ผมอยู่ที่ซอย 3 ถนนวิภาวดีฯ ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มน้อยจนถึงหนุ่มใหญ่ นับเวลาก็ปาเข้าไปเกือบ 20 ปีแล้วละครับ ทั้งๆ ที่ซอยนั้นค่อนข้างคึกคักและเจริญขึ้นอย่างผิดหูผิดตาในช่วง 10 กว่าปีนี้ แต่มีความลับอยู่อย่างที่น่าขนลุกขนพองจริงๆ ด้วย
นั่นคือ ซอยนี้ผีดุครับ!
มีโรงแรมก็ลือกันว่าสุดจะเฮี้ยน มีตึกแถวด้านในใกล้ๆ กับขนส่งก็กลายเป็นตึกร้าง ยืนตายซอกผุพังเหมือนผีที่ยังไม่ได้เผาหรือฝัง...เพิ่งจะรื้อทิ้งราบคาบเมื่อไม่นานนี้เอง
เข้าไปในซอยทางขวามือซีครับ ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นดินแดนน่าขนหัวลุกซะไม่มี!
ตั้งแต่ริมถนนวิภาวดีรังสิต ที่แต่ก่อนชื่อถนนซูเปอร์ ไฮเวย์ ยาวเหยียดไปถึง ล้วนแต่เป็นที่รกร้างว่างเปล่า เขาว่ามีท่านเศรษฐีมาซื้อทิ้งเอาไว้เมื่อราว 40 ปีมาแล้ว
คนเก่าๆ เล่าว่า สมัยก่อนยังไม่มีเกาะกลางถนนซูเปอร์ไฮเวย์ เกิดอุบัติเหตุแทบไม่เว้นแต่ละวัน ส่วนมากไม่ใช่อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ แต่มักจะมีคนตายเป็นประจำ จนมีการขึ้นป้ายบอกจำนวนคนเจ็บและคนตายเป็นร้อยๆ ศพ เกือบจะถึงพันศพเห็นจะได้ ถึงมีการสร้างเกาะป้องกันอุบัติเหตุขึ้นมา
เคยเรียกขานกันว่า "สี่แยกร้อยศพ" ก็เลยเพลาๆ ไป
แหม! คนในซอย 3 ที่ต้องตกเป็นเหยื่อก็ไม่ใช่น้อยนะครับ เกิดเสียงลือกันว่าตอนดึกๆ มีรถคนตายวิ่งเข้าซอยมา บางทีก็มองเห็นจังๆ เล่นเอาร้องจ้ากันเป็นทิว แต่บางครั้งแค่ได้ยินเสียงก็จำได้ว่าเป็นรถของคนข้างบ้านที่โดนชนตายเรียบ ถึงกับนอนคลุมโปงไปตามๆ กัน
ที่น่ากลัวสุดๆ ไม่มีอะไรเกินที่รกร้างว่างเปล่านั่นหรอกครับ เพราะเวลาผ่านไปเป็นสิบๆ ปี ไม่มีคนดูแลก็มีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นร่มครึ้ม ไหนจะป่าละเมาะริมทางที่มีรั้วลวดหนามกั้นเอาไว้ลวกๆ อีกล่ะ...ไม่ช้าก็กลายเป็นที่ทิ้งขยะไป
ส่วนมากเป็นขยะใหญ่ๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ตู้ เตียง พวกถ้วยชามรามไห เครื่องใช้เก่าๆ อย่างหม้อหุงข้าว พัดลม ทีวี แม้แต่ตู้เย็นที่หมดสภาพก็ยังนำมาโยนทิ้งสุมๆ กันไว้นี่นา
นับวันก็ยิ่งกลายเป็นป่ารกทึบ มืดครึ้มทั้งกลางวันกลางคืน...จนลือกันว่ามีรถมาวนเวียนตอนดึกๆ แถวนั้น...คงจะเอาศพมาทิ้ง! ตอนดึกๆ ดื่นๆ มีคนเห็นร่างดำๆ เคลื่อน ไหวอยู่ในดงไม้น่าสยอง บางคืนก็มีเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังออกมาด้วย! บรื๋ออออ...
จริงเท็จไม่รู้ละ แต่ฟังแล้วขนลุกขนพองไปตามๆ กัน!
วันดีคืนดีก็มีการโก่นถางที่ดินตั้งแต่ปากซอยเข้าไป จากป่าพงดงทึบกลายเป็นที่โล่ง ยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตาก็ว่าได้...ไปจนถึงรั้วโรงแรมโน่น
เวลาผมผ่านไปผ่านมาตอนเช้ากับตอนค่ำ เห็นแล้วรู้สึกพิลึกๆ ชอบกล แม้ว่าจะดูโล่งว่างแต่ก็ลึกลับยังไงบอกไม่ถูก ลือกันว่าจะสร้างคอนโดฯ หลายหลังบ้าง ทำเป็นศูนย์การค้าระดับมหึมาของกรุงเทพฯ บ้าง ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรกันแน่?
คืนหนึ่งผมก็เจอะเจอเรื่องขนหัวลุกเข้าอย่างจัง!
ตอนนั้นราว 3 ทุ่มเศษ หลังจากดวดดื่มกับเพื่อนฝูงแถวนั้น ผมย่ำต๊อกจากปากซอยเข้ามากับเจ้าโก๋ซึ่งบ้านอยู่ใกล้ๆ กันด้านซ้ายเกือบถึงคลองบางซื่อ...เดินพลางก็พูดคุยกันและมองไปทางที่โล่งขวามือไปด้วย เพราะเขาเพิ่งกั้นรั้วลวดหนามไม่ได้นาน...บ้านช่องที่อยู่ลึกเข้าไปทาง "วังเด็ก" ยังเปิดไฟชั้นบนอยู่ 5-6 หลัง รถวินน่ะเลิกวิ่งกันไปแล้วครับ
ต้นไม้ที่ถูกโค่นกลายเป็นท่อนใหญ่ๆ กองสุมกันเป็นภูเขาเลากา ไม่มีใครสนใจ...แหม! ถ้าเป็นต่างจังหวัดที่ค่อนข้างกันดาร คงจะมีชาวบ้านมาขนไปเผาถ่านหรือทำฟืนแน่ๆ
เจ้าโก๋ตั้งข้อสังเกตว่า...ถ้าขุดลงไปพบกระดูกคนจะเป็นยังไง? ผีเจาะปากแท้ๆ ไอ้นี่!
ผ่านรัศมีแมนชั่นกับร้านอาหารป่าชื่อดัง เรายังคุยกันว่า เจ้าของเขาจะสร้างอะไรหนอ? ความเจริญที่มีทั้งโรงแรมน้อยใหญ่ อพาร์ตเมนต์หลายหลัง คงจะพุ่งปรู๊ดปร๊าดจนต้องขยายถนนซอยที่ค่อนข้างคับแคบเป็นแน่
สายลมกระโชกวูบ ผมหันไปมองที่ว่างเปล่าอีกครั้ง คราวนี้เห็นอะไรบางอย่างที่สะดุดตาสะดุดใจชอบกล...
ชายกลุ่มหนึ่งนั่งขัดสมาธิล้อมวง ท่าทางเหมือนดวดดื่มสุราอยู่บนลานดินที่เคยเชื่อกันว่ามีฆาตกรเอาศพมาเหวี่ยงทิ้ง หรือหมกป่าเอาไว้หลายรายตั้งสิบๆ ปีมาแล้ว...ผมเลยสะกิดเพื่อนให้ดู เจ้าโก๋โพล่งขึ้นอีกว่า...ใครจะมานั่งกินเหล้าที่นี่วะ ยกเว้นผี!
แทบจะไม่ขาดคำ ชายกลุ่มนั้นก็หันขวับมามองเราพร้อมๆ กัน ใบหน้าดำเมี่ยมดูว่างเปล่า ไม่มีปากไม่มีจมูก ยกเว้นนัยน์ตาแดงจ้าเหมือนถ่านไฟที่กำลังคุโพลง เล่นเอาเจ้าโก๋ร้องจ๊าก กระโดดตัวลอย ออกวิ่งนำหน้าเหมือนลมพัด มีผมกวดตามไม่คิดชีวิต
...ว่าแต่คุณเถอะ เชื่อหรือเปล่าครับว่าผีมีจริง!