ผีเรือตะเคียน

"เด็กบางคนที" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากซากเรือโบราณ

ผมเป็นคนแม่กลอง หรือสมุทรสงครามนั้นละครับ แต่เดิมเรียกว่าสวนนอก เป็นแขวงหนึ่งของราชบุรีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาโน่น จนถึงยุคกรุงธนบุรีจึงได้แยกมาเป็นเมืองแม่กลอง

"ลาสาวแม่กลอง" เพลงสุดฮิตเมื่อ 40 ปีก่อน ทำให้บ้านเกิดผมดังกระฉ่อน ใครล่ะจะไม่รู้จัก หรือไม่เคยได้ยินเพลง ลาสาวแม่กลอง?

"สิ้นแสงดาวดุเหว่าเร่าร้อง จากสุมทุมลุ่มน้ำแม่กลอง พี่จำจากน้องคนงาม แว่วหวูดรถไฟพี่แสนอาลัยสมุทรสงคราม คงละเมอเพ้อพล่ามคิดถึงคนงามที่อยู่แม่กลอง..."

แหม! เสียดายที่ไม่ได้เอื้อนลูกคอให้คุณๆ ฟัง แต่รับรองว่าหนุ่มแม่กลองยุคนั้นร้องเพลงนี้ได้ทุกคนละครับ

คนถิ่นอื่นส่วนมาก คิดว่าบ้านผมมีแต่กุ้งหอยปูปลา เพราะเป็นเมืองชายทะเลเหมือนมหาชัย แน่ละครับ! แต่ยังมีโรงน้ำปลาสะพรั่งทั้งสองฝั่งแม่น้ำ มีดอนหอยหลอด มีพริกแห้งลือชื่อทั่วเมืองไทย คือพริกแห้งบางช้างนั่นไง เม็ดใหญ่ ทั้งเผ็ดทั้งหอม ทำอะไรก็อร่อยที่สุด

ยิ่งทำน้ำปลาหวานยิ่งอร่อยหายห่วง จิ้มมะม่วง มะปราง...คิดแล้วน้ำลายไหล!

บ้านผมมีทั้งองุ่น ลิ้นจี่ลูกโต มีน้ำตาลปึกขึ้นชื่อ เพราะมีต้นมะพร้าวที่ไม่กลัวน้ำกร่อยน้ำเค็ม บ้านไหนอาจจะไม่มีสวน แต่ต้องมีมะพร้าวดกสะพรั่งกันทุกบ้านแหละครับ

ลืมบอกให้ละเอียดว่าผมเป็นคน อ.บางคนที แถวบ้านมีคอเหล้ารุ่นเดอะหลายคน ชอบตั้งวงล่อน้ำตาลเมากันตอนบ่ายๆ ไปยันเย็น ตะละคนเป็นนักเล่านิทานตัวยง เด็กๆ มักออไปฟังกันตึม เพราะมีนิทานสนุกๆ ตื่นเต้นเหลือเชื่อจนพวกเราจำฝังหัวตั้งแต่เล็กจนโต

เรื่องผีๆ สางๆ นี่ ตาอู๋ ปู่ผาด ตาวาด แกมีวิธีเล่าได้สนุกเร้าใจเหลือเชื่อจริงๆ

วันนั้น ตาวาดเล่าเรื่องทิดเอี่ยมเพิ่งสึกมามีเมียได้ราวสองเดือน เมียก็เป็นไข้ทับระดูตาย แหม! กำลังข้าวใหม่ปลามันพอดีเชียว ทิดเอี่ยมตกค่ำก็ไม่เป็นอันทำอะไร เอาแต่สะอึกสะอื้นคร่ำครวญถึงเมีย จนชาวบ้านร้านช่องพลอยเวทนาไปตามๆ กัน

คืนหนึ่ง อารามโหยหาอาวรณ์เมียสาวคนสวยที่มาตายจากกันไปดื้อๆ ทำให้พี่ทิดบุกบั่นไปถึงป่าช้า คงจะเมาน้ำตาลได้ที่ด้วยแหละ...ไปรำพันหาสุดรักสุดบูชาเหมือนขุนช้างที่คร่ำครวญถึงนางวันทองผู้โดนตัดหัวว่า "แม่ยอดฟ้าฝาบาตรกระจาดใหญ่"

ทิดเอี่ยมคร่ำครวญจนวิญญาณเมียแกทนไม่ไหว ต้องปรากฏกายขึ้นตรงหน้า...แทนที่พี่ทิดจะดีใจกลับร้องจ้า เมื่อเห็นเมียสาวในสภาพอึ่ดทึ่ดตามแบบภูตผีทั้งหลาย แถมส่งเสียงแหบโหยหว่า...พี่เอี่ยมจ๋า เมียมาหาพี่แล้วจ้า...

พี่ทิดกระโจนตัวลอย วิ่งชนิดแหกปากพลางตะโกนโหวกโหวยเหมือนคนบ้าล้มลุกคลุกคลานจนมาสิ้นสติหน้าบ้าน...เลิกร้องรำพันหาเมียเด็ดขาดตั้งแต่วันนั้น!

ตาอู๋ซัดน้ำตาลเข้าไปอึกใหญ่ อัดยาใบตองควันโขมง บอกว่าเรื่องของแกเด็ดขาดกว่า เพราะเจอะเจอมากับตัวเองแท้ๆ

สมัยเด็ก ตาอู๋กับเพื่อนๆ ชอบไปเล่นที่เรือโบราณ คว่ำจมดินอยู่บนตลิ่งใกล้ต้นไทร เป็นเรือขุดจากไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ โผล่เฉพาะส่วนหัวขึ้นมายาววาเศษ พวกเด็กๆ ชอบปีนป่ายขึ้นไปกระโดดโลดเต้น เล่นมาหลายปีดีดักแล้ว จนท้องเรือส่วนนั้นเป็นมันวะวับ

เย็นหนึ่งก็เกิดเรื่องขนหัวลุกโดยไม่นึกฝัน!

ขณะที่ตาอู๋กับเพื่อนกำลังกระโดดหยองแหยงกันอยู่ดีๆ ก็มีเสียงลั่นครืนๆๆ

ปลาอานนท์พลิกตัวอยู่ในบาดาล หรือแผ่นดินไหวนั่นเอง! บางคนพลัดหล่นตุ๊บตั๊บ บางคนร้องไห้จ้า ท้องเรือก็โคลงเคลงไปมาราวถูกคลื่นซัดทั้งที่จมดินอยู่ค่อนลำแท้ๆ

ตาอู๋ตั้งสติได้ก็รู้แน่ว่าแผ่นดินไม่ได้ไหว แต่เรือโบราณเจ้ากรรมลำนั้นเองกำลังสะบัดไปมาคล้ายจะพลิกหงายอวดโฉมยังงั้นแหละ!

"ข้าเห็นจวนตัวเลยโจนผลุงลงมาพร้อมๆ กับไอ้ช้อย...แม่โวย! มันลั่นดังเปรี๊ยะๆ จนข้าหูอื้อ แล้วหัวเรือที่โผล่ขึ้นมาหลายปีดีดักก็จมวูบ หยั่งกะโดนธรณีดูดจมหายลงไปต่อหน้าต่อตาเข้าเลย! โอย...พูดแล้วขนลุกว่ะ"

เพื่อนๆ แกพยักหน้าอือออ แต่เจ้าเปียเพื่อนผมมันเอียงคอมองอย่างสงสัย


"จริงง่ะ? ลุงโม้อ๊ะป่าว..."

"อ้าว? ไอ้เด็กเปรต" ตาอู๋ขบเหงือก คว้ากะลาน้ำตาล "ถ้าไม่เชื่อเอ็งก็ไปถามไอ้ช้อยเพื่อนข้าดูซีวะ ป๊ะโธ่! ไอ้นี่วอนซะแล้ว"

พวกเราล่าถอยออกมา...ผมเชื่อแกสนิท เพราะเรื่องของแกมีพยิงพยานน่าเชื่อถือทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องนี้ก็เหมือนกับเรื่องก่อนๆ คือพยาน-หรือตาช้อยน่ะ...ตายไปตั้งนมนานกาเลแล้วนี่ครับ!



ผีเรือตะเคียน

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์