มนต์เรียกผี


มนต์เรียกผี

"ป้างาม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อไปเที่ยวป่าช้าเก่า

ถ้าพูดถึงเรื่องผีๆ สางๆ ป้าเองก็ไม่น้อยหน้าใครหรอกค่ะ ...ไม่ใช่ว่าเป็นคนเก่งกาจไม่กลัวผีนะคะ ตรงกันข้าม คือกลัวแสนกลัว แต่ก็ถูกหลอกหลอนมาไม่มากไม่น้อย ขนาดเคยนึกปลงๆ ว่าน่าจะคุ้นเคยกันดีแล้วนี่นา ป้ากับผีน่ะ

คือบ้านช่องอยู่ใกล้ๆ ป่าช้าผีดิบมาแต่เล็กแต่น้อยแล้ว ไม่คุ้นก็ต้องคุ้นค่ะคุณ ขืนกลัวนั่นกลัวนี่มากไปคนเขาจะหาว่าเราดัดจริตน่ะ ไม่ใช่อะไร

เดี๋ยวก่อน...ป่าช้าผีดิบที่ว่าน่ะไม่เหมือนผีฝรั่งนะคะ แต่เป็นผีที่ตายเพราะความแก่ชรา หรือเจ็บไข้ตาย ไม่ใช่ตายเพราะถูกฆ่าหรือฆ่าตัวตาย รวมทั้งตายเพราะอุบัติเหตุที่เรียกว่าผีตายโหง... ประเภทหลังนี่ต้องไปอยู่ป่าช้าผีสุกค่ะ คือฝังเอาไว้ก่อนซักปีสองปีถึงจะขุดขึ้นมาเผา

เหลือแต่ซากหรือกระดูกเท่านั้นแหละ เขาถึงเรียกป่าช้าผีสุกไงคะ!

คนต่างถิ่นก็อยากมาดูป่าช้าผีดิบกัน แล้วพูดคุยกันไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าไม่น่ากลัวเพราะเผาจี่ไปหมดแล้ว วิญญาณคงจะไปผุดไปเกิดกันหมด แต่บ้างก็ว่าไม่แน่หรอก เพราะขึ้นชื่อว่าป่าช้าเสียอย่าง ถึงจะไม่มีศพอยู่ในหลุม แต่กองฟอนหรือเถ้ากระดูกที่กระจายอยู่รอบเมรุน่ะเป็นประจักษ์พยานว่าเคยมีศพที่โดนเผามาไม่รู้ว่ากี่ร้อยกี่พันศพแล้ว

ใครอยากดูป้าก็พาไปดู บรรยากาศก็ค่อนข้างร่มครึ้ม มีกอไผ่ ต้นข่อย กับไม้ล้มลุกขึ้นเกือบรอบเมรุ เสียงแมลงที่ระงมอยู่ในซุ้มไม้กลับเงียบเชียบ เพิ่มความวังเวงจนรู้สึกเสียวหลังชอบกล

วันก่อนหลานสาวจากกรุงเทพฯ ก็พาเพื่อนผู้หญิงสองคนมาเที่ยวอยุธยา ชื่อแป้งกับไผ่ ทาปากทาแป้งเหมือนจะไปเล่นละครชาตรี แต่งตัวชะเวิกชะวากน่าขนลุก เสื้อสายเดี่ยวกับกางเกงขาสั้นจุนจู๋ ไม่รู้ว่าจะโชว์ขาอ่อนขาวๆ ไปให้ใครดู...สงสัยจะมาอวดผีซะละมั้ง?

อยากมาทัศนาจ้อน...เอ๊ย! ทัศนาจรป่าช้าผีดิบกันค่ะ!

ฟังสาวสมัยใหม่พูดคุยกันเล่นเอาป้าเวียนหัวไปหมด เดี๋ยวก็ "เค้าอยากดูจังเงยง่ะ...ผีดุจริงๆ เหงอ?" เดี๋ยวก็ "ต๊าย! ขนลุกหมดล้าววว..." คนแก่ๆ อย่างป้าฟังแล้วพลอยขนลุกขนชัน จะบอกว่า "อย่ากระแดะนักเลย นังหนูเอ๊ย!" ก็คงไม่เข้าใจ "กระแดะ" แปลว่าอะไร?

เอ้า! หลานสาวมันโฆษณาสรรพคุณเอาไว้เยอะนี่ อยากดูนักก็จะพาไปดู เผื่อผีหนุ่มผีแก่ที่ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิดจะได้ดูเด็กสาวสวยๆ อกพุ่งสะโพกผาย ก้นงอนๆ แก้เหงามั่ง

เย็นนั้นป้าก็ออกนำหน้า มีหลานสาวกับเพื่อนเดินตามพลางพูดคุยจ๋อยๆไม่ขาดปาก ยังกะจะไปดูหนังหรือกำลังเดินนวย นาดอวดสายตาพวกหนุ่มๆ จนกระทั่งเลี้ยวเข้าสู่เขตป่าช้า เห็นหลังคาเมรุเขรอะสนิมจนเป็นรู...แป้งกับไผ่วิ่งออกหน้าเหมือนเป็นเจ้าถิ่น ร้องแจ้วๆ ว่า...ถึงป่าช้าผีดิบแล้วโว้ย!

ป้ารีบเดินตามหลัง...ท้องฟ้ามืดครึ้มด้วยเมฆหนาทึบบดบังแสงอาทิตย์ แต่แม่พวกสาวๆ ไม่แยแสหรือหวาดกลัวหรอกค่ะ ส่งเสียงกิ๊วก๊าวกันอย่างสนุก หลานสาวป้าก็ต้องคอยตอบคำถามเพื่อนที่ดังจ๋อยๆ แทบไม่ขาดปาก

เนี่ยที่เผาผีเหงอ? เมรุหรือเชิงตะกอน? ขี้เถ้าขาวๆ ข้างหลังน่ะอะไร? ว้าย! ขี้เถ้ากระดูกผี! แล้วมีผีอยู่ปะ? โหย...ขนลุกหมด ล้าวว...

ป่าช้าผีดิบนี่ไม่ได้เผาผีมาหลายปีแล้วล่ะค่ะ เขาย้ายไปป่าช้าที่วัดกันหมด ไม่ว่าผีดิบหรือผีสุก แต่ป่าช้าเก่าก็ยังไม่มีใครมารื้อหรือโก่นถาง ปลูกสร้างอะไรขึ้นมาเสียที...แป้งกับไผ่เดินดูนั่นดูนี่ เห็นอะไรก็ทักดะไปหมด...นั่นหน่อไม้ใช่มั้ย? นี่ต้นอะไร? ข่อยเหรอ...ไม่เคยได้ยินแฮะ...ต๊าย! เอาไปเคี้ยวมั่ง ทุบมาสีฟันมั่ง? ทำไมไม่รู้จักใช้แปรงนะ?

เสียงพูดแจ้วๆ แทบไม่หยุดปาก ป้านึกถึงผีๆ สางๆ อย่างช่วยไม่ได้...ถ้าผีมีจริงพวกผีผู้ชายไม่ว่าหนุ่มหรือแก่คงจะจ้องมองอกอวบๆ กับขาขาวๆ อวบอัดอล่องฉ่องของสองสาวมั่งหรอกน่า...

จู่ๆ สายลมก็พัดฮือขึ้นมาจนยอดไม้ไหวซ่า เกิดเสียงเกรียวกราวบนหลังคาเล่นเอาป้าตกใจ...นึกถึงผีๆ ก็มาเลยรึไง? แต่มีเสียงพึ่บๆ พั่บๆ บาดใจ ก่อนที่สังกะสีเขรอะสนิมจะถูกลมหอบปลิวว่อนลงมาสองแผ่น เรียกเสียงวี้ดว้ายจากพวกสาวๆ ที่หน้าซีดหน้าเซียวไปตามๆ กัน

ความมืดโรยตัวลงมาอย่างรวดเร็ว ตกลงว่ากลับบ้านซะที แต่แป้งกับไผ่เหลียวไปมองข้างหลังไม่หยุดหย่อน ป้าถามว่ามองอะไรก็ถูกถามกลับว่า มีบ้านใกล้ๆ ป้าช้าด้วยหรือ? ป้าส่ายหน้าบอกว่าไม่มีหรอก แต่สองสาวย่นคิ้ว หันไปชี้มือให้ป้าดู

"แล้วผู้ชายพวกนั้นมาจากไหนล่ะป้า? เค้าตามเรามาตั้งหลายคนแน่ะ"

ป้าหันไปมองแต่ไม่เห็นอะไร เลยได้แต่อ้าปากค้าง แข้งขาแข็งทื่อไปหมด เสียงแจ๋วๆ ดังอีกว่า...ป้าเห็นใช่มั้ย? ดูซี่! เขาเดินมาหาเราแล้ว!

คราวนี้ป้าตกใจจนพูดไม่ออก แต่จ้ำอ้าวไม่เหลียวหลัง เสียงหลานสาวร้องว่าพวกเธอโดนผีหลอกน่ะซี! เท่านั้นละค่ะวิ่งกันตูดแป้น แซงป้าไปเลย! เฮ้อ....



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์