วิญญาณพเนจร


วิญญาณพเนจร

"ครรชิต" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากสุทธิสาร

ผมไม่เคยเชื่อเรื่องผีมาตั้งแต่วัยหนุ่มแล้ว เพราะตัวเองไม่ช้าก็เร็วต้องกลายเป็นผีไปเหมือนกัน ต่อให้ผีมีจริงก็เถอะ...คนที่ตายไปแล้วจะมาทำอะไรคนเป็นๆ ได้ล่ะครับ

จนกระทั่งมีครอบครัวและลูกชายกับลูกสาวเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นทั้งคู่ ผมก็สอนลูกๆ ว่าโลกนี้ไม่มีผีสางที่ไหนหรอก อย่าไปงมงายกับเรื่องเหลวไหลเหมือนคนสมัยก่อนเลย แต่ผมจะสอนให้เขาใช้สติมากกว่าใช้อารมณ์ อย่าหาความสุขบนความเดือดร้อนของคนอื่น

จนกระทั่งเกิดเรื่องสยองขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง!

บ้านผมอยู่ที่ซอยสุทธิสารด้านในที่จะออกลาดพร้าว 48 ในซอยมีบ้านช่องและผู้คนหนาตาขึ้นทุกที รถราก็แล่นสวนกันไปมาขวักไขว่เป็นประจำ

ลูกชายชื่อเป้แยกห้องไปนอนคนเดียว แต่แป้ง-ลูกสาวยังนอนกับเรา แม่บ้านชื่อนวลเป็นคนเก่าแก่สมัยผมยังเด็ก เราเรียกแกติดปากว่า "ป้านวล" กันทั้งบ้าน

คืนเกิดเหตุ ลูกชายกลับบ้านค่อนข้างล่าช้า...ผมเคลิ้มหลับได้ไม่นานก็แว่วเสียงหวีดร้องดังขึ้น เสียงภรรยาก็กระหืดกระหอบขึ้นว่า...ป้านวลเป็นอะไรไม่รู้ ร้องเสียงลั่นบ้านเชียว! หรือมีขโมย...ทำให้ผมรีบลุกไปเปิดไฟแล้วถอดกลอนประตู พร้อมๆ กับเสียงดังโครมคราม ตามด้วยเสียงวิ่งขึ้นบันไดตึงตัง ป้านวลวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา

"ช่วยด้วย! ผีหลอกค่ะ! โอย...ป้าจะเป็นลม..."

ภรรยาผมพยายามพูดปลอบใจจนแกค่อยสงบสติลงได้ แล้วเล่าเรื่องให้ฟัง

...ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับก็ได้ยินเสียงคล้ายใครเดินกุกกักอยู่ในห้องรับแขก แกถือมีดออกมาดูก็เห็นแต่ความว่างเปล่า เมื่อนิ่งฟังให้แน่ใจก็ปรากฏว่าเสียงนั้นดังขึ้นที่หน้าบ้าน แกจึงเปิดหน้าต่างออกดู...

ภาพที่เห็นคือ ร่างชายหนึ่งยืนเด่นอยู่ข้างรั้วที่ครึ่งล่างก่อด้วยอิฐบล็อก ครึ่งบนเป็นลวดเหล็กโปร่ง มีเหล็กแหลมรูปหัวธนูเรียงรายอยู่ด้านบนเพื่อกันขโมย

แสงสว่างจากไฟถนนส่องให้เห็นใบหน้าเปรอะเลือดจนป้านวลเข่าอ่อนหลับหูหลับตาร้องกรี๊ดๆ จนตัวเองแสบแก้วหู วิ่งอ้าวขึ้นบันไดมานี่เอง! แต่เมื่อเราลงไปดูก็ไม่เห็นอะไรเลย ปลอบใจว่าแกคงตาฝาดไปเอง ป้านวลก็กลืนน้ำลายเดินบ่นพึมพำกลับไปห้องนอน

วันรุ่งขึ้นผมก็ลืมเรื่องนี้เสียสนิท แต่ตกดึกลูกชายก็แผดร้องลั่น...ตาเป้มองเห็นภาพแบบเดียวกับที่ป้านวลเห็น ทั้งๆ ที่ไม่มีใครเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนที่แล้วให้แกฟังเลย!

ในที่สุดตาเป้ก็ต้องขออาศัยนอนด้วย โดยปูที่นอนข้างเตียงเรานั่นเอง

คืนต่อมา ลูกสาวผมก็กรีดร้องกลางดึก คราวนี้ตื่นกันหมดทุกคน...แกโผเข้ากอดแม่ตัวสั่นเทา น้ำตาไหลพราก บอกว่าฝันเห็นผู้ชายหน้าตาเละเทะ เลือดแดงฉานท่วมตัว มายืนจังก้าอยู่ที่ประตูรั้ว นัยน์ตาลุกวาวจ้องเขม็งเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

ตั้งแต่คืนนั้นพวกเราก็อยู่ไม่เป็นสุขกันอีกต่อไป!

แม้แต่เสียงกุกกักก๊อกแก๊กในยามกลางคืนก็ทำให้ผวากันทั้งบ้าน ผมเคยสำรวจดูตอนเช้าก็ไม่เห็นร่องรอยอะไร... ต้นเทียนหยดออกดอกสีส้มอมแดงบานสะพรั่ง แต่ไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัย...บรรยากาศบ้านเราเคยอบอุ่นกลับกลายเป็นเยือกเย็นน่าวังเวงใจ จนกระทั่งคืนหนึ่ง ตาเป้มาเคาะประตูเรียกถี่เร็ว...มันมาอีกแล้ว!!

คืนนั้นไฟถนนเกิดเสีย เพ่งมองไปทางหน้าต่างก็เห็นแต่ความมืดสลัว ผมจะเปิดไฟหน้าบ้านแต่ลูกชายห้ามไว้ บอกว่าคนร้ายจะมองเห็นเรา! ผมไม่เคยกลัวมาก่อนก็เกิดความหวาดระแวง ตัดสินใจเปิดไฟ ยายแป้งกอดแม่ตัวกลมเลย

เมื่อไปดูที่ระเบียงก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ ฉายไฟดูรอบๆ ที่คิดว่าอาจจะมีใครซุ่มซ่อนอยู่ก็ไม่ปรากฏ ตาเป้ถอนใจ ผมชวนลูกเข้าห้องแล้วปิดไฟ...ซุ่มเงียบอยู่พักหนึ่งแล้วผลักประตูออกไป! แล้วต้องยืนตะลึงตัวแข็งทื่อบัดดล!

ชายผู้หนึ่งยืนจังก้าอยู่ข้างรั้ว หน้าแหลกยับ เลือดแดงฉานทั้งตัว เราจ้องมองสบตากันครู่หนึ่งแต่รู้สึกเนิ่นนานเหมือนตลอดชีวิต...ก่อนที่ภาพนั้นจะเลือนรางจางหายไปในราตรีที่มีเสียงสายลมคร่ำครวญ เคล้ากับเสียงแมลงกรีดปีกเยือกเย็น...มันเป็นใคร? มาจากไหน? และต้องการอะไร?

รุ่งขึ้นผมใส่บาตรแล้วกรวดน้ำอุทิศให้สัมภเวสี ภูตผีที่อดอยากหิวโหย...ยอดไม้ไหวซ่าราวจะเป็นเพียงพึมพำขอบอกขอบใจ...ภาพสยองที่เราเคยเห็นก็สาบสูญแต่นั้นมา!




ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์