โทรศัพท์สยอง
"วรรณจันทร์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากมือถือ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาสองทุ่มครึ่งของวันพุธที่ 7 มกราคม ปีใหม่ 2552 นี้เองค่ะ ตอนนั้นดิฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน โต๊ะที่มีหนังสือนานาประเภทกองอยู่เต็มไปหมด จนเหลือที่ว่างเพียงนิดเดียวที่พอจะเขียนหนังสือได้เท่านั้น
ถึงจะดูรกหูรกตา แต่มันก็ดึงดูดความสนใจของคนทั้งบ้านได้เสมอ
คืนนั้นก็เช่นกัน ลูกชายคนโตวัย 19 ปีของดิฉันเตร่เข้ามายืนข้างๆ วางโทรศัพท์มือถือแปะลงบนกองหนังสือที่อยู่สุดริมโต๊ะ จากนั้นก็ก้มๆ เงยๆ เลือกว่าจะเอาเล่มไหนไปอ่านดี...ทันใดนั้น แสงสว่างก็วาบขึ้นจากโทรศัพท์ หน้าจอปรากฏข้อความชัดเจนว่ากำลังโทร.ออกมาจากเบอร์ของดิฉัน!
วินาทีต่อมา โทรศัพท์มือถือของดิฉันก็ส่งสัญญาณเรียกให้รับสาย
ดิฉันกับลูกชายมองหน้ากันอย่างงงงัน โทรศัพท์โทร.เองได้ยังไง ทั้งๆ ที่มันล็อกอยู่ และเจ้าของก็ไม่ได้แตะต้องแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ดิฉันยังรับสายและมันก็เงียบกริบ เราสองคนแม่ลูกลืมสนิทไปเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่ เราถกเถียงหาสาเหตุทุกอย่างเท่าที่มันน่าจะเป็นไปได้ แต่ดูเหมือนไม่มีทางเลยค่ะ ที่จะมีความผิดพลาดทางเทคนิคใดๆ ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ได้
ลูกชายคนโตเรียกน้องและน้ามาช่วยกันวิเคราะห์
และฉับพลันนั้นเอง มันก็เกิดซ้ำอีก...ต่อหน้าพวกเราทุกคน!
โทรศัพท์มือถือของลูกชายที่สไลด์ปิดเรียบร้อย สว่างเรืองขึ้นมาอย่างน่าขนลุก หน้าจอบอกว่ากำลังโทร.เข้าเครื่องของดิฉัน คราวนี้ทันทีที่สัญญาณดังขึ้น ดิฉันก็กดปุ่มรับ
เสียงคล้ายคลื่นแทรกดังคล่อกแคล่ก เหมือนเปิดวิทยุไม่ตรงคลื่นดังออกมาจากโทรศัพท์ โดยที่ดิฉันยังไม่ทันกดปุ่มใช้ลำโพงเลยค่ะ...
และท่ามกลางเสียงเหมือนมีไฟฟ้ารบกวน พวกเราทุกคนก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งและผู้หญิงอีกคน พูดอะไรบางอย่างแบบรัวเร็ว...ทั้งสองไม่ได้พูดโต้ตอบกันเองนะคะ แต่มันเหมือนกับพวกเขาพยายามจะบอกอะไรเรา ทว่าเราจับคำพูดไม่ได้เลย...มันดังอยู่ราวสิบวินาทีแล้วก็เงียบกริบไปเอง
คราวนี้เราขนลุกซ่า มองหน้ากันไปมาและอึ้งกันทุกคน!
พวกเราเกือบผวา เมื่อโทรศัพท์ของลูกชายวาบแสงขึ้นมาอีกครั้ง และโชว์หน้าจอว่ากำลังต่อสายเข้าเบอร์ดิฉันเอง แต่หนนี้เครื่องดิฉันไม่มีสัญญาณเรียกเข้า...และอีกไม่กี่วินาทีต่อมา หน้าจอของเครื่องลูกชายก็ปรากฏความว่า "จบการสนทนา"
ทุกคนยืนล้อมโทรศัพท์สองเครื่องที่วางห่างกันราวสองฟุต จ้องมองและรอคอยด้วยใจระทึกว่ามันจะแสดงอะไรให้เราดูอีก แต่มันก็นิ่งสนิท ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย...จนกระทั่งต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำกิจกรรมของตัว ด้วยความคิดว่า...ไม่มีอะไรอีกแล้วละ!
ดิฉันลุกจากโต๊ะเดินเข้าห้องน้ำไปซักผ้าขนหนูผืนเล็ก น้องสาวดิฉันนั่งลงกินข้าวที่โต๊ะอาหาร ลูกคนโตคว้ามือถือออกไปนั่งเล่นที่โต๊ะริมสนามกับน้องชาย
ขณะกำลังซักผ้า ดิฉันก็ได้ยินเสียงคนหลายคนวิ่งตึงตังมาหา แต่ละคนแย่งกันพูด
"เอาอีกแล้ว...แม่! โทรศัพท์ถึงกันเองอีกแล้ว!!"
คราวนี้เครื่องของดิฉันโทร.เข้าเครื่องลูกชายค่ะ เบอร์หน้าจอโชว์หราแบบไม่ต้องเถียงให้เสียเวลาเลย...ทว่า โทรศัพท์สีชมพูสวยงามของดิฉันมันวางอยู่เฉยๆ บนโต๊ะเหมือนไม่รู้ไม่ชี้อะไร ขณะโทรศัพท์ของลูกชายส่งสัญญาณเรียกดังลั่น และโชว์เบอร์ว่ามาจากเครื่องของดิฉันชัดเจน...มันเป็นไปได้ยังไงคะ?
วินาทีต่อมา สัญญาณเรียกก็ดับลง พร้อมกับมีข้อความว่า "จบการสนทนา"
จากสองทุ่มครึ่งถึงห้าทุ่มครึ่ง มีบันทึกการใช้โทรศัพท์ในเครื่องมือถือของลูกชายว่าโทร.เข้าเครื่องดิฉัน 22 ครั้ง! และเมื่อเช็กค่าโทร.ซึ่งลูกชายได้บัตรเติมเงินแล้ว ปรากฏว่ามันยังอยู่ครบเท่าเดิม ส่วนเครื่องของดิฉันมีบันทึกการโทร.เข้าเครื่องของลูกเพียงครั้งเดียว ไม่มีบันทึกการโทร.ออก ไม่มีบันทึกสายที่ไม่ได้รับ
มันต้องมีเหตุผลซิคะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโทรศัพท์มือถือทั้งสองเครื่องนี้ ระบบมันรวนที่ตรงไหนกันแน่ หลายคนที่ทราบเรื่องประหลาดนี้ในวันรุ่งขึ้น พูดตรงกันว่า "ผีหลอก!"
มีอะไรบางอย่างพยายามจะสื่อสาร หรือส่งข่าวคราวถึงเราอย่างเอาเป็นเอาตาย
ลองนึกดูว่าพอจะเป็นใครได้บ้าง?
หนึ่งในนั้นคือญาติสนิทของเราที่ไปตั้งรกรากอยู่ถึงอเมริกา และขาดการติดต่อกับเราโดยสิ้นเชิงไปสี่ปีแล้ว ทางเราก็ติดต่อกับเขาไม่ได้ เขาอยู่คนเดียวโดยไม่มีครอบครัว และเราห่วงเขาเหลือ
เกิน...ปีใหม่นี้ผ่านไปโดยเขาไม่ได้โทร.มาอีกเช่นเคย
นอกจากเขาแล้วยังมีญาติและเพื่อนที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้ จะเป็นไปได้ไหมคะ ที่พฤติกรรมประหลาดของโทรศัพท์มือถือสองเครื่องจะเป็นฝีมือจากผู้ที่อยู่ในโลกอื่น...ที่เราเรียกว่า
"โลกหลังความตาย"
เรื่องแปลกชวนขนหัวลุกนี้ต้องมีคำตอบ เพียงแต่เรายังไม่พบเท่านั้น!
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาสองทุ่มครึ่งของวันพุธที่ 7 มกราคม ปีใหม่ 2552 นี้เองค่ะ ตอนนั้นดิฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน โต๊ะที่มีหนังสือนานาประเภทกองอยู่เต็มไปหมด จนเหลือที่ว่างเพียงนิดเดียวที่พอจะเขียนหนังสือได้เท่านั้น
ถึงจะดูรกหูรกตา แต่มันก็ดึงดูดความสนใจของคนทั้งบ้านได้เสมอ
คืนนั้นก็เช่นกัน ลูกชายคนโตวัย 19 ปีของดิฉันเตร่เข้ามายืนข้างๆ วางโทรศัพท์มือถือแปะลงบนกองหนังสือที่อยู่สุดริมโต๊ะ จากนั้นก็ก้มๆ เงยๆ เลือกว่าจะเอาเล่มไหนไปอ่านดี...ทันใดนั้น แสงสว่างก็วาบขึ้นจากโทรศัพท์ หน้าจอปรากฏข้อความชัดเจนว่ากำลังโทร.ออกมาจากเบอร์ของดิฉัน!
วินาทีต่อมา โทรศัพท์มือถือของดิฉันก็ส่งสัญญาณเรียกให้รับสาย
ดิฉันกับลูกชายมองหน้ากันอย่างงงงัน โทรศัพท์โทร.เองได้ยังไง ทั้งๆ ที่มันล็อกอยู่ และเจ้าของก็ไม่ได้แตะต้องแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ดิฉันยังรับสายและมันก็เงียบกริบ เราสองคนแม่ลูกลืมสนิทไปเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่ เราถกเถียงหาสาเหตุทุกอย่างเท่าที่มันน่าจะเป็นไปได้ แต่ดูเหมือนไม่มีทางเลยค่ะ ที่จะมีความผิดพลาดทางเทคนิคใดๆ ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ได้
ลูกชายคนโตเรียกน้องและน้ามาช่วยกันวิเคราะห์
และฉับพลันนั้นเอง มันก็เกิดซ้ำอีก...ต่อหน้าพวกเราทุกคน!
โทรศัพท์มือถือของลูกชายที่สไลด์ปิดเรียบร้อย สว่างเรืองขึ้นมาอย่างน่าขนลุก หน้าจอบอกว่ากำลังโทร.เข้าเครื่องของดิฉัน คราวนี้ทันทีที่สัญญาณดังขึ้น ดิฉันก็กดปุ่มรับ
เสียงคล้ายคลื่นแทรกดังคล่อกแคล่ก เหมือนเปิดวิทยุไม่ตรงคลื่นดังออกมาจากโทรศัพท์ โดยที่ดิฉันยังไม่ทันกดปุ่มใช้ลำโพงเลยค่ะ...
และท่ามกลางเสียงเหมือนมีไฟฟ้ารบกวน พวกเราทุกคนก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งและผู้หญิงอีกคน พูดอะไรบางอย่างแบบรัวเร็ว...ทั้งสองไม่ได้พูดโต้ตอบกันเองนะคะ แต่มันเหมือนกับพวกเขาพยายามจะบอกอะไรเรา ทว่าเราจับคำพูดไม่ได้เลย...มันดังอยู่ราวสิบวินาทีแล้วก็เงียบกริบไปเอง
คราวนี้เราขนลุกซ่า มองหน้ากันไปมาและอึ้งกันทุกคน!
พวกเราเกือบผวา เมื่อโทรศัพท์ของลูกชายวาบแสงขึ้นมาอีกครั้ง และโชว์หน้าจอว่ากำลังต่อสายเข้าเบอร์ดิฉันเอง แต่หนนี้เครื่องดิฉันไม่มีสัญญาณเรียกเข้า...และอีกไม่กี่วินาทีต่อมา หน้าจอของเครื่องลูกชายก็ปรากฏความว่า "จบการสนทนา"
ทุกคนยืนล้อมโทรศัพท์สองเครื่องที่วางห่างกันราวสองฟุต จ้องมองและรอคอยด้วยใจระทึกว่ามันจะแสดงอะไรให้เราดูอีก แต่มันก็นิ่งสนิท ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย...จนกระทั่งต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำกิจกรรมของตัว ด้วยความคิดว่า...ไม่มีอะไรอีกแล้วละ!
ดิฉันลุกจากโต๊ะเดินเข้าห้องน้ำไปซักผ้าขนหนูผืนเล็ก น้องสาวดิฉันนั่งลงกินข้าวที่โต๊ะอาหาร ลูกคนโตคว้ามือถือออกไปนั่งเล่นที่โต๊ะริมสนามกับน้องชาย
ขณะกำลังซักผ้า ดิฉันก็ได้ยินเสียงคนหลายคนวิ่งตึงตังมาหา แต่ละคนแย่งกันพูด
"เอาอีกแล้ว...แม่! โทรศัพท์ถึงกันเองอีกแล้ว!!"
คราวนี้เครื่องของดิฉันโทร.เข้าเครื่องลูกชายค่ะ เบอร์หน้าจอโชว์หราแบบไม่ต้องเถียงให้เสียเวลาเลย...ทว่า โทรศัพท์สีชมพูสวยงามของดิฉันมันวางอยู่เฉยๆ บนโต๊ะเหมือนไม่รู้ไม่ชี้อะไร ขณะโทรศัพท์ของลูกชายส่งสัญญาณเรียกดังลั่น และโชว์เบอร์ว่ามาจากเครื่องของดิฉันชัดเจน...มันเป็นไปได้ยังไงคะ?
วินาทีต่อมา สัญญาณเรียกก็ดับลง พร้อมกับมีข้อความว่า "จบการสนทนา"
จากสองทุ่มครึ่งถึงห้าทุ่มครึ่ง มีบันทึกการใช้โทรศัพท์ในเครื่องมือถือของลูกชายว่าโทร.เข้าเครื่องดิฉัน 22 ครั้ง! และเมื่อเช็กค่าโทร.ซึ่งลูกชายได้บัตรเติมเงินแล้ว ปรากฏว่ามันยังอยู่ครบเท่าเดิม ส่วนเครื่องของดิฉันมีบันทึกการโทร.เข้าเครื่องของลูกเพียงครั้งเดียว ไม่มีบันทึกการโทร.ออก ไม่มีบันทึกสายที่ไม่ได้รับ
มันต้องมีเหตุผลซิคะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโทรศัพท์มือถือทั้งสองเครื่องนี้ ระบบมันรวนที่ตรงไหนกันแน่ หลายคนที่ทราบเรื่องประหลาดนี้ในวันรุ่งขึ้น พูดตรงกันว่า "ผีหลอก!"
มีอะไรบางอย่างพยายามจะสื่อสาร หรือส่งข่าวคราวถึงเราอย่างเอาเป็นเอาตาย
ลองนึกดูว่าพอจะเป็นใครได้บ้าง?
หนึ่งในนั้นคือญาติสนิทของเราที่ไปตั้งรกรากอยู่ถึงอเมริกา และขาดการติดต่อกับเราโดยสิ้นเชิงไปสี่ปีแล้ว ทางเราก็ติดต่อกับเขาไม่ได้ เขาอยู่คนเดียวโดยไม่มีครอบครัว และเราห่วงเขาเหลือ
เกิน...ปีใหม่นี้ผ่านไปโดยเขาไม่ได้โทร.มาอีกเช่นเคย
นอกจากเขาแล้วยังมีญาติและเพื่อนที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้ จะเป็นไปได้ไหมคะ ที่พฤติกรรมประหลาดของโทรศัพท์มือถือสองเครื่องจะเป็นฝีมือจากผู้ที่อยู่ในโลกอื่น...ที่เราเรียกว่า
"โลกหลังความตาย"
เรื่องแปลกชวนขนหัวลุกนี้ต้องมีคำตอบ เพียงแต่เรายังไม่พบเท่านั้น!
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!