โค้งมฤตยู


โค้งมฤตยู

"บอย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณเพื่อน

เมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง เพื่อนๆ ที่ทำงานชวนผมแวะดื่มเหล้าฉลองวันออกพรรษา เราตั้งวงกันในผับแถวถนนรัชดาฯ ใกล้ๆ บริษัท โดยพี่โหน่งเป็นเจ้ามือ เพราะเป็นคนเดียวที่ยึดถือ "หยุดเหล้าเข้าพรรษา" มาหลายปีแล้ว

ก่อนกลับหลังเทศกาลสำคัญทางพุทธศาสนา คนที่ถือคติแบบเดียวกันก็จะดื่มเหล้าหนักเป็นพิเศษ เรียกว่า "ปิดก๊อก" กับ "เปิดก๊อก"

เพื่อนๆ ไม่ขัดใจแถมสนับสนุน เพราะคนอื่นๆ ไม่ได้หยุดเหล้าเข้าพรรษากัน พี่โหน่งเองก็เป็นคนน่ารัก คุยสนุก มีอารมณ์ขัน นิสัยดี แม้ว่าตอนเข้าพรรษาตัวเองจะไม่ดื่มเลย แต่ก็มาร่วมวงกับพวกเราบ่อยๆ แถมจ่ายเงินอีกต่างหาก

เรื่องน่ากลัวคือพี่โหน่งจะกินเหล้าดุตอนเข้าพรรษา อ้างว่าเป็นวันสุดท้ายก่อน "บวชเหล้า" กับตอนออกพรรษาที่บอกว่าหยุดมาตั้ง 3 เดือน ต้องฉลองกันให้เต็มคราบ

น่ากลัวเพราะพี่โหน่งขับรถเองน่ะซีครับ!

พวกเราห่วงเรื่องนี้ทุกคน พี่โหน่งยืนยันว่าไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเพราะมึนเมาเลยสักครั้งเดียว ผมสนิทกับแกเป็นพิเศษยังเคยเตือนแบบทีเล่นทีจริงว่า...ระวังหน่อยนะพี่ของทุกอย่างน่ะย่อมมี "ครั้งแรก" ทั้งนั้นแหละ

วันนั้น ฝนหลงฤดูตกมาตอนค่ำ เราพูดคุยกันสนุกสนานอยู่ราว 4-5 คน เจ้าโชคถามว่าพี่หยุดไป 3 เดือนนี่นึกอยากเหล้ามั่งไหม? พี่โหน่งยืนยันว่าไม่อยากเลย แต่พอออกพรรษาแล้วอยากทันที

เจ้ามินเปรยว่า พี่หยุดได้ตั้ง 3 เดือนโดยไม่อยาก แล้วทำไมไม่หยุดตลอดไปเลยล่ะ? พี่โหน่งหัวเราะ บอกว่ากลัวพวกลื้อจะเหงาน่ะซี!

คืนนั้น เราออกจากผับราวห้าทุ่มเศษ ฝนหยุดแล้ว แต่อากาศต้นฤดูหนาวเย็นยะเยือกจับใจ เจ้าโชคกับเจ้ามินไปรถเจ้าโอ่งที่อยู่แถวสุขุมวิทด้วยกัน พี่โหน่งอยู่เลยลาดพร้าว ทางผ่านบ้านผมที่สุทธิสารพอดี

พี่โหน่งขับรถมาแวะส่งผมที่ปากซอยแทบทุกครั้ง...คืนนี้ก็เช่นกัน!

เรานั่งกันมาเงียบๆ พี่โหน่งบอกว่าคืนนี้สนุกมาก ขอซัดหนักๆ ให้สะใจอีกสัก 2-3 วันแล้วค่อยดื่มตามปกติ...จนกระทั่งถึงปากซอยบ้านผมที่มีร้านสะดวกซื้อ ผมบอกพี่โหน่งให้ระวังหน่อย เพราะฝนตกถนนลื่น แถมที่รัชดาฯ ก็ขับรถกันเร็วมากอีกด้วย

"เออน่า! พรุ่งนี้พบกันโว้ย" พี่โหน่งยิ้มฟันขาวก่อนออกรถ ผมแวะซื้อเบียร์กระป๋องกับมันทอด ดูนั่นดูนี่อยู่พักใหญ่ก็ออกจากร้านเดินเข้าซอยค่อนข้างเงียบเชียบร่มครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านออกมานอกรั้ว

พักเดียวผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามมา หันขวับไปมองก็เห็นร่างสูงๆ ของชายหนุ่ม ไฟแสงจันทร์ดูเยือกเย็นน่าวังเวงใจพิกล...ผมออกเดินก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามหลังมาเร็วๆ คล้ายจะวิ่ง แต่เมื่อหันขวับไปอีกครั้งก็ใจหายวูบ หยุดชะงักด้วยความงุนงง...ผู้ชายคนนั้นหายไปแล้ว!

ซอยทั้งซอยเปลี่ยวครึ้ม เสียงยอดไม้คร่ำครวญกับสายลม ปากคอผมแห้งผากไปหมด...แถมซอยนั้นไม่มีซอกซอยให้เลี้ยวไปได้เลย บ้านช่องติดๆ กันก็ปิดประตูรั้วเงียบเชียบ...เขาหายไปไหนรวดเร็วปานนั้น?

เลี้ยวขวับทางซ้ายมือเพื่อจะรีบเข้าบ้าน แต่แล้วก็แทบจะช็อกตายคาที่

พี่โหน่งยืนยิ้มเผล่อยู่ตรงหน้านั่นเอง!!

"พี่โหน่ง!" ผมร้อง อ้าปากค้าง มือไม้อ่อนแทบจะปล่อยถุงลงพื้น ม่านตาลายพร่า...จ้องมองให้แน่ใจก็เห็นพี่โหน่งจริงๆ ที่ยืนมองผมอยู่ตรงหน้า

"เอ้า! รีบเข้าบ้านซีบอย...พี่ขอกินเบียร์ด้วยคน" แล้วพี่โหน่งก็ออกเดินคู่ไปกับผมที่ใจเต้นโครมๆ หน้าชาเห่อ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นสลับกันไป พูดอะไรไม่ออก ได้แต่เดินขาสั่นไปช้าๆ พี่โหน่งขับรถไปแล้วนี่นา...แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? รถไปไหน?

จนกระทั่งถึงหน้าบ้าน ผมล้วงกุญแจมาไขประตูรั้วมือสั่นเทา ไขผิดๆ ถูกๆ ได้ยินเสียงพี่โหน่งหัวเราะขบขัน ผมผลักประตูงกๆ เงิ่นๆ หันไปหาก็ไม่มีใครเลย...ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ผมปิดประตูโครม เผ่นพรวดเข้าบ้านทันใด

พอตั้งสติได้โทร.เข้ามือถือ คนรับสายคือตำรวจ พี่โหน่งพุ่งรถขึ้นบนเกาะกลางถนนแถวโค้งมรณะหน้าศาลอาญา เสียชีวิตคาที่...วิญญาณโลดลิ่วมาหาผมทันที!



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์