บ้านว่างให้เช่า!


บ้านว่างให้เช่า!

"หลานส้ม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ้านเช่า

พ่อบอกว่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมา พวกเราดวงไม่ดีเลย หนูเห็นด้วยกับพ่อมากๆ เพราะเมื่อนึกทบทวนไปก็พบว่าครอบครัวเราเจอแต่เรื่องสยองๆ ทั้งนั้น

เราเป็นคนพอมีพอกิน ไม่ถึงกับร่ำรวย พ่อหนูเช่าแผงขายอาหารตามสั่งอยู่แถวๆ สามเสน แม่ก็ช่วยพ่อด้วยค่ะ พ่อแม่เหนื่อยมากเพราะต้องหาเงินให้พอเลี้ยงหนูกับน้องชาย หนูอยู่ชั้น ม.1 และน้องเพิ่งจะเรียน ป.5 กินเก่งมากค่ะ

ยังดีที่เรียนเก่ง ทำให้พ่อแม่ชุ่มชื่นหัวใจได้เยอะเชียว

พวกเราเช่าบ้านอยู่แถวศรีย่านใกล้แยกพิชัยค่ะ และอยู่อย่างมีความสุขตามอัตภาพมาจนต้นปี 2551 เงาแห่งความโชคร้ายก็เริ่มย่างกรายเข้ามา!

แปลกนะคะ ยามดวงตกไม่ว่าอะไรๆ ก็ดูมัวซัวไปหมด หนูรู้สึกหดหู่พิกลทั้งๆ ที่ตอนนั้นเพิ่งผ่านบรรยากาศปีใหม่มาไม่นานนัก หรือบางทีความหดหู่นั้นอาจจะเรียกว่าเป็นลางสังหรณ์ก็ได้

หนูยังจำได้ว่าคืนนั้น ขณะกำลังนอนอยู่ดีๆ ราวห้าทุ่มเห็นจะได้ หนูก็ต้องตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงเอะอะวุ่นวายว่าไฟไหม้! ไฟไหม้!!

มันน่าตกใจมากค่ะ หนูร้องไห้น้ำตาเปียกด้วยความกลัว...ไฟโหมมาถึงตัวแล้วซิคะ! เราสี่คนพ่อแม่ลูกตะกายหนีไฟออกมาได้แต่ตัวจริงๆ สมบัติเท่าที่เหลือก็มีแค่เสื้อผ้าชุดที่ใส่นอนนี่เท่านั้น เราเอาอะไรออกมาไม่ได้เลย...หนูเพิ่งเห็นพ่อนั่งยองๆ ร้องไห้ไม่อายใคร!

ชีวิตเราหลังจากนั้นลำบากเหลือเกิน ยังดีที่มีเพื่อนและญาติช่วยเราคนละเล็กละน้อยเท่าที่จะช่วยได้ ทางโรงเรียนก็ช่วยหนูกับน้อง พ่อแม่ของเพื่อนๆ ช่วยซื้อชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนให้เรา พ่อรวบรวมเงินที่ได้จากการช่วยเหลือและการหยิบยืมไปทำทุนขายของที่เดิมในสัปดาห์ต่อมา และเราก็ต้องหาบ้านเช่ากันใหม่

พ่อไปเจอบ้านไม้หลังหนึ่ง ติดประกาศให้เช่าอยู่ในซอยไม่ไกลจากที่เก่าที่เราอยู่...จริงๆ แล้วมันเป็นบ้านไม้สองชั้น และชั้นล่างมีคนเช่าแล้ว พวกเราต้องอยู่บนชั้นสอง

คนแถวนั้นมองเราแปลกๆ คนที่เช่าอยู่ชั้นล่างก็เหมือนกัน เขายิ้มให้เราแต่ไม่ค่อยพูดจากับเรานัก...เขาก็เหมือนเราแหละค่ะ คือมี พ่อ แม่และลูกคนหนึ่ง อายุพอๆ กับหนู เป็นเด็กผู้หญิง ขี้อายนิดหน่อย

ที่จำได้ติดตาก็คือคุณยายคนหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นหนูนึกว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของผู้เช่าที่อยู่ชั้นล่าง...บางทีหนูก็เห็นแกนั่งบนเตียงในห้องที่เปิดประตูไว้ หนูเดินผ่านก็เห็นแกมองมาที่หนูเหมือนกัน

คุณยายเป็นหญิงชราอายุราวๆ แปดสิบ ผมขาว ใบหน้าซีดเซียวเหี่ยวย่น รูปร่างผอมบาง ตัวเล็ก หลังค่อมนิดๆ ใส่เสื้อลูกไม้ขาวๆ ผ้าถุงสีน้ำตาลแดงๆ หนูเห็นแกอยู่ในชุดนี้เสมอค่ะ แกเป็นคนนิ่งๆ ใบหน้าเรียบเฉย หนูไม่เคยเห็นแกพูดคุยหรือกินอะไรกับใครเขาเลย...แกเพียงแต่อยู่ตรงนั้นเงียบๆ และคนอื่นก็ดูเหมือนไม่มีใครสนใจแก

นึกๆ ดูก็น่าสงสาร ทำไมลูกหลานไม่เอาอกเอาใจหรือพูดคุยกับแกนะ?

เมื่อบ่นให้แม่ฟัง ว่าสงสารคุณยายที่อยู่ห้องข้างล่างจังเลย แม่ดูจะแปลกใจและขมวดคิ้วถามว่า "คุณยายไหน?"

แม่คงจะยุ่งมากจนไม่ได้ดูฟ้าดูดิน ไม่รู้ว่าบ้านที่เราเช่านี้มีใครอยู่กันกี่คน!

คืนหนึ่งเราเข้านอน โดยปูที่นอนบางๆ กับพื้นห้อง แม่นอนริมด้านใน พ่อนอนริมนอก โดยมีหนูกับน้องนอนอยู่ตรงกลาง มีพัดลมตัวเล็กตั้งอยู่ทางปลายเท้า เปิดส่ายไปมา...หน้าต่างสองบานเปิดกว้างไว้เสมอ

ยังไม่ทันจะหลับ แต่ก็เงียบกันหมดแล้วนะคะ เพราะอากาศค่อนข้างเย็นจนรู้สึกหนาว...หนูลืมตาขึ้นมาแล้วก็ต้องตกใจเมื่อมองไปที่หน้าต่าง

คุณพระช่วย! คุณยายผมสั้นขาวโพลน ยืนอยู่นอกหน้าต่างนั้น และกำลังมองมาที่พวกเรา แสงไฟถนนส่องให้เห็นชัดเจน...แกโผล่มาแค่เอวค่ะ ดูๆ ก็เหมือนคนธรรมดานี่แหละ

เสียงแม่ร้องหวีดเบาๆ และเมื่อพ่อหันไปมองเห็นเข้าก็ร้องเฮ้ย! แล้วสะดุ้งผวาลุกขึ้นนั่งทันที...หนูบอกแล้วว่ามันเป็นเรื่องน่าตกใจมากและสยองจริงๆ

เราอยู่ชั้นสอง นอกหน้าต่างเป็นผนังเรียบๆ ไม่มีระเบียง ไม่มีชายคาอะไรทั้งสิ้น คุณยายคนนั้นมายืนอยู่ได้ยังไง? มีทางเดียวที่แกจะโผล่หน้าต่างในลักษณะนั้นได้ก็คือ...ลอยอยู่กลางอากาศนอกหน้าต่าง

หนูเพิ่งรู้ว่าแกเป็นผีค่ะ...เป็นผีเจ้าของบ้านที่ตายในบ้านนี้!

เป็นอันว่าเราต้องลำบากหาบ้านเช่าใหม่อีกแล้ว พ่อว่าเราดวงตก บ้านไฟไหม้แล้วยังมาโดนผีหลอกอีกด้วย...คิดแล้วขนหัวลุกค่ะ!



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์