ตามมาส่ง
"รุ่งทิพย์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อผีตามมาจากวัด
เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมานี่เอง ดิฉันไปงานสวดศพของคุณแม่เพื่อน ร่วมงานที่วัดแห่งหนึ่งแถวบางพลัด ค่อนข้างไกลจากที่ทำงานและบ้านดิฉันที่สะพาน ควายแต่เพราะเห็นแก่เพื่อนเลยยอมฝ่ารถติดไปร่วมงานแต่หัวค่ำ...อ้าว? พอไปถึงกลับไม่มีที่จอดรถเลยค่ะ
ดิฉันต้องขับรถวนเวียนไปมาจนได้ที่จอดริมกำแพงวัด ...ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าข้ามกำแพงนี้ไปก็เป็นป่าช้า!
กว่าจะสวดจบราว 2 ทุ่ม ดิฉันช่วยเพื่อนส่งแขกกลับ เวลาเดียวกับที่ศาลาอื่นเขาก็กลับเหมือนกัน ดิฉันกับเพื่อนกลุ่มหนึ่งตัดสินใจว่าเราจะรอออกทีหลังดีกว่า เพราะทางเข้าออกตอนนี้รถแย่งกันออกจนติดเป็นแพไม่แพ้วัดดังๆ ใจกลางกรุง
กระทั่งคนในวัดบางตาลงมากแล้ว พวกเราก็เกาะกลุ่มกันออกมายังที่จอดรถแล้วล่ำลาแยกย้ายกันไป มีเพื่อนอีกสามคนขอติดรถดิฉันไปลงข้างทาง...เราเดินกันมาเรื่อยๆ จน ใกล้จะถึงรถดิฉัน น้องก้อยเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งก็ชะงักกึก ดึงแขนดิฉันให้หยุดตามเธออีกสองคนทำหน้าเหลอหลาถามว่าอะไรเหรอ?
ก้อยตาโต เพ่งเข้าไปในรถแล้วถามเบาๆ ว่า เห็นอะไรมั้ย?
คุณพระช่วย! พอมองเข้าไปดิฉันก็เห็นว่ามีร่างขาวๆ คล้ายห่อผ้ามัดตราสังศพนั่งอยู่เบาะหลัง ครั้นกะพริบตาภาพนั้นก็หายไป...มันคืออะไรกันแน่? เพื่อนอีกสองคนไม่เห็นค่ะ คนหนึ่งบอกว่ามีเงาๆ คงเป็นเงาไม้
ยังดีนะคะที่ไม่มีใครบอกว่าเห็นผีมัดตราสังอยู่ในรถดิฉัน!
ก้อยดูหวาดๆ แต่ไม่มีทางเลือกอื่น จำต้องขึ้นรถมานั่งอยู่กับดิฉัน ทำหน้าราวจะร้องไห้ บางทีก็ชำเลืองไปทางกระจกส่องหลังเล่นเอาดิฉันพลอยหวาดๆ ไปด้วย แต่ไม่ได้พูดเรื่องนี้อีก ได้แต่ชวนคุย ชวนหัวเราะเหมือนสนุกกันเต็มที
เพื่อนสองคนที่นั่งหลังลงก่อนที่สามเสนกับศรีย่าน จากนั้นก็แวะส่งก้อยที่อยู่แถวราชวัตร ใกล้บ้านดิฉันมากกว่าเพื่อน เธออวยพรว่า...โชคดีนะคะพี่รุ่ง!
พูดทำไมก็ไม่รู้ ไอ้เราอยากลืมยิ่งคิดมากไปใหญ่ คิดดูซิว่าต้องขับรถคนเดียวยามค่ำคืน จึงจะมีรถอื่นๆ มากมายก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก...ตลอดทางต้องยอมรับว่ากลัวมากๆ ภาพศพตราสังยังติดตาไม่รู้ลืม
ดิฉันเห็นจริงๆ ค่ะ แม้เพียง 2-3 วินาทีมันก็ใช่แน่ๆ
โธ่! ทำไมต้องมาขึ้นรถเก่าๆ ของดิฉันด้วยก็ไม่รู้?!
ถึงปากซอยบ้านก็แวะซื้อโจ๊กเจ้าประจำ พอจะโล่งใจนิดหน่อยก็เห็นเจ๊ขายโจ๊ก แกเฝ้าแต่มองเข้าไปรถแล้วถามหน้าตาเฉยว่า คุณเอาห่ออะไรมาด้วยคะ พรมหรือเสื่อ?
ใจหายวูบเมื่อนึกว่าเจ๊แกคงจะเห็นอะไรอยู่เบาะหลังรถเราแน่ๆ เลย! ดูแววตาแกหวาดๆ พิกล ดิฉันได้แต่หัวเราะฝืนๆ พูดอะไรไม่ออก นึกอยากทิ้งรถไว้ที่นั่นแล้วนั่งตุ๊กตุ๊กกลับบ้าน...แต่ทำไงได้ล่ะเนี่ย?
กลัวจนไม่รู้จะกลัวยังไงแล้ว กลายเป็นคนทำใจดีสู้เสือไปเลย
นั่นคือเดินถือถุงโจ๊กกลับไปที่รถ เปิดประตูเข้าไปนั่งประจำที่แล้วพูดเบาๆ เพื่อเจตนาให้ "เขา" ที่อยู่ข้างหลังได้ยินอย่างชัดเจน
"ขอบคุณมากค่ะที่อุตส่าห์มาส่ง ดิฉันถึงบ้านแล้ว ขอให้คุณกลับไปสู่สุคตินะคะ พรุ่งนี้ดิฉันจะทำบุญกรวดน้ำไปให้"
เสียงคล้ายถอนใจยาวเหยียด เล่นเอาดิฉันนั่งตัวแข็งทื่อ หัวใจคล้ายจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ เหลือบมองเจ๊ขายโจ๊กแล้วอยากจะปล่อยโฮ หรือไม่ก็เผ่นออกจากรถไปเลย...ดิฉันต้องสารภาพกับ "เขา" ผู้มาในสภาพน่ากลัวสุดๆ ว่าดิฉันกลัวมากจริงๆ อย่ามาหลอกหลอนกันเลยนะ...
ระหว่างขับรถเข้าซอยบ้านก็สวดมนต์ตลอด...ถึงจุดหมายก็เผ่นแน่บขึ้นบ้านไปหาแม่...แต่พอเหลียวมองก็เห็นร่างในห่อผ้าสีมอๆ ตลอดหัวจดเท้า ลอยผ่านออกประตูไป
สาธุ! ขอให้ไปสู่สุคติเถอะนะ...ดิฉันภาวนา รุ่งเช้าก็รีบตื่นมาใส่บาตร ทำบุญกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้เขาตามสัญญา...ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ต่อไปคงงดไปงานศพละค่ะ!
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมานี่เอง ดิฉันไปงานสวดศพของคุณแม่เพื่อน ร่วมงานที่วัดแห่งหนึ่งแถวบางพลัด ค่อนข้างไกลจากที่ทำงานและบ้านดิฉันที่สะพาน ควายแต่เพราะเห็นแก่เพื่อนเลยยอมฝ่ารถติดไปร่วมงานแต่หัวค่ำ...อ้าว? พอไปถึงกลับไม่มีที่จอดรถเลยค่ะ
ดิฉันต้องขับรถวนเวียนไปมาจนได้ที่จอดริมกำแพงวัด ...ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าข้ามกำแพงนี้ไปก็เป็นป่าช้า!
กว่าจะสวดจบราว 2 ทุ่ม ดิฉันช่วยเพื่อนส่งแขกกลับ เวลาเดียวกับที่ศาลาอื่นเขาก็กลับเหมือนกัน ดิฉันกับเพื่อนกลุ่มหนึ่งตัดสินใจว่าเราจะรอออกทีหลังดีกว่า เพราะทางเข้าออกตอนนี้รถแย่งกันออกจนติดเป็นแพไม่แพ้วัดดังๆ ใจกลางกรุง
กระทั่งคนในวัดบางตาลงมากแล้ว พวกเราก็เกาะกลุ่มกันออกมายังที่จอดรถแล้วล่ำลาแยกย้ายกันไป มีเพื่อนอีกสามคนขอติดรถดิฉันไปลงข้างทาง...เราเดินกันมาเรื่อยๆ จน ใกล้จะถึงรถดิฉัน น้องก้อยเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งก็ชะงักกึก ดึงแขนดิฉันให้หยุดตามเธออีกสองคนทำหน้าเหลอหลาถามว่าอะไรเหรอ?
ก้อยตาโต เพ่งเข้าไปในรถแล้วถามเบาๆ ว่า เห็นอะไรมั้ย?
คุณพระช่วย! พอมองเข้าไปดิฉันก็เห็นว่ามีร่างขาวๆ คล้ายห่อผ้ามัดตราสังศพนั่งอยู่เบาะหลัง ครั้นกะพริบตาภาพนั้นก็หายไป...มันคืออะไรกันแน่? เพื่อนอีกสองคนไม่เห็นค่ะ คนหนึ่งบอกว่ามีเงาๆ คงเป็นเงาไม้
ยังดีนะคะที่ไม่มีใครบอกว่าเห็นผีมัดตราสังอยู่ในรถดิฉัน!
ก้อยดูหวาดๆ แต่ไม่มีทางเลือกอื่น จำต้องขึ้นรถมานั่งอยู่กับดิฉัน ทำหน้าราวจะร้องไห้ บางทีก็ชำเลืองไปทางกระจกส่องหลังเล่นเอาดิฉันพลอยหวาดๆ ไปด้วย แต่ไม่ได้พูดเรื่องนี้อีก ได้แต่ชวนคุย ชวนหัวเราะเหมือนสนุกกันเต็มที
เพื่อนสองคนที่นั่งหลังลงก่อนที่สามเสนกับศรีย่าน จากนั้นก็แวะส่งก้อยที่อยู่แถวราชวัตร ใกล้บ้านดิฉันมากกว่าเพื่อน เธออวยพรว่า...โชคดีนะคะพี่รุ่ง!
พูดทำไมก็ไม่รู้ ไอ้เราอยากลืมยิ่งคิดมากไปใหญ่ คิดดูซิว่าต้องขับรถคนเดียวยามค่ำคืน จึงจะมีรถอื่นๆ มากมายก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก...ตลอดทางต้องยอมรับว่ากลัวมากๆ ภาพศพตราสังยังติดตาไม่รู้ลืม
ดิฉันเห็นจริงๆ ค่ะ แม้เพียง 2-3 วินาทีมันก็ใช่แน่ๆ
โธ่! ทำไมต้องมาขึ้นรถเก่าๆ ของดิฉันด้วยก็ไม่รู้?!
ถึงปากซอยบ้านก็แวะซื้อโจ๊กเจ้าประจำ พอจะโล่งใจนิดหน่อยก็เห็นเจ๊ขายโจ๊ก แกเฝ้าแต่มองเข้าไปรถแล้วถามหน้าตาเฉยว่า คุณเอาห่ออะไรมาด้วยคะ พรมหรือเสื่อ?
ใจหายวูบเมื่อนึกว่าเจ๊แกคงจะเห็นอะไรอยู่เบาะหลังรถเราแน่ๆ เลย! ดูแววตาแกหวาดๆ พิกล ดิฉันได้แต่หัวเราะฝืนๆ พูดอะไรไม่ออก นึกอยากทิ้งรถไว้ที่นั่นแล้วนั่งตุ๊กตุ๊กกลับบ้าน...แต่ทำไงได้ล่ะเนี่ย?
กลัวจนไม่รู้จะกลัวยังไงแล้ว กลายเป็นคนทำใจดีสู้เสือไปเลย
นั่นคือเดินถือถุงโจ๊กกลับไปที่รถ เปิดประตูเข้าไปนั่งประจำที่แล้วพูดเบาๆ เพื่อเจตนาให้ "เขา" ที่อยู่ข้างหลังได้ยินอย่างชัดเจน
"ขอบคุณมากค่ะที่อุตส่าห์มาส่ง ดิฉันถึงบ้านแล้ว ขอให้คุณกลับไปสู่สุคตินะคะ พรุ่งนี้ดิฉันจะทำบุญกรวดน้ำไปให้"
เสียงคล้ายถอนใจยาวเหยียด เล่นเอาดิฉันนั่งตัวแข็งทื่อ หัวใจคล้ายจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ เหลือบมองเจ๊ขายโจ๊กแล้วอยากจะปล่อยโฮ หรือไม่ก็เผ่นออกจากรถไปเลย...ดิฉันต้องสารภาพกับ "เขา" ผู้มาในสภาพน่ากลัวสุดๆ ว่าดิฉันกลัวมากจริงๆ อย่ามาหลอกหลอนกันเลยนะ...
ระหว่างขับรถเข้าซอยบ้านก็สวดมนต์ตลอด...ถึงจุดหมายก็เผ่นแน่บขึ้นบ้านไปหาแม่...แต่พอเหลียวมองก็เห็นร่างในห่อผ้าสีมอๆ ตลอดหัวจดเท้า ลอยผ่านออกประตูไป
สาธุ! ขอให้ไปสู่สุคติเถอะนะ...ดิฉันภาวนา รุ่งเช้าก็รีบตื่นมาใส่บาตร ทำบุญกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้เขาตามสัญญา...ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ต่อไปคงงดไปงานศพละค่ะ!
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!