รถปีศาจ
"อนันต์"เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหล่มสัก
ผมเคยได้ยินได้ฟังเรื่องผีหลอกตามทางหลวงมามากมาย ตั้งแต่หลอกหลอนพอหอมปากหอมคอ จนถึงระดับดุร้ายสาหัสสากรรจ์ชนิดวิ่งตัดหน้ารถ ไม่ว่าใครจะใจแข็งแค่ไหนก็ต้องหักรถหลบโดยสัญชาตญาณ ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง บาดเจ็บสาหัสบ้าง พิกลพิการบ้าง...กระทั่งถึงแก่ชีวิตไปเลยก็มี
แต่แล้วผมก็มาประสบกับเหตุการณ์สุดสยองเข้ากับตัวเอง ทำให้แน่ใจว่าเรื่องผีทางหลวงหลากหลายที่ได้ยินมาน่ะ กลายเป็นผีเด็กๆ ไปเลย!
เมื่อตอนที่เศรษฐกิจบูมระเบิด ก่อนจะถึงคราวฟองสบู่แตกราว 2-3 ปีน่ะ ไม่ว่าตลาดหุ้นหรือการเก็งกำไรที่ดิน ล้วนแต่ไปโลด ราคาที่ดินถูกปั่นเกือบทุกวันก็ว่าได้ บางทีซื้อเช้า-บ่ายขายก็ยังมี ส่วนมากก็แค่มัดจำเท่านั้นแหละ กว่าจะโอนกรรมสิทธิ์กันเป็นทางการน่ะ บางทีเปลี่ยนมือมาเกือบสิบรายก็ยังมี
อ๋อ! ผมเองทำงานบริษัทในกรุงเทพฯ นี่เอง แต่ไม่มีทุนหนาพอที่จะเข้าไปวัดดวงเก็งกำไรกับเขา ไม่ว่าในตลาดหุ้นหรือซื้อขายที่ดิน แต่มีเพื่อนฝูงที่ทั้งเล่นหุ้น-เล่นที่อยู่หลายคน
"สมพงษ์" เป็นนักเล่นที่ตัวยง ไม่ใช่ซื้อมาขายไปนะครับ แต่จ่ายมัดจำได้ไม่กี่วันก็ขายต่อทำกำไรเหนาะๆ เพราะมีประสบการณ์เป็นนายหน้าค้าที่ดินมาก่อน ทำให้มองทะลุว่าควรจะเก็งกำไรที่ไหน? เมื่อไหร่? เพื่อนผมคนนี้ยังไม่เคยขาดทุนซักครั้งเดียว!
เหตุการณ์ขนหัวลุกเกิดขึ้นเมื่อสมพงษ์ไปซื้อที่ดินเก็งกำไรถึงหล่มสัก เพชรบูรณ์
ได้ข่าวว่าเขาเทียวไปเทียวมาบ่อยหน บางทีก็ขึ้นไปถึงเขาค้อโน่นแน่ะ ซื้อมาขายไปหลายครั้ง ไม่ว่าที่หล่มสักหรือหล่มเก่า น้ำหนาว...เพื่อนผมลุยมาทั่ว โดยมีลูกน้องที่นั่นชื่อชาญ คอยดูแลเรื่องที่ดิน มองหาที่สวยๆ ให้ซื้อไว้เก็งกำไร และป่าวประกาศบอกราคาสำหรับการต่อรอง ที่นั่นเขาเรียกว่า "ร้อง" ครับ
วันหนึ่งสมพงษ์ก็ชวนผมไปด้วย อ้างว่าจะได้ไปเที่ยวเตร่ต่างจังหวัดที่ทิวทัศน์สวยงาม อากาศบริสุทธิ์ ไม่ใช่มีแต่มลพิษจากท่อไอเสียกับโรงงานอุตสาหกรรมในกรุงเทพฯ ยิ่งเขาค้อด้วยสวยงามนักหนา ขนาดได้ชื่อว่า "สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย" ก็แล้วกัน
สมพงษ์ขับรถมารับผมที่บ้านรังสิตออกเดินทางแต่เช้ามืด มุ่งหน้าไปตามเส้นทางสระบุรี-หล่มสัก จนกระทั่งถึงเพชรบูรณ์ กินอาหารกลางวัน แล้วบึ่งต่อไปหล่มสักใช้เวลาเกือบชั่วโมงก็ถึงโรงแรมหรูหราสร้างใหม่ เปิดห้องอาบน้ำอาบท่า ก่อนจะไปบ้านลูกน้องที่อยู่ถัดจากตัวอำเภอไปไม่ไกลนัก
จอดรถไว้ที่นั่นแล้วนั่งรถปิกอัพของนายชาญอายุราว 40 เศษ ผอมสูง ตัดผมเกรียน ท่าทางคล่องแคล่วสมกับคนที่มีอาชีพเป็นนายหน้าซื้อขายที่ดิน...คราวนี้บอกว่ามีที่ดินแถวอ่างเก็บน้ำศรีจันทร์น่าสนใจ แม้ด้านหน้าจะกว้างแต่ก็ไม่ลึกนัก ภาษานักเล่นที่เขาเรียกที่ดินแบบนี้ว่า "เส้นก๋วยเตี๋ยว" คือแคบและยาว
จากหล่มสักไปทางบ้านติ้ว เข้าถนนที่มุ่งหน้าไปทางบ้านอิบุญ...ถนนเส้นนี้แปลกตรงที่ถมไว้สูงมาก จนผิวถนนไล่เลี่ยกับหน้าบ้านชั้นเดียวใต้ถุนสูง ถ้าเป็นบ้านเตี้ยๆ ถนนก็จะสูงกว่าหลังคาด้วยซ้ำไป
เราไปถึงจุดหมายที่อยู่ติดกับเนินเขาดินแดงด้านขวามือ สมพงษ์บอกผมว่าที่ราวสิบไร่นี่ไม่ค่อยสวย แต่ราคาก็ย่อมเยาน่าสนใจ เจ้าของ "ร้อง" มาแค่สองหมื่นห้าเท่านั้น...อาจจะต่อรองได้เหลือไร่ละสองหมื่น อย่างมากก็ไม่เกินสองหมื่นห้า
ตอนนั้นตะวันใกล้จะตกดินแล้ว เพื่อนผมสั่งลูกน้องให้กลับหล่มสัก...คราวนี้จะได้เข้าไปดื่มกินในร้านดีๆ ที่มีดนตรีและนักร้องสาวสวยมาขับกล่อมให้สำราญใจ
ที่เส้นทางเดิมนั่นเอง สองข้างทางมีบ้านที่ปลูกกันอยู่ห่างๆ ตะวันคล้อยดวงอย่างรวดเร็ว จู่ๆ ก็มีเสียงแตรดังไล่หลัง นายชาญมองทางกระจกหลังอย่างหงุดหงิด เพราะถนนโล่งว่างแท้ๆ เขาเองก็ไม่ได้ขับกินเลนขวางทาง แล้วจะมาบีบแตรไล่อยู่ทำไม?
รถกระบะที่เปิดไฟสว่างจ้าเพราะความมืดมาถึงอย่างรวดเร็ว สมพงษ์เลยสั่งลูกน้องให้ชะลอรถเข้าข้างทาง...รถกระบะคันนั้นก็ขับขึ้นมาตีคู่กับเราที่หันไปมองพร้อมๆ กัน
นรกเป็นพยาน! หญิงชายกลุ่มหนึ่งราว 5-6 คนนั่งอยู่ด้านหลังหันมามองหน้าเราพลางแสยะยิ้ม...ใบหน้าเปรอะเลือด ปากฉีกกว้าง บาดแผลเหวอะหวะเต็มไปหมด เล่นเอานายชาญถึงกับร้องเฮ้ย! กระทืบเบรกจนเราแทบหัวคะมำแม้จะชะลอรถแล้วก็เถอะเอ้า
รถปีศาจคันนั้นแซงขึ้นไปช้าๆ หายลับไปท่ามกลางความมืดของป่าเขาอันเยือกเย็น...แม้ว่าเวลาจะผ่านมาสิบปีเศษแล้วก็ตาม แต่เมื่อนึกภาพอสุรกายเต็มรถในวันนั้นขึ้นมาทีไร เป็นขนหัวลุกทุกทีครับ!
ขอบคุณบทความจาข่าวสด
ผมเคยได้ยินได้ฟังเรื่องผีหลอกตามทางหลวงมามากมาย ตั้งแต่หลอกหลอนพอหอมปากหอมคอ จนถึงระดับดุร้ายสาหัสสากรรจ์ชนิดวิ่งตัดหน้ารถ ไม่ว่าใครจะใจแข็งแค่ไหนก็ต้องหักรถหลบโดยสัญชาตญาณ ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง บาดเจ็บสาหัสบ้าง พิกลพิการบ้าง...กระทั่งถึงแก่ชีวิตไปเลยก็มี
แต่แล้วผมก็มาประสบกับเหตุการณ์สุดสยองเข้ากับตัวเอง ทำให้แน่ใจว่าเรื่องผีทางหลวงหลากหลายที่ได้ยินมาน่ะ กลายเป็นผีเด็กๆ ไปเลย!
เมื่อตอนที่เศรษฐกิจบูมระเบิด ก่อนจะถึงคราวฟองสบู่แตกราว 2-3 ปีน่ะ ไม่ว่าตลาดหุ้นหรือการเก็งกำไรที่ดิน ล้วนแต่ไปโลด ราคาที่ดินถูกปั่นเกือบทุกวันก็ว่าได้ บางทีซื้อเช้า-บ่ายขายก็ยังมี ส่วนมากก็แค่มัดจำเท่านั้นแหละ กว่าจะโอนกรรมสิทธิ์กันเป็นทางการน่ะ บางทีเปลี่ยนมือมาเกือบสิบรายก็ยังมี
อ๋อ! ผมเองทำงานบริษัทในกรุงเทพฯ นี่เอง แต่ไม่มีทุนหนาพอที่จะเข้าไปวัดดวงเก็งกำไรกับเขา ไม่ว่าในตลาดหุ้นหรือซื้อขายที่ดิน แต่มีเพื่อนฝูงที่ทั้งเล่นหุ้น-เล่นที่อยู่หลายคน
"สมพงษ์" เป็นนักเล่นที่ตัวยง ไม่ใช่ซื้อมาขายไปนะครับ แต่จ่ายมัดจำได้ไม่กี่วันก็ขายต่อทำกำไรเหนาะๆ เพราะมีประสบการณ์เป็นนายหน้าค้าที่ดินมาก่อน ทำให้มองทะลุว่าควรจะเก็งกำไรที่ไหน? เมื่อไหร่? เพื่อนผมคนนี้ยังไม่เคยขาดทุนซักครั้งเดียว!
เหตุการณ์ขนหัวลุกเกิดขึ้นเมื่อสมพงษ์ไปซื้อที่ดินเก็งกำไรถึงหล่มสัก เพชรบูรณ์
ได้ข่าวว่าเขาเทียวไปเทียวมาบ่อยหน บางทีก็ขึ้นไปถึงเขาค้อโน่นแน่ะ ซื้อมาขายไปหลายครั้ง ไม่ว่าที่หล่มสักหรือหล่มเก่า น้ำหนาว...เพื่อนผมลุยมาทั่ว โดยมีลูกน้องที่นั่นชื่อชาญ คอยดูแลเรื่องที่ดิน มองหาที่สวยๆ ให้ซื้อไว้เก็งกำไร และป่าวประกาศบอกราคาสำหรับการต่อรอง ที่นั่นเขาเรียกว่า "ร้อง" ครับ
วันหนึ่งสมพงษ์ก็ชวนผมไปด้วย อ้างว่าจะได้ไปเที่ยวเตร่ต่างจังหวัดที่ทิวทัศน์สวยงาม อากาศบริสุทธิ์ ไม่ใช่มีแต่มลพิษจากท่อไอเสียกับโรงงานอุตสาหกรรมในกรุงเทพฯ ยิ่งเขาค้อด้วยสวยงามนักหนา ขนาดได้ชื่อว่า "สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย" ก็แล้วกัน
สมพงษ์ขับรถมารับผมที่บ้านรังสิตออกเดินทางแต่เช้ามืด มุ่งหน้าไปตามเส้นทางสระบุรี-หล่มสัก จนกระทั่งถึงเพชรบูรณ์ กินอาหารกลางวัน แล้วบึ่งต่อไปหล่มสักใช้เวลาเกือบชั่วโมงก็ถึงโรงแรมหรูหราสร้างใหม่ เปิดห้องอาบน้ำอาบท่า ก่อนจะไปบ้านลูกน้องที่อยู่ถัดจากตัวอำเภอไปไม่ไกลนัก
จอดรถไว้ที่นั่นแล้วนั่งรถปิกอัพของนายชาญอายุราว 40 เศษ ผอมสูง ตัดผมเกรียน ท่าทางคล่องแคล่วสมกับคนที่มีอาชีพเป็นนายหน้าซื้อขายที่ดิน...คราวนี้บอกว่ามีที่ดินแถวอ่างเก็บน้ำศรีจันทร์น่าสนใจ แม้ด้านหน้าจะกว้างแต่ก็ไม่ลึกนัก ภาษานักเล่นที่เขาเรียกที่ดินแบบนี้ว่า "เส้นก๋วยเตี๋ยว" คือแคบและยาว
จากหล่มสักไปทางบ้านติ้ว เข้าถนนที่มุ่งหน้าไปทางบ้านอิบุญ...ถนนเส้นนี้แปลกตรงที่ถมไว้สูงมาก จนผิวถนนไล่เลี่ยกับหน้าบ้านชั้นเดียวใต้ถุนสูง ถ้าเป็นบ้านเตี้ยๆ ถนนก็จะสูงกว่าหลังคาด้วยซ้ำไป
เราไปถึงจุดหมายที่อยู่ติดกับเนินเขาดินแดงด้านขวามือ สมพงษ์บอกผมว่าที่ราวสิบไร่นี่ไม่ค่อยสวย แต่ราคาก็ย่อมเยาน่าสนใจ เจ้าของ "ร้อง" มาแค่สองหมื่นห้าเท่านั้น...อาจจะต่อรองได้เหลือไร่ละสองหมื่น อย่างมากก็ไม่เกินสองหมื่นห้า
ตอนนั้นตะวันใกล้จะตกดินแล้ว เพื่อนผมสั่งลูกน้องให้กลับหล่มสัก...คราวนี้จะได้เข้าไปดื่มกินในร้านดีๆ ที่มีดนตรีและนักร้องสาวสวยมาขับกล่อมให้สำราญใจ
ที่เส้นทางเดิมนั่นเอง สองข้างทางมีบ้านที่ปลูกกันอยู่ห่างๆ ตะวันคล้อยดวงอย่างรวดเร็ว จู่ๆ ก็มีเสียงแตรดังไล่หลัง นายชาญมองทางกระจกหลังอย่างหงุดหงิด เพราะถนนโล่งว่างแท้ๆ เขาเองก็ไม่ได้ขับกินเลนขวางทาง แล้วจะมาบีบแตรไล่อยู่ทำไม?
รถกระบะที่เปิดไฟสว่างจ้าเพราะความมืดมาถึงอย่างรวดเร็ว สมพงษ์เลยสั่งลูกน้องให้ชะลอรถเข้าข้างทาง...รถกระบะคันนั้นก็ขับขึ้นมาตีคู่กับเราที่หันไปมองพร้อมๆ กัน
นรกเป็นพยาน! หญิงชายกลุ่มหนึ่งราว 5-6 คนนั่งอยู่ด้านหลังหันมามองหน้าเราพลางแสยะยิ้ม...ใบหน้าเปรอะเลือด ปากฉีกกว้าง บาดแผลเหวอะหวะเต็มไปหมด เล่นเอานายชาญถึงกับร้องเฮ้ย! กระทืบเบรกจนเราแทบหัวคะมำแม้จะชะลอรถแล้วก็เถอะเอ้า
รถปีศาจคันนั้นแซงขึ้นไปช้าๆ หายลับไปท่ามกลางความมืดของป่าเขาอันเยือกเย็น...แม้ว่าเวลาจะผ่านมาสิบปีเศษแล้วก็ตาม แต่เมื่อนึกภาพอสุรกายเต็มรถในวันนั้นขึ้นมาทีไร เป็นขนหัวลุกทุกทีครับ!
ขอบคุณบทความจาข่าวสด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!