ผีเพื่อนรัก


ผีเพื่อนรัก

"เอื้อมพร" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณพเนจร

ดิฉันเป็นคน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี เรื่องผีดุมีมากค่ะ สมัยเด็กๆ น่ะนอกจากจะมีศพล่องลอยมาตามสายน้ำสัก แล้วยังมีเรื่องนางเงือกขึ้นมานั่งบนตลิ่งในคืนเดือนหงาย สางผมด้วยก้างปลา และชอบแหงนหน้ามองพระจันทร์ไปพลางๆ อีกด้วย

หน้าแล้งเห็นตลิ่งสูง ลำน้ำป่าสักไม่ขุ่นข้นและไหลเชี่ยวเหมือนหน้าน้ำหลาก แต่กลับใสแจ๋วอยู่ในแสงแดดเป็นสีเขียวเข้ม โดยเฉพาะตอนที่ผ่านร่มเงาของต้นไม้ใหญ่สองฟากฝั่ง

พอถึงปลายเดือนกันยายน น้ำเปี่ยมฝั่งก็ถึงเทศกาลแข่งเรือในช่วงเสาร์-อาทิตย์ พวกเราก็สนุกสนานกันเต็มที่ ผู้คนคับคั่งแต่งตัวสีสันสดใสอยู่ในแสงแดด ทำให้เราลืมเรื่องน่ากลัวของแควป่าสักเสียสนิท

จนกระทั่งดิฉันได้ประสบกับเรื่องน่าขนหัวลุกเข้ากับตัวเองอย่างจังๆ

ตอนเย็นๆ พวกเราชอบไปเดินเล่นที่ชายหาด มีทั้งอาบน้ำ วักน้ำสาดกันน่าสนุก บางคนก็นั่งตกปลาอยู่ห่างๆ บางคนก็งมหอยขมเอาไปแกงใส่ใบชะอม อร่อยมากค่ะ

เย็นนั้น ดิฉันกับลูกสาววัยห้าขวบลงไปเดินเล่นกันที่ชายหาด ผู้คนหนาตา ถ้าเป็นหน้าสงกรานต์จะมีคนแห่แหนมาเล่นน้ำกันมืดฟ้ามัวดิน

เด็กผู้หญิงชอบเล่นตุ๊กตา กอดจูบชมเชย เรียกน้องนั่นน้องนี่ จะไปไหนก็ชอบอุ้มตุ๊กตาไปด้วย บางทีก็พูดคุยกับตุ๊กตาเหมือนเป็นคนจริงๆ คือสมมติว่าเป็นเพื่อนไงคะ พออายุเลยสิบขวบก็มักเลิกเล่นตุ๊กตา แต่หันมาสนใจเรื่องการแต่งเนื้อแต่งตัวแทน

ยายอ้อย-ลูกสาวดิฉันก็เช่นกัน!

ขณะที่ดิฉันนั่งพักผ่อนอยู่ที่ชายหาด ยายอ้อยก็กอดตุ๊กตาวิ่งตื๋อไปทางกอกกหนาทึบ พูดคุยๆ สลับหัวเราะเสียงใส ดิฉันคอยมองไม่คลาดสายตาเพราะลูกยังว่ายน้ำไม่เป็น ครู่หนึ่งก็วิ่งตื๋อเข้ามาหา บอกว่า...หนูได้เพื่อนใหม่อีกคนแล้วละแม่!

ดิฉันบอกว่าตุ๊กตาหรือ "น้องจุ๋ม" ของลูกเป็นเพื่อนมาตั้งเกือบปีแล้ว...เขาไม่เรียกเพื่อนใหม่หรอกจ้ะ

"ไม่ใช่ตุ๊กตาตัวนี้หรอกค่ะ" ยายอ้อยยืนยัน "แต่เป็นคนจริงๆ เป็นเด็กผู้หญิงอย่างหนูนี่แหละ! ไม่เชื่อแม่ก็ไปดูซีคะ"

ว่าแล้วก็ฉุดไม้ฉุดมือให้ลุกขึ้นยืน ดิฉันไม่อยากขัดใจลูกจึงเดินตามแกไปช้าๆ สังเกตว่าผู้คนที่ชายหาดน้อยลงทุกที ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงที่ทิวไม้ ลมจากแม่น้ำพัดแรงหนาวเยือก ขนลุกซู่

กระทั่งถึงกอกกริมก้อนหิน เรามองหาเพื่อนใหม่ของอ้อย แต่ไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว...ลมเย็นๆ พัดวูบจนหนาวสะท้าน ยายอ้อยย่นคิ้ว เหลียวหาอย่างงุนงง

"เมื่อตะกี้ยังนั่งคุยกับอ้อยอยู่ที่นี่เลยค่ะ! เอ...เขาหายไปไหนนะ? เร็วจัง...ม่วย! ม่วยอยู่ไหน? อ้อยพาแม่มาแล้ว" แกตะโกนเรียกแต่ไม่มีคำตอบ ยายอ้อยยกมือเกาหัว คิ้วขมวดเหมือนผูกติดกัน ดิฉันรีบคว้าแขนลูกอย่างหวาดระแวง

"เขาคงกลับบ้านแล้วละอ้อย เรากลับกันเถอะ แม่ชักหนาวแล้ว"

ยายอ้อยทำท่าละล้าละลัง แต่ในที่สุดก็ยอมให้จูงมือกลับบ้าน กระนั้นยังไม่วายเหลียวหลังบ่อยๆ จนกระทั่งชี้มือร้องลั่น

"นั่นไงแม่ เพื่อนใหม่ของอ้อย!"

ดิฉันหันไปมองก็ไม่เห็นเด็กๆ สักคน นอกจากพวกผู้ใหญ่ 3-4 คนพากันขึ้นจากน้ำ บางคนผลัดผ้าเสร็จก็ลงไปซักผ้า...ยอมรับว่าใจคอไม่ดีเหมือนกัน เขาว่ากันว่าเด็กๆ จะมีสัญชาตญาณพิเศษ...เห็นในสิ่งที่ผู้ใหญ่ไม่เห็น!

กระทั่งมาถึงบ้านตอนโพล้เพล้ ยายอ้อยก็กระตุกมือ ร้องว่าเพื่อนใหม่เดินตามมาข้างหลัง! ดิฉันหันมองก็ไม่เห็นใครตามเคย นอกจากจะรู้สึกว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความเยือกเย็นน่าวังเวงใจสิ้นดี

ทันใดนั้นเอง ยายอ้อยก็ร้องเสียงดังขึ้นกว่าเดิม

"ม่วยยืนอยู่หน้าประตูนั่นไงคะ แม่! เข้ามาซีม่วย... มากินข้าวด้วยกันเร้ว!"

ดิฉันขนลุกซ่าไปทั้งตัว มองจนแน่ใจว่าไม่เห็นเด็กที่ไหนเลย รีบพาลูกเข้าบ้านทันที...ไม่อยากรู้หรอกว่าเด็กหญิงคนนั้นตายที่ไหน? เมื่อใด แค่นี้ก็ขนหัวลุกแล้วค่ะ!




ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์