เมื่อต้นปีที่แล้วนี่เอง ดิฉันกับเพื่อนได้พบกับเหตุการณ์สยองขวัญที่ยังติดหู ติดตา มาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าเราจะพูดกันภายหลังก็ตาม...ไม่หัวใจวายหรือช็อกตายเพราะหวาดกลัวก็นับว่าเป็นบุญเต็มที!
ตอง - เพื่อนสนิทขับรถมาหาดิฉันที่บ้านแถววงเวียนใหญ่ในตอนเย็นวันเสาร์ หลังจากโทร.มานัดแนะเมื่อชั่วโมงก่อนว่าให้แต่งตัวรอ ขอชวนไปเที่ยวเพื่อฉลองการตกลงกับลูกค้ารายใหญ่ได้สำเร็จ
'อยากเป็นบ้านนอกเข้ากรุงซักวันน่ะก้อย' ตองอยู่นครชัยศรีนี่เองค่ะ
'อย่าบ้าไปหน่อยเลยน่า จะมาก็รีบมาเถอะ ระวังจะขับรถชนคนตายล่ะ'
'เพิ่งตายไปหยกๆ ตอนออกจากบ้านมาแป๊บเดียวเอง!'
ดิฉันไม่สนใจเพราะรู้ว่าเพื่อนชอบพูดเล่นเป็นประจำ จนกระทั่งเรานั่งรถมาด้วยกัน มาเดินห้างสยามพารากอน ช็อปเสื้อผ้าและเครื่องสำอางเพียบตามประสา ผู้หญิง ตองก็อยากไปนั่งดูบรรยากาศที่ลานเบียร์
'เอาสาวสวยสุดเซ็กซี่ไปโชว์ไง ยั่วให้หนุ่มๆ น้ำลายไหลเล่น ดีกว่าอยู่ว่างๆ'
เมื่อเราไปนั่งดื่มเบียร์ที่นั่น ตองมันเขี้ยวถึงกับสั่งเป็นหลอดตั้งเด่นกลางโต๊ะ ดูมากมายจนดิฉันตกใจว่าจะดื่มเข้าไปยังไงหมดกันเนี่ย? มีกับแกล้มพวกอาหารทะเลเผา 2-3 อย่าง ตองชอบแมงดาทะเลไข่เต็มท้อง จิ้มน้ำจิ้มแซบๆ ดิฉันก็อดมองเพื่อนอย่างชื่นชมไม่ได้
ในวัยต้น 30 ตองยังสะสวย เปล่งปลั่ง นัยน์ตากลมโตบอกความเฉลียวฉลาดรู้ทันคน นอกจากรูปร่างดีไม่แพ้นางแบบแล้ว ยังรู้จักแต่งตัวโฉบเฉี่ยวทันสมัย...คืนนั้นนุ่งกระโปรงรัดรูปสีเข้ม เสื้อเกาะอกสีเหลืองคลุมด้วยแจ๊กเกตสีแดงเลือดนก ผมสลวยกระจายเต็มไหล่ ดูโดดเด่นสะดุดตา
บรรยากาศคึกคักสว่างไสว ดนตรีแผดลั่นถูกอกถูกใจวัยรุ่นและหนุ่มๆ สาวๆ แม้เราจะมีเลขสามนำหน้าอายุแล้ว แต่ก็ยังโสด ยังอยู่ในวัยทำงานและเที่ยวเตร่หาความสนุกบันเทิงให้ชีวิตได้ตามสมควร
หนุ่มๆ หลายโต๊ะชำเลืองมาทางตองบ่อยๆ แต่เธอทำไม่รู้ไม่ชี้ บางทีก็ปิดปากหัวเราะกับดิฉัน
'คนสวยก็งี้แหละตัวเอง มีแต่คนมองจนรำคาญ แต่ไอ้ที่สุดหล่อตรงสเป๊กเราก็กลับไม่สน...ไม่เชื่อก็ค่อยๆ หันไปมองโต๊ะทางขวาซี ผู้ชายบ้าบออะไรก็ไม่รู้ แหม...หล่อซะ!'
ดิฉันค่อยๆ ชำเลืองมองก็พบผู้ชายสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้ม ผมหยิกสลวย หน้าตาคมคายสะดุดตาสาวๆ แต่กลับนั่งอยู่เดียวดาย
จู่ๆ ตองก็โพล่งขึ้นว่า 'สุดหล่อเหมือนที่เราขับรถชนตายแถวๆ บางแคน่ะแหละ...ว้าย! ไม่ใช่นะ แค่เห็นเขาโดนรถกระบะชนท้ายจนกระเด็นออกมาตายนอกรถเท่านั้นเอง! อุ๊ย...พูดแล้วขนลุกจริงๆ ว่ะ ดูซี...'
ว่าแล้วก็ยกแขนให้ดูพร้อมกับลูบไปมา เล่นเอาดิฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ตองก็เล่าต่อเนื่องกันไปด้วยสุ้มเสียงตื่นเต้นจนแทบจะมองเห็นภาพ
'ตอนนั้นเลือดท่วมตัวเขาเลย หน้าเละไปทั้งแถบ ตอนเราขับรถผ่านเขายังเหลือกตาขึ้นมอง...ติดตาเป็นบ้า! คิดว่าคงจะไม่รอดแหงๆ งานนี้น่ะ! บรื๋อออ...'
เธอหันไปมองโต๊ะสุดหล่อคนนั้นก่อนจะหันมาทำ ตาโต...
'เฮ้ย! หายไปแล้ววุ้ย เร็วจัง! สงสัยมีนัด'
ดิฉันหันไปมองก็เห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังปราดเข้ามาหาโต๊ะนั่ง เพราะแขกแน่นจริงๆ ค่ะ...เราคุยอะไรกันเรื่อยเปื่อย ตองรินเบียร์ใส่แก้วยกขึ้นดื่มอั๊กๆ ราวสี่ทุ่มเบียร์ก็หมด...เราตกลงกันว่าคืนนี้พอก่อน เดี๋ยวตองจะไปส่งดิฉันที่บ้านแล้วกลับนครชัยศรีเลย
เมื่อเราเดินไปที่ลานจอดรถ บรรยากาศดูเงียบสงบแตกต่างกว่าเสียงครึกครื้นเมื่อครู่ก่อน ตองยกรีโมตขึ้นกด ไฟในรถคันหนึ่งก็สว่างวูบขึ้น เธอบอกว่าใช้รีโมตก็สะดวกไปอย่างไม่ต้องเสียเวลาหารถ เผลอๆ ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าจอดไว้ที่ไหน...แต่ดิฉันมองอีกครั้งแล้วบอกว่า เธอมองรถผิดคันแล้ว เพราะคันที่เปิดไฟมีคนนั่งอยู่
'ไม่มีทาง จะผิดคันได้ยังไง? แต่เอ๊ะ...'
เสียงตองขาดหาย เราจ้องมองก็เห็นร่างดำๆ ของชายผู้หนึ่งนั่งตัวแข็งทื่อ ค่อยๆ หันมามองเราอย่างเชื่องช้าจนเห็นเลือดเปรอะใบหน้าไปทั้งแถบ นัยน์ตาลุกวาวน่าสยองสิ้นดี
'ผู้ชายคนนั้นนี่นา! ผีหลอก' ตองตะโกนสุดเสียงจนแก้วหูดิฉันลั่นเปรี๊ยะ ผงะหงายแทบจะก้นกระแทกพื้น หันกลับแล้วก็เดินจ้ำอ้าวอย่างคนสติแตก ใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว...คืนนั้นเธอต้องนั่งแท็กซี่ไปนอนค้างกันดิฉันค่ะ
ปัจจุบันตองขายรถคันนั้นไปแล้ว ใครจะกล้านั่งรถผีสิงล่ะคะ?!