ขึ้นจากหลุม


ขึ้นจากหลุม

"ลือชา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากป่าช้าร้าง


ผมเป็นคนหนึ่งที่ยอมรับว่ากลัวผี ไม่ใช่เพิ่งกลัวนะครับ แต่อกสั่นขวัญแขวนมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ไม่ว่ากลางคืนหรือกลางวันก็กลัว ยิ่งเด็กท้องนาที่ค่อนข้างอยู่ห่างจากความเจริญแหม! บรรยากาศมันช่างเปล่าเปลี่ยวเยือกเย็นวังเวงใจอย่างบอกไม่ถูก

เด็กๆ มักกลัวผีนี่ผมพูดไม่ค่อยเต็มปากเท่าไหร่ เพราะเพื่อนๆ ผมอย่างเจ้าอั้นกับเจ้าเตี้ยน่ะมันไม่กลัวผี ประกาศอยู่เรื่อยว่าเกิดมายังไม่เคยเห็นผีซักที แล้วจะกลัวผีให้โง่ไปทำไม?

เพื่อนสองคนที่ว่านี้อยู่บ้านใกล้ๆ กับผม สมัยก่อนน่ะบ้านนาในนครนายกยังไม่มีบ้านเรือนคึกคัก ผู้คนขวักไขว่เหมือนทุกวันนี้ ตกค่ำก็ดับไฟหลับนอนกันหมดแล้วครับ

ยกเว้นแต่จะมีงานวัด มีมหรสพกับแสงเสียงครึกครื้นกันซักครั้ง


อ้อ! สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมกลัวผีก็เพราะได้ยินพวกผู้ใหญ่เขาพูดกันว่าด้านหลังหมู่บ้านเราเคยเป็นป่าช้ามาก่อน ตอนหลังถึงได้มาเผาผีกันที่วัด นึกถึงศพที่ถูกเผาถูกฝังมาไม่รู้ว่ากี่สิบปีแล้วทำให้ขนลุกขนพองจริงๆ เอ้า! แถมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขาขุดศพขึ้นมาเผาจี่กันหมดทุกหลุมแล้วหรือยัง?

ความเปล่าเปลี่ยวที่มีแต่ต้นไม้หนาทึบ กับไม้ล้มลุกดูเงียบเชียบ ร่มครึ้ม สระน้ำที่มีแต่จอกแหนกับตะไคร่จับ ขนาดพวกผู้ใหญ่ยังไม่ค่อยอยากจะไปเก็บผักหักฟืน หรือแซะหน่อไม้มากินก็แล้วกัน เหตุนี้เองจึงมีพวกกระต่าย กระจงชุกชุม บางคนบอกว่าเคยเห็นแย้โผล่ออกจากรูมาชูคอสลอน นกกาก็ทำรังร้องเจี๊ยวจ๊าวอย่างสบายใจ เพราะไม่มีใครกล้าไปรบกวนพวกมัน

ยกเว้นแต่จะถึงหน้าฝน เสียงกบร้องมันยั่วใจให้ชาวบ้านออกไปล่ามันมาลงหม้อแกง หรือจะทำผัดทำพล่าอะไรก็โอชะทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกคอเหล้า

พวกเด็กๆ อย่างเราก็เช่นกัน!

เจ้าอั้นกับเจ้าเตี้ยมาชวนผมไปตีกบบ่อยหน ตอนแรกๆ ผมก็อิดเอื้อนเพราะกลัวผี บอกตรงๆ แต่ทนลูกตื๊อของเพื่อนไม่ไหว เจ้าอั้นมีไฟฉาย เจ้าเตี้ยมีตะข้อง ส่วนผมมีแค่ไม้อันเดียวก็ออกไปล่ากบกับพวกมันได้...พอกลับถึงบ้านเราก็แบ่งกันอย่างยุติธรรม สำหรับเป็นกับข้าววันรุ่งขึ้น

ตอนหลังๆ นี่ผมก็ไปกับเพื่อนอย่างเต็มอกเต็มใจจนลืมกลัวผีเสียสนิท

คืนเกิดเหตุฝนตกในตอนเย็น ไม่ช้าเสียงร้องอ๊บๆ ก็ดังยั่วใจขึ้น...เราสามคนออกทางหลังบ้านมุ่งไปทางป่าละเมาะที่มีเวิ้งที่ว่างเฉอะแฉะ ท่ามกลางแสงไฟฉายวูบวาบของเพื่อนบ้านอีกหลายกลุ่ม...เราช่วยกันล่าเหยื่ออย่างแข็งขัน เดี๋ยวตัว...เดี๋ยวตัว...จนเกือบเต็มตะข้อง

จู่ๆ สรรพเสียงก็เงียบกริบไปกะทันหัน ผมแหงนมองท้องฟ้าหนาทึบ แสงไฟที่หนาตาก็ชักจะห่างไกลออกไปทุกที เล่นเอาสังหรณ์กระดูกพิกล


ฟ้าแลบวาบแล้วคำรามเปรี้ยงปร้าง เล่นเอาสะดุงโหยงไปตามๆ กัน ยอดไม้ไหวโอน ส่งเสียงซู่ซ่าทำให้ผมกระเดือกน้ำลาย ชวนเพื่อนกลับบ้าน แต่ไอ้สองคนกลับบอกว่าต้องให้ได้กบเต็มตะข้องเสียก่อน จะได้แบ่งกันได้หลายๆ ตัวหน่อย

"โอ๊บๆ" เสียงร้องค่อนข้างดังทำให้เราหันขวับ...ใกล้กับพงหญ้านั่นคือกบตัวใหญ่ขนาดสองมือประกบกัน นัยน์ตาแดงจ้าจ้องมองสู้ไฟฉาย เจ้าเตี้ยร้องว่า...หวานกูละ! เจ้าอั้นส่องไฟนิ่ง ผมก้าวเข้าไปหวดโครมลงเต็มรัก

"โอ๊ย!!" เสียงร้องเป็นเสียงคนชัดๆ ทำให้เรายืนตะลึง กบเจ้ากรรมนั่นก็หายไปไหนไม่รู้ พอดีมีเสียงครืดดด...ดังมาจากข้างหลังทำให้พวกเราหันไปมอง

คุณพระช่วย! แสงไฟฉายกราดวูบวาบก่อนจะหยุดนิ่งที่ร่างดำมะเมื่อมของชายผู้หนึ่งที่นอนกางแขนกางขาอยู่บนดินเฉอะแฉะ...ร่างนั้นคล้ายจะจมอยู่ในหลุมตื้นๆ แล้วค่อยทรงกายลุกขึ้นมาอย่างเชื่องช้า เสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง ใบหน้าเหี่ยวย่นเหมือนมีแต่โครงกระดูกไม่มีผิด กำลังแสยะยิ้มอย่างน่าเกลียดน่ากลัวเหลือประมาณ

จมูกแบนแฟบ นัยน์ตาคล้ายจะกลวงโบ๋ทั้งสอง แต่มีแสงแดงจ้าราวกับถ่านไฟที่กำลังคุจ้องมองเราเขม็ง!


ไฟฉายหล่นจากมือเจ้าอั้น เหมือนไม้ที่ร่วงจากมือผมกับ เจ้าเตี้ย

"ผีหลอกโว้ย!" มันแหกปากร้อง ขณะที่ภาพน่าสยองนั่นหายไปในความมืดที่สาดพรึ่บเข้ามาเต็มหน้า ผมเผ่นพรวดแต่ยังช้ากว่าเจ้าเตี้ยที่ออกวิ่งไม่คิดชีวิต เจ้าอั้นตามมาติดๆ เราวิ่งล้มลุกคลุกคลานมาถึงบ้าน เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน หอบฮั่กๆ ปิ่มว่าจะขาดใจ

ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าผีในหลุมที่ป่าช้าร้างนั่นจะยังอยู่ แต่ที่ไม่โผล่ขึ้นมาหลอกหลอนในคราวก่อนๆ ก็เพราะไม่ใช่วันพระใหญ่เหมือนคืนนี้น่ะซีครับ! บรื๋อออ...


ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์