเก่าๆ ที่อ่อนเหตุผลเอาการ เพราะเคยได้ยินเรื่องถนนผีสิง ทางรถไฟมรณะ ฯลฯ ว่ามีผู้พบเห็นภูตผีมาหลอกหลอนมากมาย ไม่ใช่มีแต่วิญญาณดวงเดียว จริงไหมคะ?

ส่วนเรื่องที่ผู้ตายมาเยี่ยมคนที่รักนั้น ค่อนข้างน่าคิดค่ะ!

ในซอยบ้านที่ราชวิถี มีสามีที่ตายเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลัง จากเผาศพไปแล้วก็มาปรากฏที่บ้านบ่อยๆ ภรรยาเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง ตอนแรกก็ไม่มีใครเชื่อนัก แต่ผ่านไปไม่ถึงเดือนเธอก็หัวใจวายบนเตียง ทั้งๆที่อายุเพิ่งสามสิบต้นๆ ร่างกายยังสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มี โรคร้ายประจำตัวเลย

คราวนี้เชื่อกันว่าวิญญาณสามีมาหา และรับวิญญาณของภรรยาที่รักไปอยู่โลกหน้าด้วยกันจริงๆ

แต่การมาเยี่ยมเยียนคนที่รักของผู้ที่จากไปสู่โลกหน้า โดยไม่ได้มารับวิญญาณไปอยู่ด้วยก็มีค่ะ...จะเป็นเพราะดวงแข็ง หรือชะตายังไม่ถึงฆาตก็ไม่ทราบเหมือนกัน

เรื่องน่าขนหัวลุกเกิดที่บ้านตรงข้าม ค่อนข้างเยื้องๆ กับบ้านดิฉันเอง

น้าแอ๋ว เป็นม่ายสามีตาย อยู่กับลูกสาวคนเดียวชื่อ อ้อย ในบ้านมีญาติผู้ใหญ่อยู่ด้วยอีกสองคน น้าแอ๋วเป็นนายหน้าซื้อขายที่ดินและบ้านเรือนทั่วไป นิสัยเป็นคนใจบุญสุนทาน ตอนเช้าๆ จะเห็นร่างผอมสูง แต่งตัวเรียบร้อยออกมาใส่บาตรที่หน้าประตูบ้านเป็นประจำ บางวันก็พาลูกสาวออกมาใส่บาตรด้วย

ดิฉันเห็นสองแม่ลูกใส่บาตรพระวันละสองรูป ไม่ใช่ใส่คนละรูปนะคะ แต่น้าแอ๋วกับอ้อยจะจับทัพพีด้วยกัน ตักข้าวในขันเงินใส่บาตรคล้ายๆ หนุ่มสาวที่ถือคติ "ทำบุญร่วมชาติ - ตักบาตรร่วมขัน" นั่นแหละค่ะ

วันไหนไม่เห็นน้าแอ๋วใส่บาตร ก็เดาได้เลยว่าเธอไปต่างจังหวัดไกลๆ เกี่ยวกับธุรกิจ และอ้อยก็ไม่เคยออกมาใส่บาตรคนเดียว

ตอนปิดเทอม น้าแอ๋วมักจะพาลูกสาวออกไปต่างจังหวัดด้วย ไม่รู้ว่าเป็นห่วงลูกหรืออ้อยอยากไปเที่ยวกับแม่กันแน่...แต่เมื่อตอนต้นปีนี้เอง สองแม่ลูกกลับจากภาคเหนือก็ปรากฏว่าอ้อย เป็นไข้อาการหนัก ถึงกับต้องไปอยู่ห้องไอซียูที่โรงพยาบาลเอกชนทางฝั่งธนบุรี

ดิฉันกับเพื่อนบ้านไปเยี่ยมก็ใจหาย เพราะอ้อยโคม่า นอนไม่ได้สติแล้ว น้าแอ๋วร้องไห้จนนัยน์ตาบวมช้ำ พวกเราก็ช่วยกันปลอบ โยน แต่คงไม่ได้ผลหรอกค่ะ

น้าแอ๋วเล่าว่าลูกสาวเป็นไข้ป่า อาการหนัก คืนหนึ่งอาการทรุดฮวบเลยรีบไปบอกพยาบาล แต่แพทย์มาช้าเกินไป...สมองตาย! มี อาการของ "เจ้าสาวนิทรา" อ้อยโคม่าอยู่ราวครึ่งเดือนก็เสียชีวิต

มีการฟ้องร้องโรงพยาบาล...แต่เรื่องสำคัญคือเหตุการณ์น่าขนหัวลุก หลังจากเผาศพอ้อยไปได้อาทิตย์เดียว!

เช้านั้น ดิฉันอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องนอนชั้นบน กำลังจะลงไปทานอาหารเช้าก่อนจะไปทำงาน...ไม่รู้ว่ามีอะไรดึงดูดใจให้หันไปมองทาง บ้านน้าแอ๋วซึ่งแต่งชุดดำออกมาใส่บาตรคนเดียวทุกวัน เห็นแล้วอด ใจหายไม่ได้ค่ะ

ขณะนั้น น้าแอ๋วกำลังจะใส่บาตรพอดี...

คุณพระช่วย! ท่ามกลางแสงแดดเหลืองอร่ามยามเช้า อ้อยยืนเยื้องๆ อยู่หลังแม่หน้าตาขาวซีดในชุดสีขาว มือเธอจับด้ามทัพพีติดๆ กับมือน้าแอ๋ว...ใส่บาตรในอ้อมแขนพระภิกษุชรา ผู้ก้มหน้าอย่างสำรวม...

สองแม่ลูกยกมือขึ้นพนมไหว้พระอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินเคลียคลอกันเข้าบ้านช้าๆ ส่วนดิฉันถึงกับเข่าอ่อน ถอยมานั่งแปะที่ขอบเตียง...ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว

ขอให้วิญญาณของอ้อยจงไปสู่สุคติ ส่วนดิฉันไม่กล้ามองไปที่บ้านนั้นตอนเช้าๆ อีกแล้ว...ขนหัวลุกค่ะ!


ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์