วิญญาณยังอยู่
"คนนอกวัด" เล่าเรื่องขนหัวลุกเมื่อประสบกับวิญญาณกลางวันแสกๆ
"แสกอีสานส่องแสงทุกแห่งหน
แสงธรรมดลคนดีทั้งอีสาน
อีสานสืบวัฒนธรรมสืบตำนาน
สืบสายธารแห่งศักดิ์ศรีอีสานไทย"
บทกวีจากนิตยสาร "แสงอีสาน" ของมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตอีสาน ขอนแก่น ฉบับประจำเดือนธันวาคม 2546-กุมภาพันธ์ 2547
จากนิตยสารเล่มเดียวกันนี้ มีพระธรรมเทศนาของพระเดชพระคุณ พระเทพวรคุณแห่งวัดป่าแสงอรุณ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 9 (ธรรมยุต) ว่าด้วยเรื่อง "อบรมจิตใจให้ดี มีสุขทุกที่"
ที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือการเล่าเรื่องเกี่ยวกับกายและจิต ผีมีจริงหรือไม่? ตายแล้วไปไหน?
ท่านเจ้าคุณเทศนาในตอนหนึ่งว่า
"...สิ่งที่เห็นอยู่เมื่อคนเราตายไปแล้วไม่ใช่หยุด ไม่ใช่หยุดอยู่แค่ว่าตายแล้วจะพ้นทุกข์ หากคนคนนั้นยังมีกิเลสตัณหา ยังมีกรรมดีกรรมชั่วอยู่ ก็ต้องเป็นไปตามกรรมของแต่ละคน ไม่ใช่ตายแล้วก็ตายไป
"คนที่ฆ่าตัวตาย คนที่ทำอะไรสารพัด คิดว่าการตายเป็นการสิ้นสุดแห่งการรับกรรมดีกรรมชั่วในชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น ชาติหน้าไม่มี จึงทำอะไรผิดๆ ตามที่เราเห็นกัน เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง"
ท่านเจ้าคุณเทพวรคุณได้ยกตัวอย่างให้อุบาสกอุบาสิกา สดับตรับฟังถึงสองเรื่องด้วยกัน ดังนี้
ที่บ้านหนองโก บ้านตะเกียง พ่อสุนทรเล่าให้ฟังว่า คนไปขายเสื่อขายสาด เกิดเคราะห์หามยามร้ายรถไปคว่ำที่โคราชตอนเที่ยง คือลูกเขยพาแม่ยายไปขายเสื่อกับหมู่คณะราว 6-7 คน เมื่อพ่อสุนทรกลับจากนามากินข้าวเที่ยงที่บ้าน เห็นคนตายคือยายข้างบ้านกันเดินขึ้นไปบนบ้าน จึงถามเมียว่า เอ๊ะ! เห็นยายไปขายเสื่อขึ้นไปบนบ้าน ทำไมกลับมาเร็วนักเล่า?
แต่เมียยอกว่า ไม่ใช่ เขายังไม่กลับมากันเลย จะเห็นกันได้ยังไง?
ส่วนพ่อสุนทรก็ยืนยันว่าตนไม่ได้ตาฝาด เพราะเพิ่งเห็นยายแกเดินขึ้นบ้านไปเมื่อตะกี้นี้เอง!
ฝ่ายเมียกลับยืนยันว่าผัวตาฝาดไปเอง ด้วยความไม่แน่ใจทั้งคู่จึงชวนกันวิ่งขึ้นไปบนบ้าน เปิดหน้าต่างออกมองหาแต่ไม่เจอะเจอใครเลย เกิดสังหรณ์ใจว่าคงจะมีอะไรร้ายๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ครั้นถึงเวลา 5 โมงเย็น ลูกเขยเขากลับมา บอกว่าแม่ยายตายตั้งแต่ตอนเที่ยงวันนี้แล้ว รถคว่ำตายคนเดียว!
สองผัวเมียรู้ข่าวแน่ชัดก็ตกตะลึงตัวชา ได้แต่หันมองสบตา ไม่เข้าใจว่ากลางวันแสกๆ เหตุใดผู้ตายจึงปรากฏกายกลับมาบ้านได้ในเวลานั้น เห็นเป็นรูปร่างปกติเดินขึ้นไปบนบ้านได้เล่าหนอ?
อีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นที่บ้านหัวนาคำ
พ่อใหญ่พันธ์เล่าว่า ญาติป่วยหนักอยู่ที่อำเภอโกสุมพิสัย ขณะนั้นพ่อใหญ่พันธ์ขับรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปในบ้าน ได้พบกับญาติที่ป่วยอยู่นั้น...รายนี้ไม่ธรรมดา เนื่องจากได้พูดคุยทักทายกันด้วย ญาติผู้นั้นบอกว่ามีธุระจะไปที่อื่น ขอฝากลูกหลานให้ช่วยดูแลด้วย เขาจะไปในวันที่ 15-16 นี้เอง
พูดคุยกันแล้วก็เดินเข้าบ้านหายลับไป
พ่อใหญ่พันธ์เอารถไปจอดไว้แล้วจึงคุยกับเมียว่า พี่น้องเรามาจากโกสุมฯ เขามาทำไม เมียบอกว่าไม่มีใครมา พ่อใหญ่พันธ์ร้องว่า ไม่มีได้ยังไง เมื่อสักครู่ได้คุยกันก่อนเข้ามาในบ้าน...ว่าแล้วจึงวิ่งตามเข้าไปดูในบ้าน แต่ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว
พ่อใหญ่พันธ์จึงบอกว่าผิดปกติเสียแล้ว จะต้องเดินทางไปโกสุมฯ แล้วจัดเตรียมข้าวของเพื่อเดินทางวันรุ่งขึ้น เพราะคิดว่าคงเกิดเหตุร้ายแน่นอน
ครั้นรุ่งเช้านำกระเป๋าขึ้นรถ ได้แวะซื้ออาหารที่อำเภอเชียงยืน มีคนรู้จักเล่าให้ฟังว่า ญาติที่บ้านหัวนาคำเมื่อคืนนี้ตายแล้ว พ่อใหญ่พันธ์รีบขับรถมอเตอร์ไซค์ไปจนถึงอำเภอโกสุมฯ ถึงบ้านญาติเห็นเขาจัดตั้งศพกำลังประดับประดาอยู่
เป็นไปได้ยังไง คนตายแล้วยังพูดได้ ไม่ใช่เห็นแต่รูปร่างเท่านั้น...ขนลุกหัวครับ!
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
"แสกอีสานส่องแสงทุกแห่งหน
แสงธรรมดลคนดีทั้งอีสาน
อีสานสืบวัฒนธรรมสืบตำนาน
สืบสายธารแห่งศักดิ์ศรีอีสานไทย"
บทกวีจากนิตยสาร "แสงอีสาน" ของมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตอีสาน ขอนแก่น ฉบับประจำเดือนธันวาคม 2546-กุมภาพันธ์ 2547
จากนิตยสารเล่มเดียวกันนี้ มีพระธรรมเทศนาของพระเดชพระคุณ พระเทพวรคุณแห่งวัดป่าแสงอรุณ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 9 (ธรรมยุต) ว่าด้วยเรื่อง "อบรมจิตใจให้ดี มีสุขทุกที่"
ที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือการเล่าเรื่องเกี่ยวกับกายและจิต ผีมีจริงหรือไม่? ตายแล้วไปไหน?
ท่านเจ้าคุณเทศนาในตอนหนึ่งว่า
"...สิ่งที่เห็นอยู่เมื่อคนเราตายไปแล้วไม่ใช่หยุด ไม่ใช่หยุดอยู่แค่ว่าตายแล้วจะพ้นทุกข์ หากคนคนนั้นยังมีกิเลสตัณหา ยังมีกรรมดีกรรมชั่วอยู่ ก็ต้องเป็นไปตามกรรมของแต่ละคน ไม่ใช่ตายแล้วก็ตายไป
"คนที่ฆ่าตัวตาย คนที่ทำอะไรสารพัด คิดว่าการตายเป็นการสิ้นสุดแห่งการรับกรรมดีกรรมชั่วในชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น ชาติหน้าไม่มี จึงทำอะไรผิดๆ ตามที่เราเห็นกัน เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง"
ท่านเจ้าคุณเทพวรคุณได้ยกตัวอย่างให้อุบาสกอุบาสิกา สดับตรับฟังถึงสองเรื่องด้วยกัน ดังนี้
ที่บ้านหนองโก บ้านตะเกียง พ่อสุนทรเล่าให้ฟังว่า คนไปขายเสื่อขายสาด เกิดเคราะห์หามยามร้ายรถไปคว่ำที่โคราชตอนเที่ยง คือลูกเขยพาแม่ยายไปขายเสื่อกับหมู่คณะราว 6-7 คน เมื่อพ่อสุนทรกลับจากนามากินข้าวเที่ยงที่บ้าน เห็นคนตายคือยายข้างบ้านกันเดินขึ้นไปบนบ้าน จึงถามเมียว่า เอ๊ะ! เห็นยายไปขายเสื่อขึ้นไปบนบ้าน ทำไมกลับมาเร็วนักเล่า?
แต่เมียยอกว่า ไม่ใช่ เขายังไม่กลับมากันเลย จะเห็นกันได้ยังไง?
ส่วนพ่อสุนทรก็ยืนยันว่าตนไม่ได้ตาฝาด เพราะเพิ่งเห็นยายแกเดินขึ้นบ้านไปเมื่อตะกี้นี้เอง!
ฝ่ายเมียกลับยืนยันว่าผัวตาฝาดไปเอง ด้วยความไม่แน่ใจทั้งคู่จึงชวนกันวิ่งขึ้นไปบนบ้าน เปิดหน้าต่างออกมองหาแต่ไม่เจอะเจอใครเลย เกิดสังหรณ์ใจว่าคงจะมีอะไรร้ายๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ครั้นถึงเวลา 5 โมงเย็น ลูกเขยเขากลับมา บอกว่าแม่ยายตายตั้งแต่ตอนเที่ยงวันนี้แล้ว รถคว่ำตายคนเดียว!
สองผัวเมียรู้ข่าวแน่ชัดก็ตกตะลึงตัวชา ได้แต่หันมองสบตา ไม่เข้าใจว่ากลางวันแสกๆ เหตุใดผู้ตายจึงปรากฏกายกลับมาบ้านได้ในเวลานั้น เห็นเป็นรูปร่างปกติเดินขึ้นไปบนบ้านได้เล่าหนอ?
อีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นที่บ้านหัวนาคำ
พ่อใหญ่พันธ์เล่าว่า ญาติป่วยหนักอยู่ที่อำเภอโกสุมพิสัย ขณะนั้นพ่อใหญ่พันธ์ขับรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปในบ้าน ได้พบกับญาติที่ป่วยอยู่นั้น...รายนี้ไม่ธรรมดา เนื่องจากได้พูดคุยทักทายกันด้วย ญาติผู้นั้นบอกว่ามีธุระจะไปที่อื่น ขอฝากลูกหลานให้ช่วยดูแลด้วย เขาจะไปในวันที่ 15-16 นี้เอง
พูดคุยกันแล้วก็เดินเข้าบ้านหายลับไป
พ่อใหญ่พันธ์เอารถไปจอดไว้แล้วจึงคุยกับเมียว่า พี่น้องเรามาจากโกสุมฯ เขามาทำไม เมียบอกว่าไม่มีใครมา พ่อใหญ่พันธ์ร้องว่า ไม่มีได้ยังไง เมื่อสักครู่ได้คุยกันก่อนเข้ามาในบ้าน...ว่าแล้วจึงวิ่งตามเข้าไปดูในบ้าน แต่ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว
พ่อใหญ่พันธ์จึงบอกว่าผิดปกติเสียแล้ว จะต้องเดินทางไปโกสุมฯ แล้วจัดเตรียมข้าวของเพื่อเดินทางวันรุ่งขึ้น เพราะคิดว่าคงเกิดเหตุร้ายแน่นอน
ครั้นรุ่งเช้านำกระเป๋าขึ้นรถ ได้แวะซื้ออาหารที่อำเภอเชียงยืน มีคนรู้จักเล่าให้ฟังว่า ญาติที่บ้านหัวนาคำเมื่อคืนนี้ตายแล้ว พ่อใหญ่พันธ์รีบขับรถมอเตอร์ไซค์ไปจนถึงอำเภอโกสุมฯ ถึงบ้านญาติเห็นเขาจัดตั้งศพกำลังประดับประดาอยู่
เป็นไปได้ยังไง คนตายแล้วยังพูดได้ ไม่ใช่เห็นแต่รูปร่างเท่านั้น...ขนลุกหัวครับ!
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!