ทางกลับ


ทางกลับ

"สุบิน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากประชาอุทิศ

คนที่เชื่อว่าชาติหน้ามีจริง ซึ่งอาจจะเป็นนรก สวรรค์ หรือแม้แต่ในโลกมนุษย์ก็ได้ มั่นใจว่าคนเราตายแล้วไม่ได้ดับสูญเหมือนอย่างที่เห็นจากกายเนื้อ แต่จะไปเกิดใหม่ตามกรรมดีกรรมชั่วที่เคยทำเอาไว้

ความเชื่อมั่นดังกล่าวย่อมจะเป็นสิ่งสำคัญที่บ่งบอกว่า นอกจากจะเชื่อในชาติหน้าแล้วยังเชื่อว่าชาติก่อนมีจริงอย่างแน่นอน...มีผู้เปรียบเปรยให้เห็นภาพชัดแจ้งว่า

"ชาติก่อนก็คือเมื่อวาน ชาตินี้ก็คือวันนี้ ส่วนชาติหน้าย่อมจะเป็นวันพรุ่งนี้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น"

เพราะมีเมื่อวาน เราจึงมีวันนี้ ถ้าไม่ล้มตายไปเสียก่อนก็ย่อมจะมีพรุ่งนี้วันยังค่ำ...วันนี้ย่อมเป็นผลมาจากเมื่อวาน เช่นเดียวกับพรุ่งนี้ย่อมจะมีผลมาจากวันนี้อย่างไม่มีข้อสงสัย

ด้วยเหตุนี้จึงมีคำสั่งสอนมาแต่ไหนแต่ไรว่า จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วไม่ต้องห่วงถึงพรุ่งนี้ ทำนองเดียวกับ จงดูแลเศษสตางค์ให้ดี แล้วธนบัตรก็จะดูแลตัวของมันเอง!

ผมมีประสบการณ์แปลกประหลาด ดูครึ่งๆ กลางๆ ระหว่างชาตินี้-ชาติหน้า และเรื่องภูตผีปีศาจ แต่ทำให้ขนลุกขนพองพิลึกละครับ

"ลุงโชติ" เป็นข้าราชการบำนาญมาเกือบสิบปีแล้ว อยู่ที่ประชาอุทิศมาตั้งแต่วัยกลางคน รูปร่างสูงโปร่งตั้งแต่หนุ่มจนแก่...เพราะความที่บ้านอยู่ซอยเดียวกัน แถมอยู่ตรงกันข้ามพอดี ทำให้เราสนิทสนมกันเหมือนญาติ น่าแปลกอย่างที่ผมสนิทกับลุงโชติมากกว่าลูกชายของแกที่เป็นรุ่นพี่ผมด้วยซ้ำไป

วันเสาร์อาทิตย์ ถ้าผมไม่แวะไปคุยกับแก ลุงโชติก็มักจะเดินมาที่บ้านผม อ้างว่ามาขอดูดอกไม้ดอกไร่ที่ผมปลูกทั้งไม้ดอกไม้ใบ รวมทั้งไม้กระถางเอาไว้ร่มรื่น...แต่ความจริงแกมาพบปะพูดคุยกับผมอย่างถูกคอเท่านั้นแหละ

เราคุยกันสารพัดเรื่อง ต้องยอมรับว่าลุงโชติมีความรู้รอบตัวกว้างขวาง ไม่ว่าเรื่องสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง แม้แต่วงการบันเทิงก็รู้จักดาราวัยรุ่นหลายคนจนผมอดทึ่งไม่ได้

"เขาว่าคนแก่มักจะขี้หลงขี้ลืม" ลุงโชติพูดพร้อมเสียงหัวเราะ "จำได้แต่เรื่องเก่าๆ ส่วนเรื่องใหม่มักจะจำไม่ได้ ขนาดถามว่าเมื่อเช้ากินอะไรยังนึกอยู่ตั้งนาน! ลุงเลยต้องติดตามข่าวสารทุกอย่างเพื่อให้ทันโลกไงล่ะหลานชาย แถมได้บริหารสมองอีกต่างหาก"

เมื่อคุยกันถึงเรื่องวิญญาณมีจริงหรือไม่? ตายแล้วไปไหน? ลุงโชติมีแววตาครุ่นคิดก่อนจะพูดช้าๆ ว่า...เรื่องนี้ลุงยังไม่รู้ ไม่แน่ใจจริงๆ แต่เอาเถอะ...ตายแล้วลุงจะมาบอก!

ผมอดหัวเราะไม่ได้ รีบโบกมือห้ามว่า...อย่าลำบากเลยลุง เอาไว้ถึงเวลาผมก็รู้เอง

อีกไม่กี่เดือนต่อมา ลุงโชติก็เสียชีวิตเพราะหัวใจวาย!

หลังจากเผาศพไปได้ 2-3 วัน เพื่อนบ้านที่เชื่อเรื่องผีๆ สางๆ ก็บ่นว่า ลุงโชตินี่แปลก แถวนี้มีใครตายก็จะเป็นผีมาหลอกให้คนขวัญหนีดีฝ่อเล่น อย่างน้อยก็มาปรากฏให้เห็นวูบๆ วาบๆ แต่ลุงโชติตายแล้วตายเลย ไม่เคยโผล่มาให้ใครเห็นซักคน

แต่เมื่อครบ 7 วัน เรื่องน่าขนหัวลุกก็อุบัติขึ้นมา!

คืนนั้นอากาศค่อนข้างเยือกเย็น ผมนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับชาตินี้-ชาติหน้าอยู่ใกล้ๆ หน้าต่าง ...นึกถึงลุงโชติที่เคยพบปะพูดคุยกัน เลยหันไปมองที่บ้านตรงข้าม เห็นดับไฟมืดก็อดใจหายไม่ได้...ถ้าวิญญาณมีจริง ป่านนี้ลุงโชติจะล่องลอยไปอยู่แห่งหนใดกันหนอ? คงหมดโอกาสที่จะมาเล่าให้ฟังตามสัญญาเสียแล้ว...

เสียงหมาหอนโจ๋วเยือกเย็นจับใจอยู่ที่หน้าบ้าน แสงจากเสาไฟฟ้าส่องมะม่วงใหญ่ริมรั้วจนเกิดเงาครึ้มที่ทางเดินเข้าบ้าน...แต่เงานั้นเคลื่อนไหวน่าเอะใจ

ผมนั่งตกตะลึงมองภาพนั้นเหมือนถูกสะกดจิต แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเสียด้วยซ้ำไป!

ร่างสูงโปร่งดูบอบบางของลุงโชติเดินออกจากบ้านมาช้าๆ ขนาบด้วยชายร่างใหญ่กำยำสองคน ท่ามกลางสายลมพัดวู่หวิว หมาเจ้ากรรมโก่งคอหอนโหยหวนราวกับประสบพบเห็นอะไรที่น่าเกลียดน่ากลัวอย่างเหลือประมาณ

"ลุงโชติ"...ผมหลุดปากครางอย่างลืมตัว ขณะนั้นร่างทั้งสามทะลุผ่านประตูรั้วออกมาพอดี ลุงโชติเงยหน้าขึ้นมาหา...ตาต่อตาสบกัน ดูเหมือนใบหน้าขาวซีดอยู่ในแสงไฟนั้นจะมีรอยยิ้มนิดๆ ปากอ้าเผยอคล้ายจะกล่าวคำอำลา...ก่อนที่จะถูกชายทั้งสองขนาบร่างออกมาสู่แสงไฟ...ละลายหายไปประหนึ่งเป็นอากาศธาตุต่อหน้าต่อตา

ลุงโชติให้คำตอบผมแล้วว่า เมื่อคนเราสิ้นลมหายใจวิญญาณจะไปไหน...อีกไม่ช้าผมก็คงประสบกับของจริงด้วยตัวเองแน่นอน...แต่ตอนนั้นขนหัวลุกเลยครับ!


ขอบคุณเรื่องเล่าข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์