อุปสรรคคือเกาะกลางถนนขัดขวาง ยืดยาวจากสี่แยกสุทธิสารไปจนถึงมุมถนนเกือบถึงห้าแยกลาดพร้าวโน่นแน่ะ
แหม! รักจะไปมาหาสู่กันซะอย่าง เรื่องแค่นี้ถือว่าจิ๊บจ๊อยครับ!
เรื่องขนหัวลุกอุบัติขึ้นเมื่อผมบึ่งรถเอาขาหมูเจ้าอร่อยในซอยบ้านผมไปฝากเจ้านัต เพราะมันเคยชิมตอนมาหาผม พาไปซดเบียร์แกล้มขาหมูข้างบ้านครั้งเดียว เจ้านัตชมเปาะไม่ขาดปากว่าอร่อยเหาะ นุ่มปากนุ่มลิ้นซะไม่มีละ...มาทีไรเป็นต้องชวนไปที่ร้านเจ๊แกเป็นประจำ
วันนั้นผมโทร.ไปหาเพื่อน ถามว่าอยู่บ้านหรือเปล่า? ตอนเย็นๆ จะหิ้วขาหมูไปฝาก เจ้านัตหัวเราะร่าบอกว่าจะแช่โซดาเอาไว้ต้อนรับ มีเพื่อนบ้านที่สนิทกัน 2-3 คนว่าจะหากับแกล้มเด็ดๆ มาร่วมวงด้วย
เรื่องราวผ่านไปอย่างราบรื่นชื่นบาน วงเหล้าครึก ครื้นกันหายห่วง ไหนจะมีทั้งเสือร้องไห้ แหนมหม้อ พล่ากบ แถมด้วยขาหมูรสเด็ดที่ผมเอาไปฝาก...พูดคุยกันออกรสจนถึงสามทุ่มกว่า พอดีฝนตกกระหน่ำลงมาเหมือนฟ้ารั่ว แต่พวกเราก็ไม่เดือดร้อนอันใด
ซดเหล้ากันอยู่ในบ้าน ฝนหายเมื่อไหร่ค่อยแยกกันกลับ คนอื่นน่ะบ้านอยู่ใกล้ๆ มีผมคนเดียวที่ไกลหน่อย แต่ก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ เรื่องแค่นี้...
ราวสี่ทุ่มครึ่งฝนก็ซาเม็ดจนกระทั่งหายขาด พวกเราร่ำลาเพื่อนฝูง ผมสวมหมวกนิรภัยเรียบร้อยก็บ๊ายบายเพื่อน ขับรถออกมาด้วยอาการมึนเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับเมามายอะไรนัก
แสงไฟส่องจ้าทำให้เห็นสายฝนบางๆ ยังพรมพรำอ้อยสร้อย สรรพสิ่งเปล่าเปลี่ยวเงียบเชียบ...ผมขับผ่านคิวมอเตอร์ไซค์ตรงหัวมุมมุ่งหน้าไปทางซอย 3 ที่อยู่ไม่ไกลนัก เดี๋ยวก็จะออกวิภาวดี...เลี้ยวซ้าย-ขวาจนกระทั่งถึงซอยบ้าน...
เอ๊ะ! ทำไมมาโผล่เอาถนนด้านหลังโรงแรมล่ะ?
ถนนเปียกโชกอยู่ในแสงไฟ ไม่มีรถราแล่นผ่านไปมาแม้แต่คันเดียว!
ไม่เป็นไร! คนกำลังมึนๆ ก็เป็นยังงี้แหละ ผมมองดูตึกแถวที่ขวางทางก็เห็นปิดกันหมดสิ้น...เลี้ยวซ้ายอีกทีก็ถึงซอย 3 แล้ว ผมขับรถช้าๆ อย่างระมัดระวัง...ก่อนจะเห็นอะไรบางอย่างโดดเด่นอยู่ในแสงไฟ
คิวมอเตอร์ไซค์ที่เพิ่งจะผ่านมาหยกๆ นั่นเอง!
มียกพื้นแคบๆ อยู่ใต้ร่มไม้และหลังคาสังกะสี ตอนเย็นๆ เคยเห็นมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ 2-3 คันเป็นประจำ คนขับนั่งเล่นหมากฮอสมั่ง คุยกันมั่ง...บ้างก็สูบบุหรี่มองดูสาวๆ ที่ผ่านไปมาวันมีตลาดนัด...แต่ยามนี้ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว
แน่ละซี! ทั้งดึกดื่นแถมฝนตกมานานอีกต่างหาก ใครๆ ก็คงกลับบ้านหลับนอนหมดแล้ว...ผมเองก็ชักจะง่วงนอนเต็มที
บึ่งรถผ่านตึกแถว ถัดไปเป็นป่าละเมาะรกครึ้มไปสู่ซอย 3 กะว่าเลี้ยวเข้าถนนกว้างในแสงไฟยามดึกดิบดีแล้วเชียวนา แต่ไหงกลับมาเจอเพิงที่พักคิวมอเตอร์ไซค์เข้าอีกล่ะ?
อะไรกัน?! ผมสะบัดหน้ามึนงง...เรากำลังหลงทาง เหรอนี่? ไม่น่าจะเป็นไปได้! หนทางก็ไม่ได้คดเคี้ยวยอกย้อนอะไร...หรือว่าเราเมาจนจำทางออกไม่ได้ ผมบึ่งรถไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว...ให้มันรู้ไปว่าจะหลงทางจริงๆ
นรกเป็นพยาน! เบื้องหน้าผมก็คือเพิงพักแห่งเดิมนั่นเอง!
คราวนี้เล่นเอาเข่าอ่อน...แน่ใจแล้วว่าตัวเองเมาหนัก ต้องกลืนน้ำลายลงคอแห้งผาก อยากดื่มน้ำเย็นแก้วโตๆ ให้เต็มอิ่ม...ดับเครื่องลงจากรถไปนั่งพักบนเพิงนั้นพลางถอดหมวกนิรภัยออก แว่วเสียงยอดไม้ไหวซ่า น้ำฝนหล่นกราวลงบนหลังคา ก่อนที่สรรพสิ่งจะตกอยู่ในความเงียบเชียบจนชวนให้ง่วงงุน...
เนื้อตัวหนักอึ้ง จมดิ่งลงสู่ห้วงเหวดำมืด แต่ก็มองเห็นสาวสวยผู้หนึ่งกำลังจ้องมองอย่างยั่วเย้า ผมยาวสยาย นัยน์ตาดำขลับเหมือนหินใสๆ ปากแดงสดเผยอยิ้มจนเห็นฟันขาววับ...เสียงหัวเราะวู่หวิวคล้ายสายลมเย็นยะเยือก...ก่อนจะชะโงกหน้าใกล้เข้ามาทุกที
"เฮ้ย!" ผมร้องสุดเสียง ลุกพรวดพราดขึ้นมา...ภาพของสาวสวยผู้นั้นค่อยๆ เลือนหายไป ผมโดดลงจากเพิง...ไม่แยแสหมวกนิรภัยกับรถมอเตอร์ไซค์อีกแล้ว นอกจากจะเผ่นไปหาเจ้านัตไม่คิดชีวิต ทุบประตูโครมครามจนตื่นกันทั้งบ้าน
เจ้านัตรู้เรื่องก็ทำหน้างงๆ บอกว่าไม่เคยมีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นที่เพิงนั้นเลย...คงจะเป็นวิญญาณพเนจรผ่านมา หรือไม่ผมก็คงเมาจนตาลายไปเอง...แต่ที่แน่ๆ คือขนหัวลุกครับ!