หนูหนาวเหลือเกิน
"เป้" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อพบเด็กหญิงที่หาดระยอง
ว่ากันว่า ถ้าคนเราต้องตายก่อนวัยอันควร พูดง่ายๆ คือเกิดเหตุที่ทำให้ตายก่อนถึงวันสิ้นอายุขัยแล้ว วิญญาณจะไม่ไปไหนหรอก ยังคงวนเวียนอยู่ในโลกนี้ด้วยความเป็นห่วงเป็นกังวลว่าภารกิจของตนยังไม่จบสิ้น มีสิ่งคั่งค้างที่จะต้องทำอีกมากมาย
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นเมื่อเกือบสิบปีก่อน ตอนที่ผมเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยกำลังหางานทำแต่ก็หายากเหลือเกิน ผมตกที่นั่งเดียวกับเพื่อนๆ คือเตะฝุ่นไปเรื่อยๆ และแบมือขอเงินแม่ใช้ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากหรอกครับ เที่ยวเตร่สนุกสนานไปด้วยซ้ำ
มีอยู่คราวหนึ่งผมไปเที่ยวระยองกับเพื่อนเกือบสิบคน ไปเช่ารีสอร์ตที่ริมทะเล พวกเราสิงสู่อยู่ชายหาดตั้งแต่จวนเย็นจนมืดค่ำ เพื่อนกลุ่มหนึ่งอาสาไปซื้อเหล้าเบียร์และกับ แกล้มมานั่งกินกันให้สำราญแถวชายหาดนั่นแหละ ส่วนผมนั่งผึ่งลมเล่น เฝ้าเสื้อเฝ้าของอยู่กับเพื่อนอีก 2-3 คน
ราวทุ่มกว่าๆ เห็นจะได้ เพื่อนพาแฟนไปเดินเล่นกะหนุง กะหนิง ทิ้งผมนอนดูเดือนข้างขึ้นอยู่คนเดียว บรรยากาศนั้นไม่น่ากลัวหรอก เพราะมีแสงไฟรีสอร์ตค่อนข้างสว่างและไม่เปลี่ยวเท่าไรนัก
ขณะนอนเพลินๆ ผมรู้สึกว่ามีใครเดินมาอยู่ข้างๆ พอลืมตาขึ้นก็เห็นเด็กตัวนิดเดียวยืนอยู่คนหนึ่งเป็นเด็กผู้หญิงอายุราว 7 ขวบ...แสงไฟส่องให้เห็นว่าเธอใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีขาวลายการ์ตูน กางเกงขาสั้นสีแดง เปียกโชกไปทั้งตัวรวมทั้งหัวเปียกปอนจนมีน้ำหยดติ๋งๆ
"ไม่หนาวเหรอ?" ผมทัก ในใจคิดว่าเด็กอะไรค่ำมืดยังไม่รู้จักขึ้นบ้าน
"หนาว.." เสียงเศร้าๆ ดังเคล้ากับเสียงคลื่นเซาะหาด เธอห่อไหล่ ตัวสั่นขึ้นมาทันทีจนผมอดเวทนาไม่ได้...หรือว่าเธอจะหลงทาง?
"พ่อแม่ไปไหนล่ะ ทำไมมาคนเดียว หลงกับใครรึเปล่า?"
เด็กน้อยก้มหน้า ตอบเบาๆ ว่าทุกคนกลับบ้านไปหมดแล้ว...เป็นเรื่องละซิ! ผมเจอเด็กหลงทางเข้าจริงๆ ด้วย ผมรีบลุกขึ้นนั่ง ตั้งใจว่าต้องช่วยเด็กคนนี้แล้วละ เลยถามว่าเธอมาจากไหน? บ้านช่องอยู่ที่ใด?
เธอตอบว่าบ้านอยู่อยุธยา มาเที่ยวทะเลกับพ่อแม่พี่น้อง และเธอกลับบ้านไม่ได้...ลมหนาวพัดมาวูบหนึ่ง แปลกมากที่อากาศค่อนข้างอบอ้าว แต่ลมนั่นเป็นลมหนาวจนผม ขนลุกซ่าไปทั้งตัว
"จะให้พี่ช่วยอะไรล่ะ? ไปหาตำรวจด้วยกันมั้ย?"
เธอไม่ตอบ แต่เงยหน้ามองผม...ตอนนั้นเองผมสังเกตว่านัยน์ตาเธอแดงก่ำเหมือนเส้นเลือดตาขาวแตก...เมื่อกี้ยังไม่เป็นไรเลยนี่นา...อากาศยิ่งหนาวเย็น เสียงคลื่นก็คล้ายเสียงใครกำลังร้องไห้อยู่ใกล้ๆ
ผมรู้สึกว่ายิ่งจ้องนาน เธอเริ่มค่อยๆ เปลี่ยนไปทุกที มีน้ำใสๆ ไหลรินออกจากจมูก และเมื่อเธออ้าปากขึ้นก็มีน้ำไหลออกมาเหมือนกัน สีผิวทั้งใบหน้าและเนื้อตัวของเธอคล้ำลงต่อหน้าต่อตาผมจนดูเขียวไปหมด
คุณพระช่วย! นี่มันศพเด็กจมน้ำตายชัดๆ ผมใจหายวาบ ตัวแข็งทื่อ
"หนูอยากกลับบ้าน..." เสียงปนสะอื้นดังวู่หวิว "อยากไปโรงเรียน หนูกำลังจะสอบด้วย ฮืออออ...ช่วยหนูด้วยเถอะจ้ะ..."
ขนหัวผมลุกซ่า ม่านตาพร่าพราย แต่ยังเห็นว่าเธอพูดโดยไม่เปิดปากแม้แต่น้อย น้ำใสๆ ยังไหลพลั่กๆ ออกจากปากและจมูก แถมยังมีเลือดเป็นสายบางๆ ปนออกมาด้วย ผมรู้สึกหน้ามืด วิงเวียนวูบวาบเหมือนโลกทั้งโลกกำลังหมุนติ้ว...
ทันใดนั้นเสียงเพื่อนก็เรียกชื่อผมอย่างตกใจ พอดีกับที่ผมหงายหลังผลึ่ง...ภาพสุดท้ายที่เห็นก่อนจะหมดสตินั้น เด็กน้อย ยังยืนอยู่ที่เดิม แต่ดูเหมือนเพื่อนผมจะไม่เห็นเธอ
...เมื่อฟื้นขึ้นมา เพื่อนบอกว่าผมหมดสติไปราวห้านาที พวกเขาตกใจมากที่เห็นนั่งพูดอยู่คนเดียว แล้วอยู่ดีๆ ก็โงนเงน ล้มตึงไปเฉยๆ
ทุกคนตื่นเต้นกับเรื่องที่ผมเล่า...เรารีบเก็บข้าวของและม้วนเสื่อขึ้นข้างบน...
ชายหาดแห่งนี้เคยมีเด็กจมน้ำตายแทบทุกปี จนเป็นที่เลื่องลือ นึกไม่ถึงว่าผมจะได้มาเจอกับวิญญาณของเด็กหญิงที่น่าสงสาร ภาพของเธอยังติดหูติดตาผมมาจนถึงทุกวันนี้ น่าสงสารเหลือเกิน...เวลาทำบุญใส่บาตร ผมก็จะอุทิศส่วนกุศลให้เธอสงบสุข
ผมอยากช่วยเธอมากกว่านี้ แต่ไม่รู้จะทำยังไง ในใจคิดอยู่เสมอว่าเด็กน้อยห่วงเรียนห่วงสอบ ผมอธิษฐานจิตบอกเธอเสมอว่าไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้วละ เธอจากโลกนี้ไปแล้วละ ขอให้สู่สุคติเถอะนะ!
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!