วิญญาณกลับ


วิญญาณกลับ

"นิยม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อพบวิญญาณเพื่อนสาว

พูดถึงเรื่องผีๆ สางๆ นี่ผมครึ่งกล้าครึ่งกลัวครับ...ครึ่งกล้าก็เพราะเคยโดนผีหลอกมาหลายครั้ง ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ที่คีรีมาศ สุโขทัย จนเข้ามาเป็นหนุ่มเต็มตัวในกรุงเทพฯ ส่วนครึ่งกลัวก็เพราะว่าเวลาโดนผีหลอกทีไรมันรู้สึกวูบๆ วาบๆ จะจับไข้ทุกที

พูดไปก็หาว่าเพ้อเจ้อเลอะเทอะ ประสาทหลอนไปเอง มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่รู้ว่าโดนผีหลอกจริงหรือเปล่า? จนกระทั่งครั้งล่าสุดที่เจอะเจอพร้อมๆ กับเพื่อนอีกหลายคนถึงได้มีพยานยืนยันว่าพวกเราโดนผีหลอกวิญญาณหลอนเข้าเต็มเปา!

สาเหตุก็เพราะผมได้หยุดพักร้อนกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดน่ะซีครับ

ถึงจะอยู่กรุงเทพฯ มาหลายปีแต่ก็กลับบ้านบ่อยๆ พบเพื่อนฝูงที่คบกันมาตั้งแต่หัวเท่ากำปั้นก็ต้องตั้งวงเฮฮากันหน่อย แถมไม่เคยหลงลืม ส.ร.ถ.อีกต่างหาก ไอ้พวกเหล้าแดงน่ะอย่าหวังจะแอ้มเงินเราเลยครับ ไหนจะแพง ไหนจะดีกรีอ่อน ต้องล่อเหล้าขาวชนิดจุดไฟลุกพึ่บพั่บถึงจะสะใจ

สมัยนั้นแกลลอนละ 140 เอง พวกเราไม่เกิน 4 คนซื้อมาแกลลอนเดียวก็เหลือแหล่แล้ว...เหล้าแรงๆ ตั้ง 5 ลิตรนี่ต่อให้คอแป๊บมาจากไหนก็นั่งไม่ค่อยอยู่กันละครับ

พูดถึงเหล้าเถื่อนนี่บ้านผมต้มขายกันให้เกร่อเชียว ตอนนั้นน่ะ เคยไปดูเขาต้มกลั่นจนเหล้าไหลจากกระบอกไม้ หน้าเทศกาลก็ขออนุญาตสรรพสามิตซะหน่อย นอกนั้นก็ต้องหลบๆ เอา เสร็จสรรพก็ซ่อนหม้อต้มเหล้าไม่ให้ประเจิดประเจ้อนัก

พวกเราชอบไปตั้งวงกันที่ร่มไม้ชายทุ่งหลังบ้าน ครึกครื้นเฮฮาอย่าบอกใคร!

ถ้ากินเหล้าให้ครบเครื่องต้องมีกับแกล้ม ว่าแต่จะเอาที่ไหนล่ะ?

โอ๊ย! ส.บ.ม.ครับ มะม่วง มะดัน มะขามสด จิ้มเกลือโยนใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆ ดับพิษดับกลิ่นเหล้า แค่นี้ก็ลื่นคอถมถืด แถมวันดีคืนดียังไปตั้งวงข้างบ่อปลาของเพื่อน ใครแบกแหมาเหวี่ยงโครมๆ เดี๋ยวก็ได้ปลาดุก ปลาช่อน ปลานิล มาเผาหรือต้มยำรสแซบซะไม่มี

วันไหนเบื่อปลาก็เข้าเล้าไก่...เดี๋ยวพรรคพวกก็จัดการทำไก่อบฟาง ไก่ต้มป่าใส่พริกเผาไม่ยั้ง ซดเข้าไปงี้หูตาสว่างจ้า แทบจะหายเมาไปตามๆ กัน

ตกค่ำถ้าเดือนมืดเราก็ก่อไฟมั่ง จุดตะเกียงรั้วมั่ง ลมทุ่งพัดแรงจนไร้ยุงรบกวนเสียงยอดไม้ซู่ซ่า บางทีก็ครางฮือๆ คล้ายคนไข้หนัก แต่บางทีก็ฟังเหมือนเสียงใครกำลังสะอึกสะอื้นด้วยความทุกข์โศก เล่นเอากระเดือกน้ำ มองสบตากันแล้วฝืนหัวเราะปลอบใจ

พวกเราคุยกันแต่เรื่องเฮฮาบ้าๆ บอๆ ตามประสาคอเหล้า ถ้าไม่เรื่องนักเลงก็เรื่องผู้หญิง หนักไปทางสัปดน...จนถึงเรื่องผีๆ สางๆ

ไอ้แป้นเล่าว่าเมื่อเด็กๆ มัยอยู่กงไกรลาศ แถวบ้านมันมีมะขามผีสิง เพราะไม่ว่าใครจะผูกคอตายต้องไปที่นั่น ทั้งที่ต้นไม้อื่นๆ มีถมเถก็ไม่สนใจ ชาวบ้านถูกผีหลอกนับไม่ถ้วน แต่น้าชายมันซวยกว่าเพื่อนเพราะเมาแอ่นมาตอนกลางคืน เจอผีเป็นฝูงเต็มต้นมะขาม!

ไอ้เชื้อเล่าว่าตาแย้มถูกงูเห่ากัดตายที่หนองบัว...ตกค่ำเป็นเดินกระแอมฮะแอ้มๆ ผ่านมาหลังบ้านบ่อยๆ มันเคยไปเจอกับพ่อเต็มเปาถึงกับนั่งแผละ น้ำตาไหลพรากไปเลย

กระทั่งถึงวันขนหัวลุกของพวกเรา!

ขณะที่กำลังนั่งล้อมวงที่ดงสะแกหลังบ้านไอ้เบี้ยว ลมทุ่งพัดฮือมาจากดงสะเดา ใกล้ๆ กับจอมปลวกใหญ่ จู่ๆ ไอ้แป้นก็บอกว่าคนสวยที่ไหนหว่ามาเดินค่ำๆ มืดๆ แถวนี้?

พวกเราหันขวับ ผมเห็นใครคนหนึ่งหายลับเข้าไปหลังจอมปลวก ไอ้เชื้อก็เห็น มันบอกว่านังสร้อยลูกยายสายน่ะซี แต่ไอ้เบี้ยวบอกว่านังนั่นมันไปจังหวัดตั้งแต่วันก่อน...พอดีสาวนั่นโผล่ออกมาอีก คราวนี้ผมเห็นหน้าจากแสงดาวเต็มฟ้าว่าเป็นนังสร้อยจริงๆ

"เอ็งกลับเมื่อไหร่วะสร้อย? หรือว่าเพิ่งจะกลับ?"

สร้อยหันมายิ้มแต่ไม่ตอบ...รอยยิ้มที่ทำให้เสียววาบไปทั้งไขสันหลังอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเดินหายเข้าไปหลังจอมปลวกอีก เรายังไม่ละสายตา อีสาวก็โผล่เข้ามายิ้ม...เอ๊ะ! ยังไง? เรามองหน้ากันแล้วลุกพรวดไปดูแต่ไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว!

สายลมพัดฮือ ฟังเหมือนเสียงใครสะอื้นเบาๆ มาเข้าหู ผมขนลุกซ่าไปทั้งตัว เรากลับไปกระแทกเหล้าหนักหน่วง มองหน้ากันตาปริบๆ พอเหล้าหมดก็รีบแยกย้ายกันกลับบ้าน...จะว่าตาฝาดได้ไงครับในเมื่อเห็นกันทุกคน

ที่แน่ๆ ก็คือรุ่งขึ้นได้ข่าวร้าย ว่าสร้อยโดนรถชนตายที่จังหวัดในตอนเย็นวันนั้นเอง แล้ววิญญาณก็โลดลิ่วกลับบ้านทันใด! บรื๋ออออ...


ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์