นรกในโรงนา

"มัธยันต์" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากคืนฟ้าพิโรธ

พายุฝนกำลังอื้ออึงอยู่ใต้ฟ้าสีหมึก ต้น ไม้ใหญ่น้อยโอนเอนเหมือนจะถอนรากถอนโคน... แม้แต่ตาลยอดด้วนเพราะโดนฟ้าผ่าเมื่อปีก่อนก็ทำท่าจะหักโค่นลงได้ เพราะความรุนแรงของลมฝนปลายฤดู

ชายชรานั่งกอดเข่าสูบยาใบตองแดงวาบๆ อยู่ที่มุมโรงนาเก่าคร่ำเต็มที เงี่ยหูฟังเสียงฝนกระหน่ำ ฟ้าแลบวาบคล้ายงูยักษ์กำลังเลื้อยปราดอยู่ในผืนฟ้ามืดดำ ตามด้วยเสียงคำรนคำรามแสบแก้วหู สะท้อน สะท้านเป็นทอดๆ มองไม่เห็นว่าฟ้าผ่าโครมครามลงตรงไหน...

ฟ้าจะผ่าลงมาแถวนี้อีกหรือเปล่าหนอ...เขาว่าฟ้าจะไม่ผ่าซ้ำที่กันไม่ใช่หรือ?

เสียงบุกสวบสาบน้ำกระจายดังมาจากหลังโบสถ์ ชายชราหันไปมองเห็นร่างดำทะมึน ดูกลม กลืนไปกับความมืดในม่านฝน พอดีฟ้าแลบวาบอีกครั้ง...แวบนั้นเองที่ทำให้เห็นชายหนุ่มแปลกหน้าวิ่งหัวซุกหัวซุนมาที่โรงนา ทั้งๆ ที่เปียกโชกไปทั้งตัวแล้ว

หรือมันจะกลัวฟ้าผ่า?

จริงซีนะ ปีนี้ฝนฟ้าแรงเหลือเกิน ไอ้เผื่อนโดนฟ้าผ่าตายกลางทุ่ง ไม่ช้ายายแป้นกับลูกสาวหลบฝนอยู่ใต้ต้นสะตือแท้ๆ ยังโดนฟ้าผ่าตายคาที่ทั้งคู่ จะมีก็แต่ไอ้ช้วนกับไอ้เนียนเท่านั้นที่โชคดี โดนฟ้าผ่าเฉียดๆ แค่สลบไปเท่านั้นเอง

โรงนาไหวเยือก ชายชรามองดูหนุ่มแปลกหน้าก้าวพรวดพราดเข้ามา

"ไอ้ฝนฉิบหาย! ไอ้ฝนระยำ..." เสียงแช่งด่าขาดหายเมื่อฟ้าแลบอีกครั้งภาพของชายทั้งคู่สว่างจ้าเหมือนมีแสงไฟสาดส่อง ชายหนุ่มสลัดน้ำฝนด้วยการเหวี่ยงแขนทั้งสองข้างยกมือขึ้นเสยผมดกดำ ทำท่าเหมือนกับอยู่ในโรงนาใกล้ผุพังเพียงเดียวดาย!

กระทั่งพายุฝนอื้ออึงหนักหน่วงค่อยๆ เบาบางลง...ชายชรากระแอมกระไอคล้ายทักทายอยู่ในที

"พ่อหนุ่มมาจากไหนน่ะ ดึกดื่นป่านนี้?"

"กรุงเทพฯ น่ะซี" เขาตอบเสียงห้วน รถมันเสือกเสียตอนเข้ามาทางนี้ พอเดินมาได้หน่อยก็เจอฝน! ไอ้ฝนริยำ! ฟ้าผ่าอีกไม่รู้กี่หน..."

แทบจะไม่ขาดคำ เสียงโครมครืนก็ดังขึ้นอีกครั้ง

"อย่าแช่งฟ้าแช่งฝนเลยพ่อคุณ..." แกพูดเสียงแหบๆ ลมพัดกราวจนน้ำฝนที่ค้างอยู่ตามยอดไม้ร่วงพรูลง "เขาว่ามันไม่เป็นมงคล...ฟ้าดินจะลงโทษเอา"

"ใครกลัวกันล่ะ?" เขาสะบัดเสียง ก่อนจะหันมาแสยะยิ้มอยู่ในความมืดสลัว "ลุงกลัวฟ้าฝนแล้วมานั่งอยู่ที่นี่ทำไม? เขาลือกันว่าแถวนี้ยิ่งผีดุอยู่ด้วย ไม่กลัวเรอะ?"

คำตอบคือความเงียบ...ฝนซาเม็ดไปมากแล้ว เหลือแต่สายบางๆ สาดกระจายไปตามสายลมที่คร่ำครวญไม่หยุดหย่อน...ชายชราชันเข่าขึ้นมากอดไว้แน่นหนายิ่งกว่าเดิม คล้ายจะเกิดความเหน็บหนาวร้าวรอนเต็มประดา

"ที่นี่เคยโดนฟ้าผ่าใช่มั้ยลุง?" เขาถามเสียงแหบแห้งลงไป "ที่ต้นตาลน่ะ..."

"ใช่! กลายเป็นตาลยอดด้วนอยู่ทุกวันนี้ เอ๊ะ! ทำไมคุณรู้..."

"ไม่ใช่ความลับนี่นา" เขายิ้มคล้ายแสยะ "ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้น..."


"อือม์..." ชายชราพยักหน้า เหลียวไปมองตาลยอดด้วนด้วยแววตาหวาดระแวง "แต่เขาว่าฟ้ามันจะไม่ผ่าซ้ำที่หรอกคุณ"

"งั้นเรอะ?" เขายักไหล่เยาะๆ "แต่ก็ไม่แน่ใช่มั้ย? ฟ้ามันจำไม่ได้หรอกว่าเคยผ่าที่ไหนมั่ง? ไม่เหมือนคน! ขนาดคนจำได้แท้ๆ ยังทำผิดพลาดซ้ำซากได้นี่นา"

ชายชรากลืนน้ำลาย จ้องมองใบหน้าขาวๆ ที่ดูจะชัดเจนขึ้นทุกทีเหมือนจะเรียกร้องความทรงจำ...เมฆฝนกำลังจะหมดไป ฟ้าเริ่มขาวขึ้น...แต่มีอะไรแน่นอนละหรือ? มีอะไรที่จะไว้เนื้อเชื่อใจได้อย่างแท้จริงล่ะ?

นั่นปะไร! เสียงฟ้าดังโครมครืนใกล้เข้ามาอีกแล้ว! ใกล้เข้ามา...ใกล้เข้ามาทุกที

"ใครว่าฟ้าจะไม่ผ่าซ้ำที่เดิม?" ชายหนุ่มหัวเราะร่า ไม่แน่นะลุง หรือว่ากลัวก็บอกมาตามตรงเถอะน่า..."

แทบจะไม่ขาดเสียง แสงขาววาบก็แล่นปราดจนตาพร่า ตามด้วยเสียงโครมสนั่น ตาลยอดด้วนขาดกลาง เปลวไฟลุกท่วมเหมือนจะกลายเป็นนรกอเวจีบัดดล!

ก่อนหน้านั้น...แสงขาววูบบาดตาน่าขนหัวลุก ชายทั้งสองทะลึ่งพรวดขึ้นพร้อมๆ กัน ชายหนุ่มยืนตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นร่างผอมกะหร่องของชายชรากลายเป็นโครงกระดูกขาวโพลน...ตามด้วยเสียงสายฟ้าฟาดต้นตาลจนไฟไหม้คึ่กๆ

ชายหนุ่มกระโจนจากโรงนา วิ่งล้มลุกคลุกคลานเตลิดหนีด้วยความกลัวสุดขีดปิ่มว่าจะสิ้นลมปราณ!



นรกในโรงนา

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์