วิญญาณหลอน


วิญญาณหลอน

"ลูกน้ำ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบางขุนนนท์

ดิฉันเคยได้ยินญาติมิตรหลายคนเล่าว่าโดนผีหลอกต่างๆ นานา สารพัดสถานที่เลยค่ะ ไม่ว่าในวัด ในโรงพยาบาล ตามถนนหนทาง และบ้างก็โดนผีหลอกในสำนักงาน ในโรงหนัง ในบ้านเพื่อนฝูง...ในโรงแรมผีสิงต่างๆ ที่มีคนตายซับตายซ้อนกันไม่รู้ว่ากี่รายมาแล้ว

ส่วนดิฉันแปลกหน่อยที่โดนผีหลอกในซอยบ้านตัวเอง!

บางขุนนนท์สมัยก่อนอาจจะเปล่าเปลี่ยว แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ยิ่งมีบ้านเรือนแน่นหนา ตึกแถวผุดขึ้นสะพรั่ง ผู้คนคึกคัก รถราแล่นกันขวักไขว่ทั้งวัน โดยเฉพาะตอนเย็นๆ ค่ำๆ ด้วยแล้ว...ถึงกับรถติดเป็นแพเลยค่ะ

เรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์นี่ถือว่าเป็นปกติของทุกหนทุกแห่งไปแล้ว โดยเฉพาะในเมืองหลวง

เดี๋ยวรถชนกัน เดี๋ยวรถชนคน มีทั้งบาดเจ็บเล็กน้อยจนถึงสาหัส ขนาดตายคาที่หรือไปสิ้นลมที่โรงพยาบาลก็มี...ที่บางขุนนนท์นี่ก็เหมือนกัน

ตายทีก็ลือกันว่าผีดุที!!

สำหรับดิฉันเองน่ะถือว่าโชคดี ไม่ต้องเสี่ยงกับเรื่องโดนผีหลอกวิญญาณหลอนอยู่แล้วค่ะ เพราะอาศัยรถเมล์ไปทำงาน ตอนใกล้ค่ำลงจากรถก็เดินทอดน่องกลับบ้าน แหม...อยู่มาแต่เล็กแต่น้อยจะไปกลัวอะไรคะ คนในซอยก็คุ้นหน้ากันแทบทั้งนั้น

ยกเว้นวันไหนกลับช้าไปนิด ล้าไปหน่อย ก็อาศัยมอเตอร์ไซค์ปากซอยบึ่งเข้าบ้าน

จนถึงวันเจอดีเข้าอย่างจังๆ

วันนั้นทำงานล่วงเวลา ต้องหาอะไรรองท้องก่อนขึ้นรถเมล์กลับบ้าน...เดินย้อนมาเพื่อเข้าซอยที่มีวินมอเตอร์ไซค์ตั้งเพิงพัก...คิดจะอาศัยซ้อนท้ายแทนการย่ำต๊อก พวกนี้ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันเกือบทุกคน! เฮ้อ...ปรากฏว่ามีคนใช้บริการจนไม่มีรถเลยซักคัน

ไม่เป็นไร รอให้เขาส่งคนในซอยเสร็จก็ต้องย้อนกลับมาที่วินอยู่ดี!

ลมหนาวพัดวูบมาเย็นยะเยือก ผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดินคุยกันเอะอะเข้าซอยมา พวกเขาหันมองอย่างไม่เกรงใจ...คนแปลกหน้าทั้งนั้น! ท่าทางดูมึนเมากันทุกคน...อาจจะเป็นพวกช่างก่อสร้างที่มาตั้งเพิงอยู่ก้นซอยได้ เพราะกำลังมีบ้านปลูกใหม่ที่นั่น...

ดีนะที่ไม่เดินเดี่ยวๆ ล่วงหน้าเข้าไปก่อน! คนเมาไว้ใจไม่ได้หรอกค่ะ ระยะหลังๆ นี่ยิ่งมีคดีข่มขืนฆ่าเกิดขึ้นบ่อยๆ ในซอยก็มีที่ว่างเปล่าเปลี่ยวอยู่ 2-3 แห่งเสียด้วย

"รอรถหรือคุณ?" เสียงที่ดังอยู่ใกล้ๆ ทำให้เกือบสะดุ้งแน่ะ แต่พอหันไปมองก็ถอนใจอย่างโล่งอก

ลุงศร - คนขับรถเตอร์ไซค์รุ่นเก๋ามาเกือบสิบปีเห็นจะได้ กำลังนั่งสูบบุหรี่วาบๆ อยู่ในเพิง แกตบพื้นกระดานที่ปูอยู่ 3-4 แผ่นเชื้อเชิญให้นั่ง ดิฉันก็เข้าไปนั่งห้อยขาอย่างเต็มใจ...ถามว่าทำไมแกไม่ขับรถล่ะ? ลุงศรก็บอกว่ารถเสียตั้งแต่เย็น เลยเอาไปให้เขาซ่อมที่ร้านปากซอย ตัวเองก็มานั่งรอเพื่อจะกลับบ้านเสียที

"เดี๋ยวก็คงออกมากันละ" แกพูดให้สบายใจ "ไอ้หวินกับไอ้อู๋เข้าไปส่งคนได้พักใหญ่ๆ แล้ว...อ้าว? นั่นไง! พูดถึงไอ้อู๋ก็มาพอดี"

ไม่ช้าดิฉันก็ได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์แล่นเข้าซอย...

พูดก็พูดเถอะค่ะ ในซอยนี้ไม่นิยมสวมหมวกนิรภัยกันหรอก อย่าว่าแต่ผู้โดยสารเลย ขนาดคนขับเองก็ไม่สวม ดูเหมือนตำรวจจะไม่สนใจเรื่องนี้ แม้แต่แล่นออกถนนใหญ่ก็ไม่แยแสหมวกนิรภัยกันแทบทุกคน

ในซอยก็มีอุบัติเหตุชนเด็ก ชนรถที่ใหญ่กว่าจนบาดเจ็บกันบ่อยๆ

พี่อู๋พาดิฉันมาส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัย ดิฉันส่งเหรียญสิบบาทให้ แกก็พึมพำขอบใจ...ทำท่าว่าจะเลี้ยวรถกลับแต่แล้วก็ชะงัก ถามว่าเมื่อตะกี้ดิฉันคุยกับใครที่วิน? ก็ตอบไปตามตรงว่าคุยกับลุงศร แกบอกว่ารถเสีย...

"เฮ้ย!" พี่อู๋ร้องลั่น "รถเสียที่ไหน ลุงศรแกโดนรถสองแถวชนที่ปากซอยตอนบ่าย ผมยังช่วยหามแกไปโรงพยาบาลนี่นา อาการหนักเอาเรื่อง หมอบอกว่าเป็นตายเท่ากัน...แล้วจะมาคุยกับคุณที่วินได้ยังไง? หรือว่า..."

ดิฉันเขาอ่อน ใจสั่นหวิวๆ ไขกุญแจรั้วมือไม้สั่น พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว ขณะที่พี่อู๋บึ่งรถออกไปแล้ว...ถ้าไม่ใช่คุยกับผี หรือโดนผีหลอกจังๆ ก็เท่ากับคุยกับวิญญาณคนเป็นน่ะซีคะ

ปรากฏว่าผีค่ะ...รู้ข่าววันรุ่งขึ้นว่าลุงศรแกสิ้นลมที่โรงพยาบาลตอนค่ำเมื่อวานนี้เอง ก่อนที่ดิฉันจะไปพบแกนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่วินมอเตอร์ไซค์...นึกถึงแล้วขนหัวลุกค่ะ!



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์