แม่ย่านางแพ


แม่ย่านางแพ

ลุงเส็ง เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเรือนแพ อยุธยา

ในสมัยที่ข้าพเจ้ายังเด็ก คุณพ่อได้ให้ข้าพเจ้าไปเยี่ยมคุณลุงคุณป้าที่บ้านกรุงเก่า จังหวัดอยุธยา ถึงแม้เวลาจะผ่านมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม ภาพที่น่าสยดสยองพองขนนั้นยังฝังแน่นอยู่ในความทรงจำของข้าพเจ้าตลอดมา

บ้าน...หรือที่ถูกคือ "เรือนแพ" ของคุณลุงอยู่ที่บริเวณเกาะลอย มีบรรยากาศสดชื่นแจ่มใส ปราศจากมลพิษใดๆ เหมือนในปัจจุบันนี้

เรือนแพค่อนข้างกว้างใหญ่ตามสายตาของเด็ก ทั้งสะอาดสะอ้านและน่าอยู่ตามประสาคนชนบท เครื่องเรือนต่างๆ ก็มีครบครันเหมือนบ้านช่องทั่วไป ไม่ว่าตู้โต๊ะที่แม้จะโอนเอนตามกระแสคลื่น แต่ก็ไม่เคยเห็นล้มโครมครามเหมือนอย่างที่เคยกังวลเมื่อแรกเห็น

โดยเฉพาะโต๊ะเครื่องสำอางที่ตั้งเด่นอยู่กลางแพนั้น...ถ้าล้มลงเพราะแพโคลงเคลง กระจกเงาบานใหญ่คงแตกกระจายอย่างแน่ นอน!

ครอบครัวของคุณลุงคุณป้าก็ดูอบอุ่นและเป็นสุข มีลูกหลานห้อมล้อม คอยเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี ไม่เหมือนบางครอบครัวที่ลูกเต้าทอดทิ้งพ่อแม่ ซ้ำร้ายยังเอาลูกเล็กๆ มาให้ปู่ย่าตายายเลี้ยงเสียด้วยซ้ำไป

เหตุการณ์ขนหัวลุกเกิดขึ้นในคืนแรกที่ผมมาถึงนั่นเอง!

เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำ พวกเราก็ล้อมวงกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย ผักปลาอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยหน้าคนที่อยู่บ้านช่องบนบกแต่ประการใด

หลังจากนั้นคุณลุงก็หยิบไวโอลินมาสีให้ลูกหลานฟังอย่างอารมณ์ดี พวกเราขอเพลงนั้นเพลงนี้ ส่วนมากคุณลุงก็จะตามใจจนกระทั่งสามทุ่มเศษ สมัยนั้นถือว่าดึกมากแล้ว พวกเราก็เข้านอนกัน...

ข้าพเจ้านอนรวมกับญาติๆ วัยไล่เลี่ยกันในมุ้งหลังใหญ่อยู่ทางด้านขวาของแพ ส่วนคุณลุงกับคุณป้านอนอีกมุ้งทางด้านซ้ายมือ...กลางคืนยุงชุมมากครับ ถ้าไม่กางมุ้งก็คงจะโดนยุงกัดจนไม่เป็นอันหลับอันนอนแน่ๆ เลย

อาจจะเป็นเพราะแปลกที่ก็เป็นได้ ทำให้ข้าพเจ้านอนลืมตาโพลง โดยที่คนอื่นๆ นอนหลับไปหมดแล้ว

เสียงลมพัดลู่ไปตามสุมทุมพุ่มไม้ เสียงระลอกคลื่นทยอยเข้ากระทบลูกบวบแพเป็นระยะ เสียงนกกลางคืนละเมอมาจากคาคบไม้ชวนให้วังเวงใจ บางทีก็ได้ยินเสียงปลาฮุบโผงอยู่ข้างๆ เรือนแพนั่นเอง...

ข้าพเจ้าจะเคลิ้มหลับไปนานแค่ไหนก็ไม่ทราบ แต่มารู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกครั้งก็เพราะปวดปัสสาวะ...นึกถึงความเปล่าเปลี่ยวในยามดึกสงัดแล้วใจหายอย่างบอกไม่ถูก...

อยากจะเรียกใครสักคนที่หลับอยู่ข้างๆ ก็เกรงใจเต็มที

ห้องส้วมในแพก็ช่างอยู่ไกลเหลือเกิน นึกอีกทีก็ยังดีที่อยู่ภายในเรือนแพนั่นเอง ไม่ใช่อยู่ภายนอกเหมือนแพอื่น...เวลาจะไปที่นั่นต้องเดินผ่านตอนกลางแพไปถึงตอนท้าย ถึงแม้จะมีไฟเปิดทิ้งไว้แต่ก็ยังน่ากลัวอยู่ดีสำหรับเด็กๆ ที่เพิ่งมานอนค้างที่นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิต

เมื่อแน่ใจว่าจะปวดจนกลั้นแทบไม่ไหวแน่แล้ว ข้าพเจ้าก็เปิดมุ้งออกมาสู่ความมืดสลัวและเยือกเย็น...เดินเลาะมาจนถึงกลางแพ เผอิญเหลือบไปทางโต๊ะเครื่องแป้งของคุณป้าโดยไม่ได้ตั้งใจ

ให้ตายดับเถอะ! มันเหมือนมีเวทมนตร์ลี้ลับมาทำให้ข้าพเจ้าต้องหันไปมองที่นั่นเต็มตา...ก่อนจะแข็งทื่อไปทั้งตัวราวกับจะกลายเป็นแท่งหินในบันดล!

ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนจ้องมองภาพตัวเองในกระจกเงา...เดี๋ยว เอียงซ้าย เดี๋ยวเอียงขวาอย่างพินิจพิจารณา เดี๋ยวยกมือขึ้นกางนิ้วเสยผมดำขลับที่ท้ายทอย แต่แล้วก็กลับสะบัดหน้าจนผมยาวสลวยกระจายเต็มแผ่นหลัง

ในแสงไฟที่เหลืองรัวเหมือนเป็นภาพในความฝัน เธอผู้นั้นไม่ใช่คุณป้าอย่างแน่นอน...ข้าพเจ้าทั้งอยากจะถอยหลังกับเดินหน้าไปพร้อมๆ กัน...คืออยากรู้ว่าแต่เธอเป็นใครกันแน่หนอ? กับกลัวว่าถ้าเดินหน้าต่อไป เธอผู้นั้นจะมองเห็นเข้า...เลยได้แต่ยืนงงงัน ทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้นเอง

ชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่รู้สึกเนิ่นนานเหมือนชั่วชีวิต ก่อนที่ภาพของผู้หญิงแปลกประหลาดจะหายไป ข้าพเจ้ารู้สึกขนลุกซ่าไปทั้งตัว.... ถ้าไม่ใช่ผีแล้วจะเป็นอะไรล่ะ...

เผ่นอ้าวไปที่ห้องส้วมจนตัวเบาแล้วกลับมานอนคลุมโปงจนรุ่งเช้า เมื่อเล่าให้ลุงกับป้าฟังก็ไม่มีใครแสดงความตื่นเต้นอะไร นอกจากให้คำตอบยิ้มๆ ว่า...อย่ากลัวไปเลย ไอ้หนูเอ๊ย...แม่ย่านางประจำแพน่ะ! ไม่มีอะไรหรอก...

ถึงแม้ว่าจะผ่านไปเกือบห้าสิบปีแล้ว แต่นึกถึงภาพนั้นแล้วยังขนหัวลุกเลยครับ!


ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์