อยู่กับวิญญาณ
"หนิง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ้านตัวเอง
คุณเคยอยู่คนเดียว แต่รู้สึกอย่างชัดเจนว่าไม่ได้อยู่ตามลำพังได้ไหมคะ?
ดิฉันรู้สึกได้ตลอดเวลาที่อยู่ในห้องนอนของตัวเอง ว่ามีใครหรืออะไรบางอย่างสิงสถิตอยู่ด้วย บางทีเขาก็จ้องมองดิฉันเขียนหนังสืออยู่ด้านหลัง..ชิดซะจนแทบสัมผัสลมหายใจ!
แปลกนะ เขามีลมหายใจจริงๆ ค่ะ บางครั้งขณะปิดไฟนอนเงียบๆ ดิฉันก็ได้ยินเสียง...ทีแรกคิดว่าตัวเองหายใจแรงไปหน่อยก็ลองกลั้นไว้...น่าขนลุกจริงๆ ที่เสียงฟืดฟาดเบาๆ เหมือนคนนอนหลับสนิทยังดำเนินต่อไปข้างๆ หมอนนี่เอง
จะให้หนีไปไหนล่ะคะ ในเมื่อนี่คือห้องนอนของเรา ในบ้านของเราเองแท้ๆ
เมื่อบ่นให้คุณแม่ฟังท่านก็หัวเราะ แล้วถามว่ากลัวมากจะมานอนกับแม่ไหม? ไม่ล่ะค่ะ ดิฉันไม่ได้กลัวถึงขนาดนั้น เพียงแต่พิศวงว่า "สิ่งนั้น" มีจริงหรือ? ถ้ามีจริงแล้วเขาเป็นใครล่ะ...เป็นเจ้าที่หรือผีบ้านผีเรือนกันแน่?
ขณะเดียวกันก็ภาวนาว่า อย่าออกมาให้เห็นเป็นตัวเป็นตนแล้วกัน ไม่ใช่ตอนกลางดึกลืมตาขึ้นมาเห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ มานั่งจุมปุ๊กอยู่มุมห้อง!
เคยเล่าให้เพื่อนฟัง พวกหล่อนขนลุกขนพองกันใหญ่ บางคนเสนอให้ลองตั้งกล้องความเร็วสูงจับดู เวลาที่เราไม่อยู่ใน... เผื่อจะถ่ายติดผีไงล่ะ! ไม่เอาละ...บรื๋อออ...คิดอะไรก็ไม่รู้ เสียว ไส้จัง
ดิฉันอยู่ของดิฉันได้ แต่ถ้าเกิดถ่ายติดอะไรขึ้นมาก็คงเป็นอันจบเห่ ต้องย้ายบ้านแน่ๆ ปล่อยให้เรื่องมันเป็นไปอย่างนี้ดีกว่า เข้าทำนองแบ่งๆ กันอยู่! ถึงจะคนละมิติกันก็เถอะ
เขาก็อยู่ส่วนเขา เราก็อยู่ส่วนเรา!!
มีบ่อยมากที่ตอนกลางดึกสงัด ดิฉันจะได้ยินเสียงเหมือนมีใครเดินสำรวจไปมาท่ามกลางความมืดมิด บางทีก็จับกระป๋องแป้งยกขึ้นแล้ววางลง ถึงจะหลับตาอยู่ ดิฉันก็จับทิศที่มาของเสียงได้ และรู้ดีว่ามีอะไรอยู่ตรงไหน? อยากจะคิดว่าหนูเหมือนกัน แต่หนูที่ไหนจะเก่งเป็นการ์ตูน "ทอมกับเจอรี่" ขนาดยกกระป๋องแป้งแล้ววางลงแบบคนเราได้น่ะ?
บางทีเขาเปิดถุงต่างๆ ที่ดิฉันช็อปปิ้งมาตามประสาเด็กวัยรุ่น เขาเปิดถุงนั้น ดูถุงนี้อยู่นาน ดังก๊อบๆ แก๊บๆ ดิฉันก็ทำเฉย
ที่น่ากลัวที่สุดคือ บางคืนเขามาล้มตัวลงนอนข้างๆ ดิฉันนี่แหละ!
เตียงนอนของดิฉันเป็นเตียงเดี่ยวขนาดธรรมดา ทีแรกมันอยู่กลางห้อง เครื่องนอนก็มีแค่หมอนหนุน หมอนข้างและผ้าห่มเท่านั้น ดิฉันเป็นคนนอนง่ายค่ะ ไม่ดิ้น ไม่เคยตกเตียงซักครั้งเดียว
จำได้ว่าคืนหนึ่ง ขณะเคลิ้มหลับก็รู้สึกเหมือนมีใครเอามือมาจับหลังและดุนให้เขยิบเข้าไป เพื่อเขาจะได้มีที่นอนบ้าง แล้วเตียงก็ไหวเบาๆ เล่นเอาดิฉันตาเหลือก รีบเปิดไฟหัวเตียงทันที แต่ก็ไม่เห็นอะไร...กระนั้นก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ลอยวนอยู่ในอากาศ...
ตั้งแต่นั้นมา ดิฉันรีบย้ายเตียงเข้าไปชิดผนังห้องทันที แล้วหาหมอนหาตุ๊กตามาวางๆ ให้เต็มเตียง ทางปลายเท้าก็เลื่อนชั้นวางของมาวางซะชิด...กลัวผีมาจับเท้าไงคะ!
เอ๊ะ! นี่ดิฉันเรียกสิ่งที่อยู่ด้วยในห้องว่า "ผี" แล้วเรอะ?
ดิฉันใช้คำนี้เวลาไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ตอนเกิดเรื่องแปลกๆ ยามดึกสงัด เพื่อนๆ ชอบฟังค่ะ แต่ก็มีผู้หวังดียุให้ไล่ผีไปซะดีกว่า อย่างเช่นอัญเชิญพระพุทธรูปมาไว้ในห้อง บอกจริงๆ ว่าดิฉันไม่กล้ามีพระพุทธรูปไว้หรอก ให้ท่านประดิษฐานอยู่ในห้องพระดีกว่านะคะ
พูดถึงไล่ผี?! เอ...ก็น่าคิดนะ แต่จะว่าไปดิฉันก็ไล่เขาไม่ลง ขอเก็บแนวคิดนี้ไว้พิจารณาก่อนก็แล้วกัน
วันหนึ่งดิฉันล้มป่วยเป็นไข้หวัด โอย...งอมพระรามเลยละคุณ! เพลียจนลุกไม่ขึ้นเป็นไข้ตัวร้อนกลางดึกอยู่เดียวดายในห้อง...ร้อนจนแทบเพ้อแน่ะค่ะ
ในความมึนงง ครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้น มีใครบางคน...เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆอายุรุ่นราวคราวเดียวกับดิฉัน คือเป็นวัยรุ่น ดิฉันไม่ได้เห็นด้วยตานะคะ แต่รู้สึกได้ชัดมาก...เธอมานั่งข้างๆ เอามือนุ่มๆ มาสัมผัสหน้าผากดิฉัน มือนั้นอุ่นค่ะ ไม่ใช่เย็นเป็นน้ำแข็งแบบหนังผีหรอก
จากนั้นก็วางมือบนสะโพกดิฉันคล้ายปลอบประโลม แปลกที่ดิฉันรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่าน เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ และพอรุ่งขึ้นดิฉันก็หายไข้อย่างประหลาด ทั้งที่ยังไม่ทันได้กินยาหรือหาหมอเลย!
แม่บอกว่า แม่เชื่อว่าเป็นเจ้าที่ หรือไม่ก็เป็น "แม่ซื้อ" ที่คอยดูแลมาตั้งแต่เกิดแล้ว
แต่จะเป็นอะไรก็ช่าง ดิฉันรู้สึกดีกับเขาจริงๆ จึงอยากเขียนมาเล่าให้คุณได้เห็นตัวอย่างว่า บางทีคนกับวิญญาณก็อยู่กันได้อย่างสันติ แม้บางทีจะมีอะไรบางอย่างที่น่าขนหัวลุกก็ตาม!
ขอบคุณบทความจากข่าวสด
คุณเคยอยู่คนเดียว แต่รู้สึกอย่างชัดเจนว่าไม่ได้อยู่ตามลำพังได้ไหมคะ?
ดิฉันรู้สึกได้ตลอดเวลาที่อยู่ในห้องนอนของตัวเอง ว่ามีใครหรืออะไรบางอย่างสิงสถิตอยู่ด้วย บางทีเขาก็จ้องมองดิฉันเขียนหนังสืออยู่ด้านหลัง..ชิดซะจนแทบสัมผัสลมหายใจ!
แปลกนะ เขามีลมหายใจจริงๆ ค่ะ บางครั้งขณะปิดไฟนอนเงียบๆ ดิฉันก็ได้ยินเสียง...ทีแรกคิดว่าตัวเองหายใจแรงไปหน่อยก็ลองกลั้นไว้...น่าขนลุกจริงๆ ที่เสียงฟืดฟาดเบาๆ เหมือนคนนอนหลับสนิทยังดำเนินต่อไปข้างๆ หมอนนี่เอง
จะให้หนีไปไหนล่ะคะ ในเมื่อนี่คือห้องนอนของเรา ในบ้านของเราเองแท้ๆ
เมื่อบ่นให้คุณแม่ฟังท่านก็หัวเราะ แล้วถามว่ากลัวมากจะมานอนกับแม่ไหม? ไม่ล่ะค่ะ ดิฉันไม่ได้กลัวถึงขนาดนั้น เพียงแต่พิศวงว่า "สิ่งนั้น" มีจริงหรือ? ถ้ามีจริงแล้วเขาเป็นใครล่ะ...เป็นเจ้าที่หรือผีบ้านผีเรือนกันแน่?
ขณะเดียวกันก็ภาวนาว่า อย่าออกมาให้เห็นเป็นตัวเป็นตนแล้วกัน ไม่ใช่ตอนกลางดึกลืมตาขึ้นมาเห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ มานั่งจุมปุ๊กอยู่มุมห้อง!
เคยเล่าให้เพื่อนฟัง พวกหล่อนขนลุกขนพองกันใหญ่ บางคนเสนอให้ลองตั้งกล้องความเร็วสูงจับดู เวลาที่เราไม่อยู่ใน... เผื่อจะถ่ายติดผีไงล่ะ! ไม่เอาละ...บรื๋อออ...คิดอะไรก็ไม่รู้ เสียว ไส้จัง
ดิฉันอยู่ของดิฉันได้ แต่ถ้าเกิดถ่ายติดอะไรขึ้นมาก็คงเป็นอันจบเห่ ต้องย้ายบ้านแน่ๆ ปล่อยให้เรื่องมันเป็นไปอย่างนี้ดีกว่า เข้าทำนองแบ่งๆ กันอยู่! ถึงจะคนละมิติกันก็เถอะ
เขาก็อยู่ส่วนเขา เราก็อยู่ส่วนเรา!!
มีบ่อยมากที่ตอนกลางดึกสงัด ดิฉันจะได้ยินเสียงเหมือนมีใครเดินสำรวจไปมาท่ามกลางความมืดมิด บางทีก็จับกระป๋องแป้งยกขึ้นแล้ววางลง ถึงจะหลับตาอยู่ ดิฉันก็จับทิศที่มาของเสียงได้ และรู้ดีว่ามีอะไรอยู่ตรงไหน? อยากจะคิดว่าหนูเหมือนกัน แต่หนูที่ไหนจะเก่งเป็นการ์ตูน "ทอมกับเจอรี่" ขนาดยกกระป๋องแป้งแล้ววางลงแบบคนเราได้น่ะ?
บางทีเขาเปิดถุงต่างๆ ที่ดิฉันช็อปปิ้งมาตามประสาเด็กวัยรุ่น เขาเปิดถุงนั้น ดูถุงนี้อยู่นาน ดังก๊อบๆ แก๊บๆ ดิฉันก็ทำเฉย
ที่น่ากลัวที่สุดคือ บางคืนเขามาล้มตัวลงนอนข้างๆ ดิฉันนี่แหละ!
เตียงนอนของดิฉันเป็นเตียงเดี่ยวขนาดธรรมดา ทีแรกมันอยู่กลางห้อง เครื่องนอนก็มีแค่หมอนหนุน หมอนข้างและผ้าห่มเท่านั้น ดิฉันเป็นคนนอนง่ายค่ะ ไม่ดิ้น ไม่เคยตกเตียงซักครั้งเดียว
จำได้ว่าคืนหนึ่ง ขณะเคลิ้มหลับก็รู้สึกเหมือนมีใครเอามือมาจับหลังและดุนให้เขยิบเข้าไป เพื่อเขาจะได้มีที่นอนบ้าง แล้วเตียงก็ไหวเบาๆ เล่นเอาดิฉันตาเหลือก รีบเปิดไฟหัวเตียงทันที แต่ก็ไม่เห็นอะไร...กระนั้นก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ลอยวนอยู่ในอากาศ...
ตั้งแต่นั้นมา ดิฉันรีบย้ายเตียงเข้าไปชิดผนังห้องทันที แล้วหาหมอนหาตุ๊กตามาวางๆ ให้เต็มเตียง ทางปลายเท้าก็เลื่อนชั้นวางของมาวางซะชิด...กลัวผีมาจับเท้าไงคะ!
เอ๊ะ! นี่ดิฉันเรียกสิ่งที่อยู่ด้วยในห้องว่า "ผี" แล้วเรอะ?
ดิฉันใช้คำนี้เวลาไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ตอนเกิดเรื่องแปลกๆ ยามดึกสงัด เพื่อนๆ ชอบฟังค่ะ แต่ก็มีผู้หวังดียุให้ไล่ผีไปซะดีกว่า อย่างเช่นอัญเชิญพระพุทธรูปมาไว้ในห้อง บอกจริงๆ ว่าดิฉันไม่กล้ามีพระพุทธรูปไว้หรอก ให้ท่านประดิษฐานอยู่ในห้องพระดีกว่านะคะ
พูดถึงไล่ผี?! เอ...ก็น่าคิดนะ แต่จะว่าไปดิฉันก็ไล่เขาไม่ลง ขอเก็บแนวคิดนี้ไว้พิจารณาก่อนก็แล้วกัน
วันหนึ่งดิฉันล้มป่วยเป็นไข้หวัด โอย...งอมพระรามเลยละคุณ! เพลียจนลุกไม่ขึ้นเป็นไข้ตัวร้อนกลางดึกอยู่เดียวดายในห้อง...ร้อนจนแทบเพ้อแน่ะค่ะ
ในความมึนงง ครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้น มีใครบางคน...เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆอายุรุ่นราวคราวเดียวกับดิฉัน คือเป็นวัยรุ่น ดิฉันไม่ได้เห็นด้วยตานะคะ แต่รู้สึกได้ชัดมาก...เธอมานั่งข้างๆ เอามือนุ่มๆ มาสัมผัสหน้าผากดิฉัน มือนั้นอุ่นค่ะ ไม่ใช่เย็นเป็นน้ำแข็งแบบหนังผีหรอก
จากนั้นก็วางมือบนสะโพกดิฉันคล้ายปลอบประโลม แปลกที่ดิฉันรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่าน เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ และพอรุ่งขึ้นดิฉันก็หายไข้อย่างประหลาด ทั้งที่ยังไม่ทันได้กินยาหรือหาหมอเลย!
แม่บอกว่า แม่เชื่อว่าเป็นเจ้าที่ หรือไม่ก็เป็น "แม่ซื้อ" ที่คอยดูแลมาตั้งแต่เกิดแล้ว
แต่จะเป็นอะไรก็ช่าง ดิฉันรู้สึกดีกับเขาจริงๆ จึงอยากเขียนมาเล่าให้คุณได้เห็นตัวอย่างว่า บางทีคนกับวิญญาณก็อยู่กันได้อย่างสันติ แม้บางทีจะมีอะไรบางอย่างที่น่าขนหัวลุกก็ตาม!
ขอบคุณบทความจากข่าวสด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!