สมัยวัยรุ่นผมอยู่ที่บ้านดงหลวง จังหวัดมุกดา หาร ชาวบ้านร้านช่องสมัยนั้นยังนับถือผีสางเทวดากัน ไม่ว่าผีฟ้า ผีแถน ผีปู่ผีตาว่าเป็นที่พึ่งทางใจ จะหาที่พึ่งกับพวกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ว่าหน่วยไหนๆ ก็ล้วนแต่ลำบาก ยากเย็นเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา ก็ต้องหันไปพึ่งภูตผี หรือสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติไปวันๆ
ความเปล่าเปลี่ยวของพื้นที่ซึ่งเป็นทุ่งนาป่าดงแทบทั้งนั้น ย่อมจะหนีเรื่องผีๆ สางๆ ไปไม่พ้น ยิ่งมีใครล้มตายก็ยิ่งลือกันว่าผีดุ ถ้าตายโหงด้วยแล้ว รับรองว่าลือกันไปเป็นเดือนๆ เชียวล่ะครับ...จะจริงหรือเท็จยังไงก็ไม่รู้แน่เหมือนกัน
จนกระทั่งผมได้เจอะเจอกับโคตรผีดุเข้ากับ ตัวเอง!
พี่เดือนเป็นสาวสวยวัยต้น 20 ปี ผู้ใหญ่ดอนผู้พ่อแกหวงนักหวงหนา จนพวกหนุ่มๆ ในย่านนั้นไม่มีใครข้องแวะด้วย แต่เป็นที่รู้กันดีว่าพี่เดือนมีคนรักชื่อทิดม่วง-ลูกนาของผู้ใหญ่บ้านนั่นเอง มีคนแอบเห็นเธอดอดไปพบทิดม่วงที่กระท่อมปลายนาบ่อยครั้ง
'นังเดือนมันดื้อรั้นหยอกใครล่ะ' ตาจัน-คอเหล้าประจำตำบลเคยพูดกับเพื่อนของแกในร้านเจ๊กฮุย ก่อนจะขยายความต่อ
'เอ็งดูจมูกมันซีวะ นอกจากจะโด่งผิดอีสาวคนอื่น ตรงปลายมันยังเชิดรั้น บอกว่าดื้อบรรลัยเชียว'
ไม่มีใครคัดค้าน นอกจากห่วงใยว่าถ้าพ่อเธอรู้เข้าจะเกิดเรื่องรุนแรงปานใด?
จู่ๆ ผู้ใหญ่ดอนก็รับหมั้น สัญญาว่าจะยกลูกสาวให้ลูกชายเจ้าของโรงสีจากในจังหวัดดื้อๆ ลือกันว่าพี่เดือนปิดประตูห้องร้องไห้พะอืดพะอม ไม่ยอมกินข้าวกินปลาอยู่หลายวัน
กระทั่งกำหนดแต่งงานใกล้เข้ามา...มีคนเห็นเธอหลบไปหาคนรักในตอนค่ำคืน...รุ่งขึ้นก็เอะอะกันทั้งบ้านว่าพี่เดือนหายไปไหน? ผู้ใหญ่ดอนยกโขยงออกติดตามก็ไปพบกับลูกสาวกลายเป็น ศพแขวนคอตายที่ต้นมะม่วงป่าริมทางเปลี่ยวหลังหมู่บ้านนั่นเอง!
เมื่อเรื่องกลับกลาย ลงเอยด้วยความเศร้าสลด ศพพี่ เดือนถูกฝังที่ป่าช้าเรียบร้อย ทิดม่วงก็หายหน้าไป...ข่าวลือเรื่องผีสาวอาละวาดก็โด่งดังขึ้นมาทันที
ลุงปั่นชักเกวียนผ่านมาตอนโพล้เพล้ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นคร่ำครวญมาเข้าหู...มันดังมาจากต้นม่วงที่ลูกสาวผู้ใหญ่บ้านอาศัยเป็นเรือนตาย ทำให้ลุงปั่นแหงนหน้าขึ้นมองก็เย็นวาบไปทั้งตัว...
ศพสาวเดือนห้อยโตงเตงอยู่นั่น! เล่นเอาลุงปั่นร้องตะโกนลั่นๆ ด้วยความตกใจสุดขีด ขับเกวียนห้อตะบึงไม่รู้หนเหนือหนใต้ มาถึงบ้านได้ก็สลบคาที่
ผีพี่เดือนหลอกหลอนผู้คนหลายรายแล้ว แต่ผมยังไม่เคยเจอกับตัวเองซักที!
เย็นหนึ่งผมกำลังนั่งเล่นอยู่ที่ม้าหน้าบ้านกับเพื่อนชื่อ พูน ป้าคำใสอยู่บ้านใกล้ๆ กันก็มาขอแรงให้ไปเป็นเพื่อนด้วยเถอะ เพราะแกจะไปเก็บผักเก็บยอดกระโดนเอามา จิ้มแจ่ว จะไปคนเดียวก็กลัวผี! ผมกับไอ้พูนก็ตกลง...กลางวันแสกๆ จะไปกลัวอะไร
แหม! ผักหญ้างามจริงๆ ครับ ร่างอ้วนท้วนของป้าคำใสก็เด็ดยอดกระโดนอ่อนๆ ใส่ตะกร้า เราสองคนก็ช่วยกันเก็บเพลิดเพลิน จนกระทั่งมีเสียงแมวร้องดังขึ้นมา
แมวจากไหนล่ะ? จะว่าหูแว่วก็ได้ยินกันทุกคน ผมเหลียวซ้ายแลขวาก็อ้าปากค้าง...เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าแถวนั้นคือที่ตายของพี่เดือน ขณะที่แสงแดดจางหาย อากาศเยือกเย็นลงอย่างรวดเร็ว
'แม้วๆ' เสียงเยือกเย็นน่าขนลุกดังขึ้นอีก คราวนี้ชัดเจนจนเราเงยหน้าไปมองเป็นจุดเดียวกัน...เห็นมะม่วงต้นนั้นยืนตระหง่าน ร่มครึ้ม แมวดำปลอดหมอบอยู่บนกิ่งใหญ่ จ้องมองเราด้วยนัยน์ตาเหลืองจ้า แยกเขี้ยวขาววับน่าสยอง
แมวเจ้ากรรมร้องแม้วๆ แต่ฟังคล้ายเสียงคนร้องไห้ ก่อนจะโดดแผล็วหายไปในกิ่งใบดกหนาข้างบน...ผมเกือบจะถอนใจอย่างโล่งอกอยู่แล้วก็พอดีมีเสียงซู่ซ่าขึ้นมา
ฟ้าเป็นพยาน! นี่มันเกิดนรกจกเปรตอะไรขึ้นมา?
มะม่วงกิ่งใหญ่ที่แมวดำเกาะอยู่เมื่อหยกๆ กลับกลายเป็นร่างพี่เดือนที่ทิ้งตัวจากข้างบนลงมาห้อยโตงเตง ลิ้นจุกปาก นัยน์ตาถลนออกมานอกเบ้า...ป้าคำใสทิ้งตะกร้าร้องไห้โฮไปไหนไม่ไหวนั่งแผละอยู่ตรงนั้นเอง
ส่วนไอ้พูนวิ่งแหกปากร้องโว้ยๆ ไปด้วย โดยมีผมห้อเหยียดตามติดๆ ไม่คิดชีวิตเลย
ในที่สุดผู้ใหญ่ดอนก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ลูกสาวอีกครั้ง ปีศาจสาวสุดเฮี้ยนก็หายสาบสูญไปจนถึงทุกวันนี้!