คืนเขย่าขวัญ


คืนเขย่าขวัญ

เรื่องผีๆ สางๆ ที่มีการถกเถียงกันมาตลอดว่ามีจริงหรือไม่?

คนที่เชื่อก็ยืนยันว่ามีแน่ๆ ตัวเองยังเคยถูกหลอกหลอนมาหลายครั้ง ส่วนคนไม่เชื่อก็หัวเราะเยาะ บอกว่าเป็นเรื่องเหลวไหลเลอะเทอะสำหรับหลอกเด็กๆ เท่านั้นแหละ

แต่คนส่วนมากมักจะพูดตรงกันว่า...เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หรือ 50-50

คือใจหนึ่งก็ไม่อยากเชื่อว่าผีมีจริง เพราะโลกเราเจริญขนาดนี้แล้วนี่นา แต่อีกใจก็ยังหวาดๆ เวลาอยู่ในที่เปลี่ยวๆ ตอนกลางคืน ได้ยินเสียงอะไรกุกกักก็เกิดความระแวง ยิ่งถ้าจู่ๆ อยู่คนเดียวยามดึก เกิดมีเสียงโครมครามขึ้นมาก็เล่นเอาสะดุ้งผวาได้อย่างง่ายดาย

หลายๆ คนถึงกับอกใจเต้นตึ้กตั้ก จนถึงแรงกระหน่ำตามสำนวนที่ว่า...หัวใจทะลักออกมานอกอก ดีไม่ดีก็ถึงกับช็อกตายไปเลย

บางคนบอกว่า เพราะเรากลัวความมืด เราจึงกลัวผี!

แต่บางคนก็บอกว่า ผีเกิดจากความเชื่อมั่น ฝังใจมาตั้งแต่เด็กๆ หรือจิตใต้สำนึกของตัวเอง ส่วนมากคนเรามักจะมีจินตนาการเรื่องผี ในที่สุดก็สร้างผีในความคิดฝันจนมีตัวตนจริงๆ ขึ้นมา ทำให้ตัวเองเชื่อว่าผีมีจริง เห็นอะไรก็เหมาไปว่าเป็นผีเป็นสางไปเสียหมด

เรื่องที่พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แบบนี้พูดยากครับ แล้วแต่ใครจะเชื่อฝ่ายไหน? แต่ผมเองได้พบกับสิ่งประหลาด แถมสยองขวัญสุดๆ ในตอนดึกคืนหนึ่ง ไม่รู้ว่าสิ่งที่เจอะเจอเข้าอย่างจังๆ จะเป็นภูตผีปีศาจ หรือว่า สมองฟั่นเฟือน ขาดสติสัมปชัญญะไปชั่วขณะหนึ่ง

คืนนั้น ผมไปงานวันเกิดเพื่อน ที่ภัตตาคารชื่อดังย่านปิ่นเกล้า

โต๊ะเรามีแต่เพื่อนสนิทแทบทั้งนั้น ยิ่งมีเหล้าและโซดาไม่อั้น แถมกับแกล้มถูกปาก พวกเราก็ยิ่งพูดคุยกันสนุกสนาน ทั้งอำทั้งแซวเจ้าบ่าวที่คลอคู่กับเจ้าสาวแสนสวยหยาดเยิ้มมาทักทายตามระเบียบ...พอคล้อยหลังก็ป้องปากนิดหน่อย ก่อนจะฮาครืนทั้งโต๊ะ

กว่าจะมึนเมาแยกย้ายกันกลับก็ปาเข้าไปเกือบสองยาม บ้านผมอยู่แถวอโศก-ดินแดง...ผมนั่งแท็กซี่มาดีๆ แทนที่จะนึกถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ที่เพิ่งคุยกันมาหยกๆ กลับนึกถึงเรื่องผีๆ สางๆ ขึ้นมา

ว่าแต่โลกนี้มีผีจริงๆ หรือ ในเมื่อคนเราสิ้นลมหายใจก็มีแต่จะถูกนำไปเผาหรือฝังตามประเพณี มีแต่จะเน่าเปื่อยหรือกลายเป็นฝุ่นธุลีไป ดูๆ ก็ไม่น่าจะกลายเป็นผีเป็นสางมาหาใครได้...แต่ทำไมถึงมีคนมากมายเหลือเกินที่ยืนยันว่าเห็นผี หรือถูกผีหลอกอย่างจังๆ

พอดีรถเข้าซอย...เลี้ยวขวาเลี้ยวซ้ายตามที่ผมบอก ถนนโล่งว่างอยู่ในแสงไฟเยือกเย็น...ทันใดนั้นเอง ร่างดำๆ ก็พุ่งพรวดออกมาจากข้างทาง!

"เฮ้ย!!" คนขับแท็กซี่ร้องลั่น หักรถหลบวูบจนผมเอียงวาบ ได้ยินเสียงโครม! ผมกระเด็นไปฟาดประตูรถเต็มแรง...สรรพสิ่งดับวูบ โลกทั้งโลกกลายเป็นความมืดมิดและเย็นยะเยือกราวกับกลายเป็นขุมนรกอเวจีในบัดดล

ผมเบิกตามองฝ่าความมืดออกไป...เออ! แปลกแฮะ ไม่ยักมืดมิดเหมือนตอนแรกอีกแล้ว แต่เห็นแสงเหลืองๆ จากเสาไฟฟ้าส่องลงมาเยือกเย็น ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองนอนเค้เก้อยู่ในพงหญ้าริมทาง...อ้าว? แท็กซี่คันนั้นอยู่ไหนล่ะ?

เพิ่งนึกออกว่ามีคนตัดหน้ารถ เสียงโครม...รถคงชน หรือไม่ก็หักหลบไปชนเสาไฟฟ้าก็ไม่รู้ เพราะผมหมดสติไปก่อน...ว่าแต่ร่างที่ตัดหน้าไปไหน? คงจะไม่โดนชนละมั้ง? ว่าแต่แท็กซี่คันนั้นน่าจะอยู่ใกล้ๆ ผมนะ ทำไมถึงได้พลอยหายเงียบไปด้วย?

ทั้งเงียบเชียบและเปล่าเปลี่ยวเหมือนตกอยู่ในโลกร้างไม่มีผิด!

ผมพยุงกายลุกขึ้นยืน...เอ๊ะ! ไม่ได้เจ็บปวดหรือเป็นอะไรมากนี่นา หัวไม่ได้แตกแข้งขาก็ไม่ได้หัก มองเห็นมะขามใหญ่ คลุมมาถึงเพิงร้างในหมู่บ้าน

ปกติเคยเห็นพวกวินมอเตอร์ไซค์จับกลุ่มคุยกัน แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลย รถราก็ไม่เหลือแม้แต่คันเดียว...ผมเดินไปที่เพิงร้าง ดูเปล่าเปลี่ยวและเงียบเชียบ ว่าจะนั่งพักเอาแรงกำลังสำรวจร่างกายให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ พลางนึกถึงแท็กซี่คันนั้น

ให้ตายเถอะ! เขาไม่น่าจะทิ้งผู้โดยสารไว้ข้างถนนแบบนั้นนี่นา...พริบตานั้นเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มทำให้ผมหันขวับ...รถยนต์คันหนึ่งเปิดไฟสว่างจ้า พุ่งพรวดเข้าใส่ผมจนร้องตะโกนสุดเสียง ม่านตาลายพร่าด้วยความหวาดกลัวสุดขีด

คราวนี้ มองเห็นคนขับแท็กซี่หันมามองยิ้มๆ...ผมเหลียวซ้ายแลขวางุนงงก็พบว่าตัวเองยังนั่งอยู่ในรถแท็กซี่ตามเดิม...แสงไฟส่องลงมาเห็นเพิงว่างเปล่าใต้ร่มเงามะขามพอดี

ลงจากแท็กซี่ที่หน้าบ้าน หัวใจยังเต้นระทึก...ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรแน่? หรือเป็นเพียงภาพหลอนเท่านั้นเอง แต่นึกถึงแล้วขนหัวลุกทุกทีเลยครับ!


ขอบคุณข้อมูลจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์