ลูกชายจากสนธยา
"คุณใหม่" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากผู้ไม่มีร่างกาย
เรื่องราวแปลกประหลาดนี้เกิดขึ้นในครอบครัวของดิฉันเองค่ะ!
เราอยู่ด้วยกันเจ็ดชีวิต คือพ่อแม่ของดิฉัน ตัวดิฉันกับสามี ลูกชายสองคนและเด็กรับใช้ เรามีความสุขตามอัตภาพในบ้านที่ล้อมรอบด้วยสนามหญ้าและไม้ดอกหอมๆ พวกมะลิดอกแก้วและดอกราตรี ทั้งยังมีไม้ผลอย่าง มะม่วง ฝรั่ง ทับทิม
ก่อนจะเล่าต่อ ต้องขอย้อนอดีตสักนิดนะคะ
ดิฉันแต่งงานเร็วค่ะ คือเมื่อจบมหาวิทยาลัยก็แต่งงานเลย ตอนนั้นอายุแค่ยี่สิบเอ็ดเท่านั้นเอง และมีงานทำแล้วด้วย จึงไม่พร้อมที่จะมีลูก ดิฉันใช้วิธีกินยาคุมกำเนิดมาตลอด จนเวลาผ่านไปเจ็ดปีเต็มถึงได้หยุดกินยาคุม และตั้งครรภ์ทันทีเลยค่ะ
ดิฉันได้ลูกชายที่เลี้ยงค่อนข้างยาก ดีนะคะที่ดิฉันลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว ขอบอกว่าเหนื่อยกว่าตอนออกไปทำงานนอกบ้านเสียอีก
หลังจากมีลูกคนโต ดิฉันก็กินยาคุมเรื่อยมาตลอดสามปี และพอหยุดกินก็ตั้งท้องสองทันใด ลูกคนนี้ก็เป็นผู้ชายอีกเหมือนกัน เลี้ยงง่ายกว่าคนแรกหน่อย ค่อยยังชั่ว
พอลูกๆ โตไปโรงเรียนกันทั้งคู่แล้ว ดิฉันก็เริ่มหางานเล็กๆ น้อยๆ ทำที่บ้านเป็นพวกงานฝีมือ ประดิษฐ์ดอกไม้เป็นเข็มกลัด หรือของแต่งบ้านสวยๆ งามๆ รายได้ดีพอเป็นค่ากับข้าว มีความสุขมากค่ะ...งานฝีมือทำให้เราเพลิดเพลินและอารมณ์ดี ดิฉันจะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน โดยมีลูกๆ วิ่งไปวิ่งมาอยู่ใกล้ๆ ในวันเสาร์อาทิตย์ หรือช่วงปิดเทอม
เรื่องประหลาดเริ่มต้นขึ้นในวันหนึ่งซึ่งลูกๆ อยู่บ้าน ตอนนั้นคนโตอายุเก้าขวบคนเล็กห้าขวบ กำลังซนและน่ารักน่าเอ็นดู
วันนั้นดิฉันเปิดเพลงโปรด นั่งทำงานอย่างสบายใจ สายตาจดจ่ออยู่กับการใช้เหล็กเล่มเล็กๆ คลึงกลีบดอกไม้ขนมปังให้มันสวยพลิ้ว...ทันใดนั้น ดิฉันเหลือบเห็นหัวเล็กๆ กลมทุย ผมดกดำนุ่มสลวย มาผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ขอบโต๊ะตรงข้ามกับที่นั่งของดิฉัน
เห็นแล้วก็นึกขำว่าลูกคงมาเล่นจ๊ะเอ๋กับแม่ ดูซิ...ผลุงเข้าไปใต้โต๊ะ จะแอบเข้ามาจับขาแม่แน่เลย...ดิฉันเอนตัวก้มลงใต้โต๊ะ กะว่าจะจับเด็กซนที่จะมาแกล้งแม่...แต่...คุณพระช่วย! ดิฉันเห็นแต่ความว่างเปล่าจนใจหายวูบ
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะตาฝาด และไม่มีทางเป็นไปได้ที่ลูกจะหลบไปทางไหนโดยที่ดิฉันไม่เห็น...ดิฉันงงงันและขนลุก
นั่นไม่ใช่ครั้งเดียวนะคะ มันเป็นเพียงครั้งแรกที่มีการเห็นในลักษณะเดียวกันนี้ในเวลาต่อมา...บางทีดิฉันเห็นเด็กนั่งเล่นดินอยู่ในสวน ซึ่งทีแรกก็นึกว่าลูก...แต่เปล่าค่ะ! ลูกยังอยู่ในบ้าน นั่งดูทีวี พอดิฉันหันกลับไปอีกทีก็ไม่เห็นเด็กนั่นแล้ว
หลายปีผ่านไป ลูกๆ โตขึ้นเป็นวัยรุ่น เสียงแตกห้าวและมีรูปร่างลักษณะคล้ายกันแถมยังชอบแต่งตัวสไตล์เดียวกันด้วย จนพ่อแม่และตายายเรียกผิดเรียกถูก ถ้าเห็นเพียงด้านหลัง
น่าขนหัวลุกที่พวกเรามักเห็นเด็กอีกคนแทรกเข้ามาด้วยเสมอ เหมือนกับว่าเด็กคนนี้อยู่กับเรามาตลอด และโตขึ้นพร้อมๆ กับลูกของดิฉัน แต่แกไม่มีร่างกาย นอกจากจะมาให้เห็นได้วูบๆ วาบๆ และดิฉันกับสามีก็มักเข้าใจผิด คิดว่าเป็นลูกเราคนใดคนหนึ่งเสมอ
ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อตอนปีใหม่ ปี 2552 นี้เองค่ะ!
บ่ายวันหนึ่งก่อนปีใหม่ สามีเห็นเด็กหนุ่มใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์เดินผ่านหลังดิฉันเข้าห้องนอนไป ที่แรกก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเป็นลูก แต่อ้าว...พอหันไปอีกที ลูกทั้งคู่กำลังเล่นอินเตอร์เน็ตอยู่ด้วยกัน...แล้วเมื่อกี้ใครล่ะ?
กลางดึกอีกสองสามคืนต่อมา ลูกคนเล็กเล่นคอมพ์อยู่ตามลำพัง เขาชำเลืองสายตาเห็นพี่ชายสวมเสื้อขาวแขนยาว กางเกงขาสั้น เดินผ่านเขาแค่เอื้อม แล้วเลยไปเปิดประตูกระจกออกไปที่สวนนอกบ้าน แต่อะไรกันนั้น...เพียงไม่ถึงห้านาที ลูกชายคนโตก็เดินออกมาจากห้องนอน แล้วที่ลูกคนเล็กเห็นน่ะ...ใคร?
ดิฉันพูดกับสามีว่า สังเกตไหมว่าเด็กผู้ไม่มีตัวตนนั้นเติบโตพร้อมลูกเรา?!
พวกเราคิดกันใหญ่ว่าเด็กคนนั้นเป็นใครกันแน่? คงไม่ใช่กุมารทองหรือผีบ้านผีเรือน ที่แน่ๆ คือเขาอยู่กับเราราวกับเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา...
ดิฉันไม่เคยแท้งหรือทำแท้ง จะมีก็แต่กินยาคุมกำเนิด เป็นไปได้ไหมคะว่าเขาคือลูกคนที่สามของดิฉัน? เป็นไปได้ไหมว่าจริงๆ แล้วดิฉันจะต้องมีลูกสามคน แต่การกินยาคุมกำเนิดของดิฉันทำให้เขามาเกิดไม่ได้
ทุกวันนี้พวกเราไม่เคยกลัวเด็กหนุ่มลึกลับคนนั้น ด้วยความรู้สึกแบบกลัวผีเลยค่ะ เป็นแค่แปลกใจ และนอกจากนั้นยังทำใจยอมรับเขาให้อยู่กับเราในบ้านนี้ด้วย
นี่ละค่ะ เรื่องประหลาดของบ้านเรา บางทีนาทีนี้...เขาอาจยืนดูดิฉันเขียนเล่าถึงเขาอยู่ใกล้ๆ ดิฉันนี่ก็ได้!
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เรื่องราวแปลกประหลาดนี้เกิดขึ้นในครอบครัวของดิฉันเองค่ะ!
เราอยู่ด้วยกันเจ็ดชีวิต คือพ่อแม่ของดิฉัน ตัวดิฉันกับสามี ลูกชายสองคนและเด็กรับใช้ เรามีความสุขตามอัตภาพในบ้านที่ล้อมรอบด้วยสนามหญ้าและไม้ดอกหอมๆ พวกมะลิดอกแก้วและดอกราตรี ทั้งยังมีไม้ผลอย่าง มะม่วง ฝรั่ง ทับทิม
ก่อนจะเล่าต่อ ต้องขอย้อนอดีตสักนิดนะคะ
ดิฉันแต่งงานเร็วค่ะ คือเมื่อจบมหาวิทยาลัยก็แต่งงานเลย ตอนนั้นอายุแค่ยี่สิบเอ็ดเท่านั้นเอง และมีงานทำแล้วด้วย จึงไม่พร้อมที่จะมีลูก ดิฉันใช้วิธีกินยาคุมกำเนิดมาตลอด จนเวลาผ่านไปเจ็ดปีเต็มถึงได้หยุดกินยาคุม และตั้งครรภ์ทันทีเลยค่ะ
ดิฉันได้ลูกชายที่เลี้ยงค่อนข้างยาก ดีนะคะที่ดิฉันลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว ขอบอกว่าเหนื่อยกว่าตอนออกไปทำงานนอกบ้านเสียอีก
หลังจากมีลูกคนโต ดิฉันก็กินยาคุมเรื่อยมาตลอดสามปี และพอหยุดกินก็ตั้งท้องสองทันใด ลูกคนนี้ก็เป็นผู้ชายอีกเหมือนกัน เลี้ยงง่ายกว่าคนแรกหน่อย ค่อยยังชั่ว
พอลูกๆ โตไปโรงเรียนกันทั้งคู่แล้ว ดิฉันก็เริ่มหางานเล็กๆ น้อยๆ ทำที่บ้านเป็นพวกงานฝีมือ ประดิษฐ์ดอกไม้เป็นเข็มกลัด หรือของแต่งบ้านสวยๆ งามๆ รายได้ดีพอเป็นค่ากับข้าว มีความสุขมากค่ะ...งานฝีมือทำให้เราเพลิดเพลินและอารมณ์ดี ดิฉันจะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน โดยมีลูกๆ วิ่งไปวิ่งมาอยู่ใกล้ๆ ในวันเสาร์อาทิตย์ หรือช่วงปิดเทอม
เรื่องประหลาดเริ่มต้นขึ้นในวันหนึ่งซึ่งลูกๆ อยู่บ้าน ตอนนั้นคนโตอายุเก้าขวบคนเล็กห้าขวบ กำลังซนและน่ารักน่าเอ็นดู
วันนั้นดิฉันเปิดเพลงโปรด นั่งทำงานอย่างสบายใจ สายตาจดจ่ออยู่กับการใช้เหล็กเล่มเล็กๆ คลึงกลีบดอกไม้ขนมปังให้มันสวยพลิ้ว...ทันใดนั้น ดิฉันเหลือบเห็นหัวเล็กๆ กลมทุย ผมดกดำนุ่มสลวย มาผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ขอบโต๊ะตรงข้ามกับที่นั่งของดิฉัน
เห็นแล้วก็นึกขำว่าลูกคงมาเล่นจ๊ะเอ๋กับแม่ ดูซิ...ผลุงเข้าไปใต้โต๊ะ จะแอบเข้ามาจับขาแม่แน่เลย...ดิฉันเอนตัวก้มลงใต้โต๊ะ กะว่าจะจับเด็กซนที่จะมาแกล้งแม่...แต่...คุณพระช่วย! ดิฉันเห็นแต่ความว่างเปล่าจนใจหายวูบ
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะตาฝาด และไม่มีทางเป็นไปได้ที่ลูกจะหลบไปทางไหนโดยที่ดิฉันไม่เห็น...ดิฉันงงงันและขนลุก
นั่นไม่ใช่ครั้งเดียวนะคะ มันเป็นเพียงครั้งแรกที่มีการเห็นในลักษณะเดียวกันนี้ในเวลาต่อมา...บางทีดิฉันเห็นเด็กนั่งเล่นดินอยู่ในสวน ซึ่งทีแรกก็นึกว่าลูก...แต่เปล่าค่ะ! ลูกยังอยู่ในบ้าน นั่งดูทีวี พอดิฉันหันกลับไปอีกทีก็ไม่เห็นเด็กนั่นแล้ว
หลายปีผ่านไป ลูกๆ โตขึ้นเป็นวัยรุ่น เสียงแตกห้าวและมีรูปร่างลักษณะคล้ายกันแถมยังชอบแต่งตัวสไตล์เดียวกันด้วย จนพ่อแม่และตายายเรียกผิดเรียกถูก ถ้าเห็นเพียงด้านหลัง
น่าขนหัวลุกที่พวกเรามักเห็นเด็กอีกคนแทรกเข้ามาด้วยเสมอ เหมือนกับว่าเด็กคนนี้อยู่กับเรามาตลอด และโตขึ้นพร้อมๆ กับลูกของดิฉัน แต่แกไม่มีร่างกาย นอกจากจะมาให้เห็นได้วูบๆ วาบๆ และดิฉันกับสามีก็มักเข้าใจผิด คิดว่าเป็นลูกเราคนใดคนหนึ่งเสมอ
ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อตอนปีใหม่ ปี 2552 นี้เองค่ะ!
บ่ายวันหนึ่งก่อนปีใหม่ สามีเห็นเด็กหนุ่มใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์เดินผ่านหลังดิฉันเข้าห้องนอนไป ที่แรกก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเป็นลูก แต่อ้าว...พอหันไปอีกที ลูกทั้งคู่กำลังเล่นอินเตอร์เน็ตอยู่ด้วยกัน...แล้วเมื่อกี้ใครล่ะ?
กลางดึกอีกสองสามคืนต่อมา ลูกคนเล็กเล่นคอมพ์อยู่ตามลำพัง เขาชำเลืองสายตาเห็นพี่ชายสวมเสื้อขาวแขนยาว กางเกงขาสั้น เดินผ่านเขาแค่เอื้อม แล้วเลยไปเปิดประตูกระจกออกไปที่สวนนอกบ้าน แต่อะไรกันนั้น...เพียงไม่ถึงห้านาที ลูกชายคนโตก็เดินออกมาจากห้องนอน แล้วที่ลูกคนเล็กเห็นน่ะ...ใคร?
ดิฉันพูดกับสามีว่า สังเกตไหมว่าเด็กผู้ไม่มีตัวตนนั้นเติบโตพร้อมลูกเรา?!
พวกเราคิดกันใหญ่ว่าเด็กคนนั้นเป็นใครกันแน่? คงไม่ใช่กุมารทองหรือผีบ้านผีเรือน ที่แน่ๆ คือเขาอยู่กับเราราวกับเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา...
ดิฉันไม่เคยแท้งหรือทำแท้ง จะมีก็แต่กินยาคุมกำเนิด เป็นไปได้ไหมคะว่าเขาคือลูกคนที่สามของดิฉัน? เป็นไปได้ไหมว่าจริงๆ แล้วดิฉันจะต้องมีลูกสามคน แต่การกินยาคุมกำเนิดของดิฉันทำให้เขามาเกิดไม่ได้
ทุกวันนี้พวกเราไม่เคยกลัวเด็กหนุ่มลึกลับคนนั้น ด้วยความรู้สึกแบบกลัวผีเลยค่ะ เป็นแค่แปลกใจ และนอกจากนั้นยังทำใจยอมรับเขาให้อยู่กับเราในบ้านนี้ด้วย
นี่ละค่ะ เรื่องประหลาดของบ้านเรา บางทีนาทีนี้...เขาอาจยืนดูดิฉันเขียนเล่าถึงเขาอยู่ใกล้ๆ ดิฉันนี่ก็ได้!
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!