หนูเป็นเด็กประจวบคีรีขันธ์ มีคำขวัญประจำจังหวัดคือ "สับปะรดหวาน น้ำตาลขาว มะพร้าวหอม น้ำผึ้งเดือนห้า น้ำปลากลมกล่อม น้ำใจโอบอ้อมอารี"
ใครเล่าเรื่องผีก็มักเล่าประวัติของจังหวัดด้วย หนูชอบเพราะได้ความรู้ดี เลยถือโอกาสเล่าเรื่องจังหวัดของหนูให้ทราบด้วยนะคะ คุณย่ากับคุณยายชอบเล่าให้ฟังบ่อยๆ ค่ะ
ประจวบคีรีขันธ์มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อเมืองบางนางรม หรือเมืองนารัง ตามที่ตั้งของเมืองที่อยู่ริมคลองบางนางรม ชาวบ้านเรียก "คลองอีรม" เมื่อเสียกรุงครั้งสุดท้ายเลยกลายเป็นเมืองร้างไป จนสมัยรัชกาลที่ 2 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ฟื้นฟูหัวเมืองต่างๆ เมืองบางนางรมจึงเกิดขึ้นใหม่ค่ะ
พอถึงรัชกาลที่ 4 พระราชทานนามเมืองนี้เสียใหม่ เป็นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คู่กับจังหวัดประจันต์คีรีเขต หรือเกาะกง โดยรวมเอาเมืองกุยและเมืองวาฬเข้าไว้ด้วยกัน ส่วนเมืองปราณบุรีถูกยุบเป็นอำเภอขึ้นกับจังหวัดเพชรบุรี เมืองกำเนิดนพคุณ (บางสะพาน) ขึ้นกับจังหวัดชุมพร
ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมประจวบฯ ปราณบุรี และบางสะพานเป็นจังหวัดปราณบุรี มีศาลากลางอยู่ที่ตำบลเกาะเหล็ก
กระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อจากจังหวัดปราณบุรีมาเป็นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จนถึงทุกวันนี้!
เชื่อกันว่าจังหวัดนี้ในอดีตไม่อาจจะตั้งเป็นบ้านเมืองได้อย่างมั่นคงนั้น เป็นเพราะมีอาณาเขตติดต่อกับพม่าที่เคยเกิดสงครามขึ้นหลายครั้ง โดยใช้ทิวเขาตะนาวศรีเป็นเส้นทางเดินทัพเข้ามาในเขตไทยผ่านช่องสิงขร ซึ่งมีช่วงแคบที่สุดเพียง 11 กิโลเมตรเท่านั้น
เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น กองทัพญี่ปุ่นก็ยกพลขึ้นบกที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นแห่งแรกค่ะ!
ผู้ใหญ่ท่านเล่าว่า ก่อนจะเสียกรุงครั้งที่ 2 มีกองม้าลาดตระเวนจู่โจมจากบ้านคำหยาด อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ทั้งสิ้นจำนวน 500 นาย ได้ประกอบ วีรกรรมหาญกล้า น่านำมาเล่าสู่กันฟัง
(บางตำราว่าเป็นนักรบกองอาทมาต 400 นาย นำโดยขุนรองปลัดชู)
นั่นคือได้รับคำสั่งให้ยกกำลังมายอทัพข้าศึกที่ช่องสิงขร เนื่องจากเป็นช่องแคบที่อาจต่อต้านข้าศึกซึ่งมีกำลังเหนือกว่าได้
พระยารัตนาธิเบศร์แม่กองบัญชาการรบฝ่ายทิศใต้และตะวันตก มีศูนย์อยู่ที่แขวงราชบุรี ได้แต่งตั้งให้พระยาเพชรบุรีเป็นแม่ทัพหน้า ยกกำลังไปปะทะพม่าไว้เป็นด่านแรก แต่พระยาเพชรบุรีกลับให้กองทหารม้าบ้านคำหยาดไปจู่โจมตัดกำลัง หวังให้ข้าศึกเคลื่อนทัพได้ช้าลง พระยาเพชรบุรีจัดทัพแล้วจะรีบยกลงมาช่วยหนุนโดยด่วนที่สุด
ขุนหาญหักศึกนำกองม้าลาดตระเวนจู่โจม จากบ้านคำหยาด เข้าต่อรบด้วยพม่า ซึ่งมีพลรบถึงสี่หมื่นคน แม้จะสังหารศัตรูได้มากมาย แต่นักรบไทยก็ย่อยยับหมดสิ้นทั้ง 500 นาย ทิ้งไว้แต่วีรกรรมทหารกล้ามาถึงทุกวันนี้
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484 ก็เช่นกัน!
กองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่อ่าวประจวบฯ เพื่อยึดไทยเป็นทางผ่านเข้าพม่า และอินเดียต่อไป ทหารและประชาชนกองบินน้อยที่ 5 ต่อสู้สุดชีวิต ล้มตายไป 41 ราย ทหารเตี้ยเสียชีวิตไปประมาณ 400 ราย
คุณย่าเล่าว่าตอนดึกๆ มีคนเห็นทหารหลายสิบนายสะพายปืนเดินวนเวียนที่อ่าวประจวบฯ คล้ายจะคอยพิทักษ์รักษาไม่ให้อริราชศัตรูจู่โจมเข้ามารุกรานแผ่นดินไทยได้ง่ายๆ
คุณยายก็เล่าว่า ที่ช่องสิงขร (หรือด่านสิงขร) อันเคยเป็นสมรภูมิละเลงเลือดของนักรบไทยก็ยังคงความขลังและศักดิ์สิทธิ์เสมอมา!
มีคนเคยเห็นกองม้าบ้านคำหยาด ควบตะบึงเข้าต่อสู้ข้าศึกในตอนกลางคืน ตามประวัติที่ว่าเข้ารบพม่าตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงเที่ยงวัน กระทั่งล้มตายหมดสิ้นทั้ง 500 นาย ข้าศึกจึงสามารถผ่านด่านสิงขรเข้ามาได้สำเร็จ
เสียงควบม้า เสียงโห่ร้อง เสียงดาบกระทบกัน คนที่ได้เห็นได้ยินขนหัวลุก ยกมือไหว้น้ำตาคลอ
วิญญาณของทหารกล้ายังคอยปกป้องแผ่นดินไทยไว้ให้ลูกหลานจนถึงทุกวันนี้ค่ะ...ใครทรยศ คิดคดโกงชาติ - ขายชาติขายแผ่นดิน ขอให้นึกถึงวิญญาณของบรรพบุรุษจะสาปแช่งให้ตกนรกอเวจีนะคะ!