หอสมุดสุดหลอน
"ป้าสมร" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากถนนพิชัย
เรื่องราวที่เกี่ยวกับความลี้ลับ มหัศจรรย์ ปรากฏขึ้นมากมายทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมทั้งประเทศอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน แม้ว่าจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์แต่ก็ทำให้คนที่ประสบพบเห็นเกิดอาการหวาดสยองไปตามๆ กัน
ขนาดเสียววาบไปถึงหัวอกหัวใจ ขนลุกขนพองไปทั้งตัว จะไม่เชื่อได้ยังไงล่ะคะว่าผีมีจริง ส่วนใครจะไม่เชื่อถือ หาว่าเป็นเรื่องเหลวไหล งมงายเป็นคนหลังเขาก็แล้วไปเถอะ...ข้อสำคัญอย่าลืมวลีอมตะเพื่อเป็นสิ่งเตือนใจไว้ก็แล้วกัน
"ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!"
ป้าเป็นคนถนนพิชัย เขตดุสิตมาตั้งแต่สาวๆ แล้วค่ะ เคยได้ยินเรื่องผีโดนรถทับตายกับผีแม่ค้าที่ผูกคอตายแถวหน้าโรงเรียน...รวมทั้งผีคนแก่และผีเด็กๆ อีกมากมาย แต่ไม่มีเรื่องไหนจะสุดสยองเข้ากับผีที่ "สวนนอก" หรอกค่ะ
คำว่า "สวนนอก" เป็นชื่อที่ชาวบ้านแถวนั้นเรียกกันติดปากนะคะ ความจริงเป็นวังของพระองค์เจ้าหญิงอัพภัณตรีปชา พระราชธิดาในรัชกาลที่ 5 กับเจ้าจอมมารดาแส
ในเขตวังที่ว่านั้นมี 2 ตำหนักเก่าแก่ โดดเด่นเป็นสง่าตลอดมา!
เรื่องของเรื่องก็คือพรรคชาติไทยของท่านบรรหาร ศิลปอาชา ได้เลือกตำหนักที่ประทับของเจ้าจอมมารดาแสเป็นที่ทำการพรรค ส่วนตำหนักของพระองค์เจ้าหญิงผู้เป็นพระราชธิดามีโครงการจัดตั้งเป็นหอสมุด เพื่อให้ความรู้และความบันเทิงแก่ประชาชนทั่วไป
เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตำหนักนั้นก็ทรุดโทรมไปตามกาลเวลาเสียแล้ว ทางพรรคชาติไทยจึงได้กระทำการบูรณะซ่อมแซมตำหนักทั้งสองให้เรียบร้อยแข็งแรง ก่อนจะนำมาใช้ประโยชน์ตามจุดมุ่งหมายต่อไป
เจ้าประคุณเอ๋ย...ระหว่างการบูรณะตำหนักเก่าแก่ทั้งสองนั้น ก็เกิดเรื่องที่ชวนให้ขนหัวลุกโดยไม่คาดฝันอุบัติขึ้นมา!
โดยเฉพาะตำหนักของพระองค์เจ้าหญิงอัพภัณตรีปชา มีเรื่องราวแปลกประหลาดที่ทำให้ผู้พบเห็นถึงกับขนลุกขนพอง...ขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆ กัน
ความหวาดหวั่นของบรรดาคนงานทำให้การบูรณะตำหนักทั้งสองสะดุดขลุกขลักจนถึงหยุดชะงัก เพราะไม่กล้าทำงานต่อบ้าง ลาออกไปบ้าง เนื่องจากสุดจะทนทานต่อความสยดสยองที่ประสบพบเห็นนั่นเอง
ร่ำลือกันปากต่อปากว่าเป็นเพราะอาถรรพณ์สุดเฮี้ยนของวังเก่าแก่ อายุเกือบ 100 ปี!
นั่นคือ วันดีคืนดีก็มีคนงานได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ สะอึกสะอื้นกลางดึกมาจากตำหนัก เล่นเอาต้องคลุมโปงตัวสั่นเทาเป็นลูกนกต้องลมหนาว...ใครจะมาร้องห่มร้องไห้บนตำหนักร้างดึกๆ ดื่นๆ นั่นล่ะ...ถ้าไม่ใช่ผู้ไม่มีร่างกาย!?
บางคืนก็ได้ยินเสียงสาวๆ เล่นน้ำพลางหยอกล้อกันสนุกสนาน เสียงหัวเราะระริกคิกคักดังมาจากหน้าตำหนัก...คนงานใจกล้าชักชวนกันไปดูให้รู้แน่ แต่ก็ไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว แถมที่พื้นก็ไม่เปียกน้ำอีกต่างหาก
ค่ำหนึ่ง ลูกคนงานหายไปทำให้พ่อแม่ออกเดินหา จนไปพบที่ข้างตำหนักร่มครึ้มกำลังหัวเราะร่วนสนุกสนาน หอบหายใจถี่เร็วคล้ายเหน็ดเหนื่อยเต็มประดา ถามเข้าก็ได้ความว่า...หนูกำลังเล่นกับเพื่อนใหม่ เป็นเด็กผมจุก! นั่นไง...มันยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ แม่นั่นไง!
พ่อแม่หันไปดูก็ไม่เห็นอะไร ได้แต่ร้องวี้ดว้าย จูงแขนลูกจ้ำอ้าวกลับห้องพักคนงาน กำชับว่าอย่าไปเล่นที่นั่นเด็ดขาด ลูกชายย้อนถามว่า...ทำไมล่ะแม่? ก็หนูไปวิ่งเล่นกับไอ้จุกมาตั้งหลายวันแล้วนี่นา!
คืนหนึ่ง จู่ๆ บนตำหนักมืดครึ้มก็เกิดสว่างจ้าขึ้นมา พวกคนงานพากันไปดูให้รู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น...ก่อนจะชะงักงัน
ตำหนักนี่ตัดไฟไปตั้งนมนานมา
ต่างคนต่างมองสบตากัน...อ้าว? ชายแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งนุ่งผ้าเตี่ยวกำลังล้อมวงกินเหล้ากันอยู่ที่ข้างฝา หันมายิ้มกว้างแต่นัยน์ตาแดงจ้า...เสียงร้องเอะอะโวยวายดังลั่นตำหนักเมื่อบรรดาคนงานเผ่นกระเจิงลงมาแทบแข้งขาหักไปตามๆ กัน
คนงานหลายๆ คนถึงกับเก็บข้าวของเสื้อผ้า ขออำลาไปหางานใหม่ทำ อ้างว่าลูกเต้ายังเล็กอยู่ไม่อยากช็อกตายคาที่เพราะโดนผีหลอก
คนงานที่เหลือก็กล้าๆ กลัวๆ ทำให้งานบูรณะตำหนักทั้งสองล่าช้าตลอดมา
โธ่! ขนาดท่านบรรหาร ศิลปอาชา ยังเคยเจอะเจออาถรรพณ์น่าขนหัวลุกด้วยตนเองนี่คะ...ถ้ามีโอกาสว่างๆ เมื่อไหร่ ป้าจะเขียนเรื่องหอสมุดสุดหลอนมาเล่าสู่กันฟังอีกค่ะ
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เรื่องราวที่เกี่ยวกับความลี้ลับ มหัศจรรย์ ปรากฏขึ้นมากมายทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมทั้งประเทศอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน แม้ว่าจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์แต่ก็ทำให้คนที่ประสบพบเห็นเกิดอาการหวาดสยองไปตามๆ กัน
ขนาดเสียววาบไปถึงหัวอกหัวใจ ขนลุกขนพองไปทั้งตัว จะไม่เชื่อได้ยังไงล่ะคะว่าผีมีจริง ส่วนใครจะไม่เชื่อถือ หาว่าเป็นเรื่องเหลวไหล งมงายเป็นคนหลังเขาก็แล้วไปเถอะ...ข้อสำคัญอย่าลืมวลีอมตะเพื่อเป็นสิ่งเตือนใจไว้ก็แล้วกัน
"ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!"
ป้าเป็นคนถนนพิชัย เขตดุสิตมาตั้งแต่สาวๆ แล้วค่ะ เคยได้ยินเรื่องผีโดนรถทับตายกับผีแม่ค้าที่ผูกคอตายแถวหน้าโรงเรียน...รวมทั้งผีคนแก่และผีเด็กๆ อีกมากมาย แต่ไม่มีเรื่องไหนจะสุดสยองเข้ากับผีที่ "สวนนอก" หรอกค่ะ
คำว่า "สวนนอก" เป็นชื่อที่ชาวบ้านแถวนั้นเรียกกันติดปากนะคะ ความจริงเป็นวังของพระองค์เจ้าหญิงอัพภัณตรีปชา พระราชธิดาในรัชกาลที่ 5 กับเจ้าจอมมารดาแส
ในเขตวังที่ว่านั้นมี 2 ตำหนักเก่าแก่ โดดเด่นเป็นสง่าตลอดมา!
เรื่องของเรื่องก็คือพรรคชาติไทยของท่านบรรหาร ศิลปอาชา ได้เลือกตำหนักที่ประทับของเจ้าจอมมารดาแสเป็นที่ทำการพรรค ส่วนตำหนักของพระองค์เจ้าหญิงผู้เป็นพระราชธิดามีโครงการจัดตั้งเป็นหอสมุด เพื่อให้ความรู้และความบันเทิงแก่ประชาชนทั่วไป
เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตำหนักนั้นก็ทรุดโทรมไปตามกาลเวลาเสียแล้ว ทางพรรคชาติไทยจึงได้กระทำการบูรณะซ่อมแซมตำหนักทั้งสองให้เรียบร้อยแข็งแรง ก่อนจะนำมาใช้ประโยชน์ตามจุดมุ่งหมายต่อไป
เจ้าประคุณเอ๋ย...ระหว่างการบูรณะตำหนักเก่าแก่ทั้งสองนั้น ก็เกิดเรื่องที่ชวนให้ขนหัวลุกโดยไม่คาดฝันอุบัติขึ้นมา!
โดยเฉพาะตำหนักของพระองค์เจ้าหญิงอัพภัณตรีปชา มีเรื่องราวแปลกประหลาดที่ทำให้ผู้พบเห็นถึงกับขนลุกขนพอง...ขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆ กัน
ความหวาดหวั่นของบรรดาคนงานทำให้การบูรณะตำหนักทั้งสองสะดุดขลุกขลักจนถึงหยุดชะงัก เพราะไม่กล้าทำงานต่อบ้าง ลาออกไปบ้าง เนื่องจากสุดจะทนทานต่อความสยดสยองที่ประสบพบเห็นนั่นเอง
ร่ำลือกันปากต่อปากว่าเป็นเพราะอาถรรพณ์สุดเฮี้ยนของวังเก่าแก่ อายุเกือบ 100 ปี!
นั่นคือ วันดีคืนดีก็มีคนงานได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ สะอึกสะอื้นกลางดึกมาจากตำหนัก เล่นเอาต้องคลุมโปงตัวสั่นเทาเป็นลูกนกต้องลมหนาว...ใครจะมาร้องห่มร้องไห้บนตำหนักร้างดึกๆ ดื่นๆ นั่นล่ะ...ถ้าไม่ใช่ผู้ไม่มีร่างกาย!?
บางคืนก็ได้ยินเสียงสาวๆ เล่นน้ำพลางหยอกล้อกันสนุกสนาน เสียงหัวเราะระริกคิกคักดังมาจากหน้าตำหนัก...คนงานใจกล้าชักชวนกันไปดูให้รู้แน่ แต่ก็ไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว แถมที่พื้นก็ไม่เปียกน้ำอีกต่างหาก
ค่ำหนึ่ง ลูกคนงานหายไปทำให้พ่อแม่ออกเดินหา จนไปพบที่ข้างตำหนักร่มครึ้มกำลังหัวเราะร่วนสนุกสนาน หอบหายใจถี่เร็วคล้ายเหน็ดเหนื่อยเต็มประดา ถามเข้าก็ได้ความว่า...หนูกำลังเล่นกับเพื่อนใหม่ เป็นเด็กผมจุก! นั่นไง...มันยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ แม่นั่นไง!
พ่อแม่หันไปดูก็ไม่เห็นอะไร ได้แต่ร้องวี้ดว้าย จูงแขนลูกจ้ำอ้าวกลับห้องพักคนงาน กำชับว่าอย่าไปเล่นที่นั่นเด็ดขาด ลูกชายย้อนถามว่า...ทำไมล่ะแม่? ก็หนูไปวิ่งเล่นกับไอ้จุกมาตั้งหลายวันแล้วนี่นา!
คืนหนึ่ง จู่ๆ บนตำหนักมืดครึ้มก็เกิดสว่างจ้าขึ้นมา พวกคนงานพากันไปดูให้รู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น...ก่อนจะชะงักงัน
ตำหนักนี่ตัดไฟไปตั้งนมนานมา
ต่างคนต่างมองสบตากัน...อ้าว? ชายแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งนุ่งผ้าเตี่ยวกำลังล้อมวงกินเหล้ากันอยู่ที่ข้างฝา หันมายิ้มกว้างแต่นัยน์ตาแดงจ้า...เสียงร้องเอะอะโวยวายดังลั่นตำหนักเมื่อบรรดาคนงานเผ่นกระเจิงลงมาแทบแข้งขาหักไปตามๆ กัน
คนงานหลายๆ คนถึงกับเก็บข้าวของเสื้อผ้า ขออำลาไปหางานใหม่ทำ อ้างว่าลูกเต้ายังเล็กอยู่ไม่อยากช็อกตายคาที่เพราะโดนผีหลอก
คนงานที่เหลือก็กล้าๆ กลัวๆ ทำให้งานบูรณะตำหนักทั้งสองล่าช้าตลอดมา
โธ่! ขนาดท่านบรรหาร ศิลปอาชา ยังเคยเจอะเจออาถรรพณ์น่าขนหัวลุกด้วยตนเองนี่คะ...ถ้ามีโอกาสว่างๆ เมื่อไหร่ ป้าจะเขียนเรื่องหอสมุดสุดหลอนมาเล่าสู่กันฟังอีกค่ะ
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!