วิญญาณบาป
"กุณฑลี" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากห้วยขวาง
ดิฉันเคยอ่านหนังสือการแพทย์ เกี่ยวกับความรู้เรื่องโรคเอดส์ ได้พบข้อความน่าประทับใจมากๆ จึงขอนำมาถ่ายทอดเพื่อเป็นความรู้ กับเตือนสติผู้ชะล่าใจจนเกิดความประมาทไว้ด้วยค่ะ
"การมีเพศสัมพันธ์กับผู้มีเชื้อเอชไอวี โอกาสที่จะติดโรคร้ายมีเปอร์เซ็นต์น้อยก็จริง แต่ถ้าติดโรคแล้วไม่มีทางรักษาให้หาย ต้องเสียชีวิตด้วยโรคเอดส์แน่นอน"
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้ว คงจะฉุกคิดได้ว่าไม่ควรเสี่ยงชีวิตเด็ดขาด!
พูดถึงเรื่องนี้ทำให้ดิฉันนึกถึงเรื่องขนหัวลุก ที่ได้ประสบมาเมื่อราว 5-6 ปีก่อน เหตุเกิดที่บ้านใกล้เรือนเคียงในห้วยขวางนี่เอง
น้านพกับน้าฝน มีลูกชายวัยรุ่นคนเดียวชื่อว่าน (นามสมมตินะคะ) น้านพเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจระดับสูง อายุราวห้าสิบเศษ น้าฝนเคยทำงานบริษัทประกันภัยมาก่อน แต่ระยะหลังๆ สุขภาพไม่ดีจึงลาออกมาเป็นแม่บ้านอย่างเดียว
ครอบครัวนี้ล้วนแต่อัธยาศัยดี น่ารักทุกคนค่ะ น้านพขาวท้วมนิสัยร่าเริง น้องว่านก็หน้าคมผิวคล้ำคล้ายแม่ กำลังเรียน ม.ปลาย ดูๆ แล้วน่าจะเป็นชีวิตที่ลงตัวมากๆ นะคะ
แต่แล้วมหันตภัยเอดส์ก็มาเยือนค่ะ!
เพื่อนบ้านแทบช็อกไปตามๆ กันเมื่อรู้ว่าคนที่เรารู้จักมักคุ้นมานาน มีความสุขจนน่าอิจฉา จะตกเป็นเหยื่อของโรคร้ายอย่างไม่นึกไม่ฝัน
ที่น่าขนหัวลุกยิ่งกว่านั้นก็คือ...คนที่เป็นเอดส์คือน้านพค่ะ ไม่ใช่น้องว่าน!
น้าฝนสนิทสนมกับที่บ้านเคยมาปรับทุกข์กับแม่ดิฉัน เธอเล่าทั้งน้ำตาว่าน้านพมีเพื่อนฝูงมากมาย ไหนจะลูกน้องอีกล่ะ ล้วนแต่ชักชวนกันเที่ยวเตร่ ดื่มเหล้าเมาแล้วอดซุกซนเสเพลไม่ได้ จนน้านพติดเชื้อร้ายโดยไม่รู้ตัว
เราเพิ่งนึกได้ว่าน้านพที่เคยขาวท้วมกลับผอมซูบลงในระยะหลังๆ มีแต่คนทักว่าหุ่นดี...ดูหนุ่มเหมือนอายุเพิ่งสี่สิบต้นๆ ไม่นึกว่าจะติดเอดส์หรอกค่ะ
ผ่ายผอมและดำคล้ำ หน้าตาซูบซีดผิดกว่าเดิมเป็นคนละคน!
โชคดีอยู่อย่างที่น้าฝนไม่ได้ติดเอดส์จากสามี แต่เธอกับลูกชายก็มีความทุกข์...เดือดร้อนกันสุดชีวิตแล้วนะคะ
น้านพเวียนเข้าเวียนออกโรงพยาบาลนับครั้งไม่ถ้วน พ่อแม่ดิฉันเคยไปเยี่ยมแก 2-3 ครั้ง กลับมาก็หดหู่จนพูดอะไรไม่ออก ข้างน้าฝนก็ใจถึง...ไม่เคยต่อว่าต่อขานสามีแม้แต่คำเดียว ใครถามก็ตอบสั้นๆ ว่า...เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว พูดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก
เธอทำงานบ้าน ปรนนิบัติสามี ดูแลลูกเต้า ตัวเป็นเกลียว จนกระทั่งน้านพไปสิ้นใจที่โรงพยาบาล หลังจากทนทุกข์ทรมานมาเกือบ 3 ปี!
น้าฝนคงจะทำใจได้แล้วค่ะ หลังจากบำเพ็ญกุศลไปลอยอังคารที่ทะเล สองแม่ลูกก็ใช้ชีวิตกันต่อไป แม้ว่าบ้านช่องจะเงียบเหงาเยือกเย็นเพราะขาดพ่อบ้านก็ตาม
ราวหนึ่งเดือนต่อมาก็เกิดเรื่องน่าขนหัวลุก ขึ้นค่ะ!
รถยนต์ที่น้านพเคยใช้ประจำ ตอนหลังน้าฝนเป็นคนใช้ ตั้งแต่สามีป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลระยะแรกๆ มาแล้ว...จู่ๆ มันก็ดังกระหึ่มขึ้นกลางดึก เพื่อนบ้านได้ยินก็ไม่สนใจเพราะคิดว่าน้าฝนเพิ่งกลับจากธุระ แต่น้าฝนมาเล่าเองว่าเธอกับลูกชายสะดุ้งตื่น ลุกมาดูด้วยความตกตะลึงจนเครื่องยนต์ดับเงียบไปเอง
แม่ดิฉันบอกว่าน้านพคงมาเยี่ยมลูกเมีย ส่วนพ่อแนะนำให้น้าฝนทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ หลังจากนั้นเสียงสยองขวัญก็ไม่ปรากฏขึ้นอีกเลย
ต่อมาเกิดเหตุการณ์สยองที่หนักกว่าเก่าด้วยซ้ำไป!
มีคนในซอยลือกันว่า เดินผ่านมาตอนดึกๆ เห็นผู้ชายผ่ายผอม ดำเกรียมเหมือนซากศพ เดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าบ้านน้าฝน ส่วนคนที่รู้จักกับครอบครัวนี้ดีก็ยืนยันว่าเป็นน้านพแน่ๆ เพราะเคยเห็นก่อนจะเสียชีวิต
คืนหนึ่ง ดิฉันกลับบ้านราวสี่ทุ่มเศษ ยังมีรถราและผู้คนผ่านไปมา พอลงจากแท็กซี่ก็หันไปมองทางบ้านน้าฝนเหมือนมีอะไรดลใจ...
เชื่อไหมคะ ขนาดมีคนเดินผ่าน 2-3 คนด้วยซ้ำ แต่ดิฉันเห็นร่างใครไม่ทราบนั่งกอดเข่าอยู่หน้าประตู ใต้ร่มแสงจันทร์ริมรั้ว ใจนึกวูบถึงน้านพ...เล่นเอาขาสั่น มือเท้าเย็น ปากคอแห้งผากไปหมด...
ก่อนจะทันเข้าบ้าน ใครคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างเชื่องช้า...น้านพจริงๆ ค่ะ!
รุ่งเช้าดิฉันรีบใส่บาตร กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ทันที บางคนบอกว่าเป็นวิญญาณบาปมาขอลุกะโทษ แต่ดิฉันคิดว่าเป็นวิญญาณที่น่าเวทนามากกว่า จริงไหมคะ?
ดิฉันเคยอ่านหนังสือการแพทย์ เกี่ยวกับความรู้เรื่องโรคเอดส์ ได้พบข้อความน่าประทับใจมากๆ จึงขอนำมาถ่ายทอดเพื่อเป็นความรู้ กับเตือนสติผู้ชะล่าใจจนเกิดความประมาทไว้ด้วยค่ะ
"การมีเพศสัมพันธ์กับผู้มีเชื้อเอชไอวี โอกาสที่จะติดโรคร้ายมีเปอร์เซ็นต์น้อยก็จริง แต่ถ้าติดโรคแล้วไม่มีทางรักษาให้หาย ต้องเสียชีวิตด้วยโรคเอดส์แน่นอน"
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้ว คงจะฉุกคิดได้ว่าไม่ควรเสี่ยงชีวิตเด็ดขาด!
พูดถึงเรื่องนี้ทำให้ดิฉันนึกถึงเรื่องขนหัวลุก ที่ได้ประสบมาเมื่อราว 5-6 ปีก่อน เหตุเกิดที่บ้านใกล้เรือนเคียงในห้วยขวางนี่เอง
น้านพกับน้าฝน มีลูกชายวัยรุ่นคนเดียวชื่อว่าน (นามสมมตินะคะ) น้านพเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจระดับสูง อายุราวห้าสิบเศษ น้าฝนเคยทำงานบริษัทประกันภัยมาก่อน แต่ระยะหลังๆ สุขภาพไม่ดีจึงลาออกมาเป็นแม่บ้านอย่างเดียว
ครอบครัวนี้ล้วนแต่อัธยาศัยดี น่ารักทุกคนค่ะ น้านพขาวท้วมนิสัยร่าเริง น้องว่านก็หน้าคมผิวคล้ำคล้ายแม่ กำลังเรียน ม.ปลาย ดูๆ แล้วน่าจะเป็นชีวิตที่ลงตัวมากๆ นะคะ
แต่แล้วมหันตภัยเอดส์ก็มาเยือนค่ะ!
เพื่อนบ้านแทบช็อกไปตามๆ กันเมื่อรู้ว่าคนที่เรารู้จักมักคุ้นมานาน มีความสุขจนน่าอิจฉา จะตกเป็นเหยื่อของโรคร้ายอย่างไม่นึกไม่ฝัน
ที่น่าขนหัวลุกยิ่งกว่านั้นก็คือ...คนที่เป็นเอดส์คือน้านพค่ะ ไม่ใช่น้องว่าน!
น้าฝนสนิทสนมกับที่บ้านเคยมาปรับทุกข์กับแม่ดิฉัน เธอเล่าทั้งน้ำตาว่าน้านพมีเพื่อนฝูงมากมาย ไหนจะลูกน้องอีกล่ะ ล้วนแต่ชักชวนกันเที่ยวเตร่ ดื่มเหล้าเมาแล้วอดซุกซนเสเพลไม่ได้ จนน้านพติดเชื้อร้ายโดยไม่รู้ตัว
เราเพิ่งนึกได้ว่าน้านพที่เคยขาวท้วมกลับผอมซูบลงในระยะหลังๆ มีแต่คนทักว่าหุ่นดี...ดูหนุ่มเหมือนอายุเพิ่งสี่สิบต้นๆ ไม่นึกว่าจะติดเอดส์หรอกค่ะ
ผ่ายผอมและดำคล้ำ หน้าตาซูบซีดผิดกว่าเดิมเป็นคนละคน!
โชคดีอยู่อย่างที่น้าฝนไม่ได้ติดเอดส์จากสามี แต่เธอกับลูกชายก็มีความทุกข์...เดือดร้อนกันสุดชีวิตแล้วนะคะ
น้านพเวียนเข้าเวียนออกโรงพยาบาลนับครั้งไม่ถ้วน พ่อแม่ดิฉันเคยไปเยี่ยมแก 2-3 ครั้ง กลับมาก็หดหู่จนพูดอะไรไม่ออก ข้างน้าฝนก็ใจถึง...ไม่เคยต่อว่าต่อขานสามีแม้แต่คำเดียว ใครถามก็ตอบสั้นๆ ว่า...เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว พูดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก
เธอทำงานบ้าน ปรนนิบัติสามี ดูแลลูกเต้า ตัวเป็นเกลียว จนกระทั่งน้านพไปสิ้นใจที่โรงพยาบาล หลังจากทนทุกข์ทรมานมาเกือบ 3 ปี!
น้าฝนคงจะทำใจได้แล้วค่ะ หลังจากบำเพ็ญกุศลไปลอยอังคารที่ทะเล สองแม่ลูกก็ใช้ชีวิตกันต่อไป แม้ว่าบ้านช่องจะเงียบเหงาเยือกเย็นเพราะขาดพ่อบ้านก็ตาม
ราวหนึ่งเดือนต่อมาก็เกิดเรื่องน่าขนหัวลุก ขึ้นค่ะ!
รถยนต์ที่น้านพเคยใช้ประจำ ตอนหลังน้าฝนเป็นคนใช้ ตั้งแต่สามีป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลระยะแรกๆ มาแล้ว...จู่ๆ มันก็ดังกระหึ่มขึ้นกลางดึก เพื่อนบ้านได้ยินก็ไม่สนใจเพราะคิดว่าน้าฝนเพิ่งกลับจากธุระ แต่น้าฝนมาเล่าเองว่าเธอกับลูกชายสะดุ้งตื่น ลุกมาดูด้วยความตกตะลึงจนเครื่องยนต์ดับเงียบไปเอง
แม่ดิฉันบอกว่าน้านพคงมาเยี่ยมลูกเมีย ส่วนพ่อแนะนำให้น้าฝนทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ หลังจากนั้นเสียงสยองขวัญก็ไม่ปรากฏขึ้นอีกเลย
ต่อมาเกิดเหตุการณ์สยองที่หนักกว่าเก่าด้วยซ้ำไป!
มีคนในซอยลือกันว่า เดินผ่านมาตอนดึกๆ เห็นผู้ชายผ่ายผอม ดำเกรียมเหมือนซากศพ เดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าบ้านน้าฝน ส่วนคนที่รู้จักกับครอบครัวนี้ดีก็ยืนยันว่าเป็นน้านพแน่ๆ เพราะเคยเห็นก่อนจะเสียชีวิต
คืนหนึ่ง ดิฉันกลับบ้านราวสี่ทุ่มเศษ ยังมีรถราและผู้คนผ่านไปมา พอลงจากแท็กซี่ก็หันไปมองทางบ้านน้าฝนเหมือนมีอะไรดลใจ...
เชื่อไหมคะ ขนาดมีคนเดินผ่าน 2-3 คนด้วยซ้ำ แต่ดิฉันเห็นร่างใครไม่ทราบนั่งกอดเข่าอยู่หน้าประตู ใต้ร่มแสงจันทร์ริมรั้ว ใจนึกวูบถึงน้านพ...เล่นเอาขาสั่น มือเท้าเย็น ปากคอแห้งผากไปหมด...
ก่อนจะทันเข้าบ้าน ใครคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างเชื่องช้า...น้านพจริงๆ ค่ะ!
รุ่งเช้าดิฉันรีบใส่บาตร กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ทันที บางคนบอกว่าเป็นวิญญาณบาปมาขอลุกะโทษ แต่ดิฉันคิดว่าเป็นวิญญาณที่น่าเวทนามากกว่า จริงไหมคะ?
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!