ป่าช้าผีดิบ


ป่าช้าผีดิบ

"ป้างาม" เล่าเรื่องน่าขนหัวลุกของป่าช้าสมัยโบราณ

ป้าเป็นคนจังหวัดอยุธยา หรือ "กรุงเก่า" นั่นแหละค่ะ ถึงไม่ต้องบอกก็คิดว่ารู้กันดีนะคะว่าบ้านเกิดป้าน่ะผีดุแค่ไหน? ตั้งแต่ผีสมัยหลายร้อยปีก่อน ไทยกับพม่ารบราฆ่าฟันกันล้มตายเป็นพันเป็นหมื่นๆ ศพ ขนาดที่ว่า...ชี้ไปตรงไหนรับรองว่ามีคนตายตรงนั้นก็แล้วกัน

ไหนว่าวิญญาณดึกดำบรรพ์ไปผุดไปเกิดหมดแล้ว ไม่หลงเหลือมาหลอกหลอนผู้คนจนถึงป่านนี้หรอก!

เอ...เรื่องนี้จะยังไงก็ไม่ทราบแน่ชัดนะคะ แต่ป้าได้ยินเขาพูดกันหนาหูตั้งแต่สมัยป้ายังเด็กๆ จนแก่ปูนนี้...เขาบอกว่าตอนดึกๆ มีคนเห็นทหารไทยแต่งชุดแดง ผิวคล้ำ รูปร่างบึกบึน สวมหมวกยอดแหลมๆ ถือหอกยืนทะมึนอยู่แถววังโบราณ จะว่าตาฝาดก็เห็นตรงกันที่นั่นบ้างที่นี่บ้าง บางคืนมีเสียงมโหรีสีซอดังเจื้อยแจ้วเยือกเย็นมาตามลม บางคืนก็มีเสียงหัวเราะต่อกระซิกของพวกนางในสมัยโบราณ...ได้ยินแล้วต้องคลุมโปงไปตามๆ กัน

เรื่องผีที่กรุงเก่ามีเยอะค่ะ วันดีคืนดีป้าจะเก็บมาเล่าให้ฟัง คนสมัยนี้ได้ยินเข้ามีหวังขนแขนสแตนด์อัพแน่ๆ เชียว...ว่าไปนั่นเลย!

วันนี้ป้าจะเล่าเรื่องป่าช้าผีดิบให้ฟังก่อนก็แล้วกัน

อ้อ! ไม่ใช่ป่าช้าที่มีผีดิบออกมาดูดเลือดตอนกลางคืนอย่างผีฝรั่งที่เห็นในหนังนะคะ อย่าเข้าใจผิด! แต่เป็นป่าช้าไทยๆ ของเรานี่แหละ สมัยเด็กๆ ป้าเคยได้ยินพวกผู้ใหญ่เขาเล่าให้ฟัง แหม! น่าขนลุกขนพองจริงๆ ฟังแล้วยังติดหูจนจำได้แม่นมาถึงป่านนี้แน่ะค่ะ

ป่าช้าแต่ก่อนะส่วนมากจะร่มครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย ทำให้บรรยากาศดูวังเวงเพิ่มขึ้นอีกตั้งพะเรอเกวียน!

มีทั้งกอไผ่ ป่าสะแก มะเกลือและดงข่อย ไม่นับพวกไม้ใหญ่ๆ อย่างต้นโพธิ์หรือต้นตะเคียนที่ค่อนข้างจะเขย่าขวัญเด็กๆ และคนขวัญอ่อน ส่วนต้นไม้อื่นๆ มีประโยชน์มากมายสำหรับผู้คนที่อยู่ใกล้ๆ ป่าช้า

กอไผ่ย่อมมีหน่อไม้ให้ขุดหรือแซะไปแกงกินได้ ต้มจิ้มน้ำพริกก็ดี เผลอๆ ยังตัดเอาต้นไผ่เล็กๆ มาทำไม้ตะพดตีหัวคนหรือกันหมากัดก็ได้ หนักกว่านั้นคืออุตริเอามาทำบ้องกัญชา เมาแล้วหัวเราะร่วนเหมือนคนบ้าได้ทั้งวัน

ไม้สะแกก็ตัดมาทำฟืนสำหรับอยู่ไฟเมื่อภรรยาคลอดบุตร ถือว่ามีคุณภาพเหมาะสมกับเรื่องนี้มากที่สุด มะเกลือก็นำมาเป็นยาระบาย ถ่ายท้องได้ชะงัดนัก ส่วนไม้ข่อยจะทำเป็นง่ามหนังสติ๊กก็ได้ เอามาทุบไว้สำหรับสีฟัน บางคนก็ตัดเอากิ่งสดๆ มาเคี้ยวแทนแปรงและยาสีฟันก็ยังได้

แหม! ป้าเกือบลืมต้นกระต่ายจามแน่ะ!

สมัยนี้คงแทบไม่มีใครรู้จักแล้วละมั้ง? เป็นไม้พุ่มขนาดย่อม เขาเอาใบมาตากแห้งไว้ใช้ตอนง่วงเหงาหาวนอน คือเอาใบมาขยี้แล้วสูดดม รับรองว่าจามฮัดเช้ย...พรวดๆ สี่ซ้าห้าหนแก้ง่วงได้ชะงัดนัก

อ้าว? เรื่องป่าช้าผีดิบน่ะป้าไม่ลืมหรอกค่ะ...ป่าช้าชนิดนี้จะใช้เป็นสถานที่สำหรับฝังผีดิบ หรือผีสดที่เพิ่งตายใหม่ๆ เท่านั้น ส่วนผีที่ตายค้างเดือนค้างปีเรียกว่าผีแห้งน่ะ สัปเหร่อแกบอกว่าไม่รับเผารับฝังทั้งนั้นแหละ

อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าผีแห้งคือผีที่ญาติเก็บไว้เพื่อบำเพ็ญกุศลจนครบปี หรือหลายปีแล้วจึงเผาเหมือนสมัยนี้นะคะ ตรงกันข้ามเลยเชียวล่ะค่ะ ขอบอก!

สาเหตุที่ต้องเก็บเอาไว้ก็เพื่อเป็นการรอจังหวะเผาผีไม่มีญาติ หรือผีมีญาติ...แต่ญาติไม่ค่อยจะมีเงิน ต้องเอาผีมาเก็บไว้ก่อนจนกว่าญาติจะพอมีทุนทรัพย์มาเผาจี่ได้สำเร็จ...บางรายเก็บไว้นานจนเหลือแต่กระดูกก็ต้องให้สัปเหร่อฌาปนกิจไปตามประเพณี

สถานที่เก็บศพของป่าช้าสมัยก่อนน่ะไม่ใช่ฮวงซุ้ยเหมือนทุกวันนี้หรอกนะคะ

กระต๊อบค่ะ คือสถานที่เอาผีใส่โลงเก็บไว้ ส่วนใหญ่ก็ปลูกอยู่ในป่าช้าผีแห้งเพราะทำเลเหมาะเจาะทุกประการ

ป่าช้าผีสดมีแต่ต้นไม้ใหญ่ๆ ส่วนป่าช้าผีแห้งตรงกันข้าม คือมีแต่พวกกอไผ่ ข่อย สะแกและกระต่ายจาม ต้นไม้พวกนี้ใช้เป็นที่กำลังลมพายุไม่ให้พัดเขย่ากระต๊อบที่ใส่โลงผีพังโครมคราม หรืออย่างเบาะๆ ก็ทำให้โลงผีเทกระจาดลงมากองบนพื้น...ลองตรองดูเถิดค่ะว่าจะน่าสยดสยองปานใด?

ถ้าเอาป่าช้าผีดิบผีแห้งสมัยโบราณมาเปรียบเทียบกับสมัยใหม่ดูแล้ว แหม! ป่าช้าสมัยนี้แสนสะสวยน่าอยู่ซะไม่มีล่ะ...แต่บอกตรงๆ ว่าป้ายังไม่อยากไปอยู่เท่าไหร่หรอกค่ะ! บรื๋อ...


ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์